ตอนที่ 135 เดิมพันทุบรถ

แน่นอนว่าเงินทุนของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นไม่ได้มากเท่ากับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่

"แต่น่าเสียดาย"

ฉินหยุนเย้ยหยันอยู่ในใจ วิธีนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อร้านเสื้อผ้าร้านอื่นๆ แต่สำหรับร้านของเขา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลกับมันมากเกินไป

"คุณตรวจสอบแล้วหรือยังว่าทำไมแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ถึงมาจัดการเราด้วยตัวเอง?" ฉินหยุนมองไปที่จ้าวเทียนเฉียง แล้วถามออกมา

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่อีกฝ่ายพยายามเข้ามาขัดขวางเขาเลย

"ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยครับ" จ้าวเทียนเฉียงรู้สึกอายเล็กน้อย

การที่ร้านขายเสื้อผ้าของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เปิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ พวกเขาได้ลอกเลียนแบบเทียนหยุนแทบทุกอย่าง ทั้งยังลดราคาให้ต่ำกว่า แถมยังจ้างหน้าม้าให้เข้าไปอยู่ในร้านมากมาย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแค่ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างจริงๆจังๆ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตอนนี้เทียนหยุนกำลังถูกหานลู่ข่มเหง แต่เขากลับไม่รู้ถึงเหตุผลด้วยซ้ำ ซึ่งเครือข่ายของเขามันยังคงตื้นเขินเกินไป

"แต่ตอนนี้ผมพอรู้เงื่อนงำนิดหน่อยแล้วครับ" จ้าวเทียนเฉียงกล่าวขึ้นอีกครั้ง "ผมมีเพื่อนสองสามคนในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ข้อมูลภายในบางอย่าง"

"โอเค ขอข้อมูลจากพวกเขามาให้เร็วที่สุด คุณสามารถใช้เงินบางส่วนของบัญชีในร้านเพื่อการจัดการกับเรื่องนี้ได้" ฉินหยุนออกคำสั่งทันที

"ครับบอสฉิน" จ้าวเทียนเฉียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

...

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

"คุณบอกว่าผู้บริหารระดับสูงของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่กับผู้นำของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่อื่นๆมาที่จินหลิงเมื่อวันก่อน แล้วเห็นว่าธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังเฟื่องฟู แต่ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าหานลู่กลับถูกทิ้งให้รกร้าง ดังนั้นแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จึงถูกหัวเราะเยาะโดยคนอื่นๆในวงการ พวกเขาจึงโกรธมาก ก็เลยวางแผนที่จะมาจัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเรางั้นเหรอ?" ฉินหยุนมองไปที่จ้าวเทียนเฉียงพลางเอ่ยถามออกมา

"ใช่ครับบอสฉิน" จ้าวเทียนเฉียงพยักหน้าพลางกล่าว

เขาพอรู้จักกับคนที่มีตำแหน่งระดับผู้นำแบรนด์เสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่แห่งหนึ่ง เมื่อใช้เงินไปบางส่วน ในที่สุดเขาก็ได้ข่าวนี้มา

ใบหน้าของฉินหยุนมืดลงเล็กน้อย ซึ่งเขาก็เคยคิดเกี่ยวกับเหตุผลนี้มาก่อนเช่นกัน

พลังของค่ายกลรวบรวมโชคลาภนั้นมันสุดยอดมากเกินไป เมื่อมีผู้คนมากมายเดินอยู่บนถนนในย่านการค้าต่างๆ และใครก็ตามที่มีความคิดเพียงเล็กน้อยในการอยากซื้อเสื้อผ้า ภายใต้อิทธิพลของค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ก็มีแนวโน้มว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเดินเข้าไปดูที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเป็นร้านแรกๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่ามันจึงส่งผลกระทบต่อร้านขายเสื้อผ้าโดยรอบอย่างมาก

ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าเหล่านั้นอาจจะกำลังรู้สึกเกลียดชังร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่ก็ได้

แต่การทำธุรกิจก็เป็นเช่นนี้ ในวงการนี้มันไม่มีคำว่าเมตตา ฉินหยุนไม่ได้รู้สึกว่าเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าคนอื่นๆน่าสงสารเลย และเขาก็ไม่มีความคิดที่จะทำเงินน้อยลงด้วย

ถึงแม้เขาจะมีเงินมากขึ้น แต่เขาก็ยังรับสมัครพนักงานมากขึ้น และก็ยังจ่ายค่าจ้างสูงกว่าร้านอื่นๆมากด้วย

อันที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องรับสมัครพนักงานจำนวนมากเลย การจ้างพนักงานไม่กี่คนก็ไม่ถือว่าผิดอะไร อย่างมากพวกเขาก็อาจจะทำงานในส่วนต่างๆมากขึ้นหน่อยและอาจจะเหนื่อยกว่าปกติเล็กน้อย แต่เขาจะไม่ทำเช่นนั้น

หากเขามีรายได้มากขึ้น เขาก็ยินดีที่จะให้โอกาสคนอื่นได้ทำงานมากขึ้นด้วย

แม้ว่าคนเหล่านั้นจะเกลียดชังและไม่มีวิธีที่จะแข่งขันกับเขา แต่ในเวลานี้เขาได้ไปแย่งเค้กชิ้นใหญ่มาจากแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่แล้ว ซึ่งไม่เหมือนกับร้านค้าร้านเล็กๆเหล่านั้น และพวกเขาก็มีวิธีมากมายที่จะจัดการกับเขา

ฉินหยุนครุ่นคิดเล็กน้อย

จริงๆแล้วปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย แม้ว่าตอนนี้มันจะไม่ปรากฏขึ้น แต่ถ้าหากในอนาคตร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงขยายตัวต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าก็เร็วร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์อื่นๆก็จะมาจัดการกับเขาเช่นกัน

ทั้งสองกำลังปรึกษากัน แต่เมื่อจ้าวเทียนเฉียงมองไปที่โทรศัพท์ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที

"บอสฉินครับ ตอนนี้เจ้าของร้านเสื้อผ้าหานลู่ จั่วหาน กำลังอยู่ในร้านของเขา แต่เจ้าของที่ที่เราเช่าอยู่ก็อยู่ที่นั่นกับเขาด้วย"

"เจ้าของที่?" ฉินหยุนดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็มืดลงอีกเล็กน้อย

"ไปกันเถอะ"

เขาพาจ้าวเทียนเฉียงไปที่ร้านเสื้อผ้าหานลู่อย่างรวดเร็ว

ทันทีที่เขามาถึงที่นี่ เขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาพอดี ตามด้วยชายร่างกำยำ

"จั่วหาน?"

เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มคนนี้ สีหน้าของฉินหยุนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เมื่อตอนที่ตรวจสอบข้อมูลก่อนหน้านี้ เขาก็ได้รู้แล้วว่าจั่วหานคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร

ก่อนหน้านี้ที่รถของเขาจะถูกชน ก็เป็นเพราะจู่ๆจั่วหานขับรถพุ่งออกมาจากทางแยก เขาจึงเบรกอย่างกะทันหัน ซึ่งรถคันหลังที่ขับมาโดยไม่ได้เว้นระยะห่างที่ปลอดภัยไว้ ก็ชนเข้ากับเขาเต็มๆ

แม้ว่ารถที่อยู่ข้างหลังจะเป็นผู้รับผิดชอบต่ออุบัติเหตุทั้งหมด แต่จริงๆแล้วจั่วหานก็คือต้นเหตุ

"ฉินหยุน เจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน?"

เมื่อเห็นฉินหยุน จั่วหานก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "ยินดีที่ได้รู้จัก"

"ยินดีที่ได้รู้จักงั้นเหรอ?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ชี้เข้าไปในร้านเสื้อผ้าหานลู่ เขากล่าวว่า "ฉันไม่รู้ว่าแบบนี้มันหมายความว่าอะไร?"

"ฮ่าๆ พวกเราทั้งหมดต่างก็ทำธุรกิจเสื้อผ้าเหมือนกัน มันก็เป็นเรื่องปกตินี่นาที่ภายในร้านเสื้อผ้ามันจะตกแต่งเหมือนกันน่ะ" จั่วหานยิ้มพลางกล่าวออกมา

ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่อยู่บนใบหน้าของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเพื่อนกับฉินหยุนมาหลายปีแล้ว

"เอาแบบนี้เป็นไง"

จั่วหานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ที่ถนนย่านการค้าแห่งนี้ เราแข่งขันกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร นายเพียงแค่ปิดร้านขายเสื้อผ้าเทียนหยุนไป แค่นี้เราก็ไม่จำเป็นต้องสู้กันแล้ว"

เขามองไปที่ฉินหยุนและเอ่ยแนะนำอย่างจริงใจว่า "ด้วยวิธีนี้ นายยังสามารถลดความสูญเสียได้อยู่นะ"

ตอนนี้เป้าหมายของจั่วหานคือการบดขยี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วยเงินทุนและเวลา และทำให้พวกเขาปิดตัวลงโดยที่ไม่มีโอกาสได้ฟื้นกลับมาอีก

แต่ตอนนี้เขากำลังโปรโมทร้านด้วยเงินทุนของเขาเอง เขาต้องจ่ายเงินออกไปเปล่าๆอยู่ทุกวัน และเงินที่ใช้ในการจ้างหน้าม้าจำนวนมากก็เป็นจำนวนมหาศาลเลย

อันที่จริงแล้วเขาหวังว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะยอมปิดกิจการไปด้วยตนเอง

ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันและใช้การต่อสู้ที่ดุเดือดเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เลย

ถ้าเป็นแบบในกรณีที่ว่า ทันทีที่ร้านเสื้อผ้าหานลู่เปิดขึ้น ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ริเริ่มที่จะปิดกิจการลง ถ้าเป็นแบบนี้มันจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ให้ผู้อื่นประจักษ์ได้เป็นอย่างดี

ในฐานะนักธุรกิจ กำไรต้องมาก่อนเสมอ และวิธีการที่เหมาะสมที่สุดในการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง ก็คือการใช้เงินให้น้อยที่สุด

และถึงแม้ว่าเทียนหยุนจะปิดกิจการลง แต่ภายใต้แผนการของเขา เทียนหยุนจะต้องประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอน

"ฉันจะลองพิจารณาคำแนะนำของนายดู" เมื่อได้ยินคำกล่าวของจั่วหาน ฉินหยุนก็พยักหน้า

เขาจ้องมองไปที่จั่วหาน จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทางสงบว่า "แต่ฉันคิดว่าคำพูดนี้มันอาจจะต้องสลับฝั่งกันสักหน่อย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จั่วหานก็ผงะไปทันที และจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาดังๆ

"ฮ่าฮ่า ฉินหยุน ข้อเสนอแนะของนายน่าสนใจมาก ฉันจะลองพิจารณาดู"

เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนจึงริเริ่มที่จะปิดตัวลง เพื่อหลีกทางให้กับเทียนหยุน ร้านเสื้อผ้าที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่เดือน คาดว่าเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอาจจะทำให้ทุกคนหัวเราะจนฟันล่วงได้

เหมือนมดตัวน้อยที่พูดกับช้างตัวโตว่า ‘เฮ้ หลีกทางไป ถ้าไม่หลีกฉันจะเหยียบนายให้แบน’

จากมุมมองของจั่วหาน เห็นได้ชัดว่าฉินหยุนเสียสติไปแล้ว

เมื่อเห็นเขาหัวเราะออกมา ฉินหยุนก็ชี้ไปที่รถปอร์เช่สีแดงระยิบระยับที่จอดอยู่ในระยะไกล จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "นั่นถือว่าเป็นคำแนะนำจากฉัน นอกจากนี้ ฉันอยากจะทุบรถคันนี้ของนายจริงๆ"

"ทุบรถงั้นเหรอ?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของจั่วหานก็แสดงความขี้เล่นออกมา และก็แน่นอน เขารู้ว่าฉินหยุนหมายถึงอะไร ซึ่งก็เป็นเพราะเขาเองที่ก่อนหน้านี้ทำให้รถของฉินหยุนถูกชน

"ถ้าอย่างนั้น เอาแบบนี้เป็นไงล่ะฉินหยุน ถ้าฉันเป็นคนที่เริ่มปิดร้านลงก่อน รถของฉันก็จะถูกนายทุบ ว่าไง?" จั่วหานยิ้ม

"แต่ยังไงก็ตาม ถ้าฉันเป็นฝ่ายชนะ ฉันก็จะทุบรถของนายด้วย แบบนี้มันถือว่ายุติธรรมดีไหม?"

"ได้" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็พยักหน้าอย่างจริงจัง "ในเมืองจินหลิงแห่งนี้ ถ้าหากว่าฉันปิดร้านนานเกินสิบวัน และไม่ได้เปิดขึ้นอีก ถือว่าฉันปิดกิจการร้านเสื้อผ้าได้เลย"

"งั้นก็ตกลง" จั่วหานเห็นด้วยทันที

แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะสนทนากันด้วยท่าทางใจเย็น แต่ตอนนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่กำลังปราบปรามร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่ และต้องการให้เทียนหยุนปิดกิจการลง ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือว่าได้ฉีกหน้ากากออกมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นฉินหยุนจะไปยอมทนกับท่าทีของเขาได้อย่างไร? เขาแค่กล่าวในสิ่งที่ต้องการจะกล่าวออกมาตรงๆ

(จบตอน)