ตอนที่ 131 เชฟตัวน้อย

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้ฉินหยุนมักจะใช้ชีวิตแบบสามจุดหนึ่งบรรทัดอยู่ตลอด เขามาที่มหาลัยเมื่อมีเรียน จากนั้นก็กลับไปจัดการกับร้านขายเสื้อผ้าที่นอกมหาลัย

ที่มหาลัย เขาได้พบกับเซียวหลานอยู่สองสามครั้ง แต่เมื่อเจอหน้ากันพวกเขาทั้งคู่ก็แค่ยิ้มออกมาและไม่ได้กล่าวอะไรมาก ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนก็จืดจางลงไปมากเช่นกัน

แต่ในชั้นเรียน หลินเมิ่งเมิ่งมักจะเริ่มเป็นฝ่ายเข้ามานั่งข้างเขาก่อน

หลังจากครั้งล่าสุดที่หลินเมิ่งเมิ่งเอ่ยสารภาพรักกับเขา ก็ดูเหมือนว่าความกล้าหาญของเธอจะเพิ่มขึ้นมากในทันที

ในชั้นเรียนวันนี้ หลินเมิ่งเมิ่งเป็นฝ่ายเข้ามานั่งข้างเขาก่อนอีกครั้ง

"ความกล้าของเมิ่งเมิ่งเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว"

"เห้อ ฉินหยุนเหมือนกับท่อนไม้เลย เขาไม่ตอบสนองต่อเมิ่งเมิ่งเลยสักนิด"

สาวๆหลายคนในห้องพักของจางเสี่ยวเยว่ อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นมา

จู่ๆจางเสี่ยวเยว่ก็หันไปบีบเอวของหลี่หานอวี่ จากนั้นเธอก็เอ่ยถามเสียงเบาว่า "หานอวี่ นายเคยถามฉินหยุนไหมว่าเขาคิดยังไงกับเมิ่งเมิ่ง?"

"โอ้ย เสี่ยวเยว่ เบาๆหน่อย!"

หลี่หานอวี่สะดุ้งขึ้นทันทีด้วยความเจ็บปวด เขาถูเอาของเขาพลางกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า "ฉันถามแล้ว ฉินหยุนบอกว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับหลินเมิ่งเมิ่ง"

ในห้องพักของพวกเขาไม่รู้ว่ามีกี่คนที่รู้สึกอิจฉาฉินหยุนมาก เขาเองก็เข่นกัน แม้ว่าเขาจะมีจางเสี่ยวเยว่อยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

"อา ในปัจจุบันนี้มันเป็นสังคมที่ให้ความสำคัญกับหน้าตา คนที่ทั้งใจดีและไร้เดียงสาเหมือนอย่างฉัน คงไม่มีที่ยืนอีกแล้ว" ข้างๆหลี่หานอวี่ โจวผานถอนหายใจพลางกล่าวออกมา

แต่เมื่อมองไปที่ดวงตาของเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอิจฉามากแค่ไหน

"นายยังไร้เดียงสาอยู่อีกเหรอ? งั้นเว็บไซต์ที่นายเปิดเมื่อคืนนี้... "

จ้าวคังฮ่าวเหลือบมองไปที่เขา

"อะแฮ่ม แค่กๆ พี่จ้าว ครั้งที่แล้วพี่เป็นคนเลี้ยงข้าวผมนี่นา ผมยังไม่ได้เลี้ยงข้าวตอบแทนเลย ทำไมเย็นนี้ไม่ให้ผมเลี้ยงข้าวพี่ที่โรงอาหารล่ะ?" จ้าวคังฮ่าวยังกล่าวไม่จบประโยค แต่กลับถูกโจวผานขัดจังหวะขึ้นทันที เขากล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว

"ที่โรงอาหารห่วยเกิน ฉันอยากไปกินข้าวข้างนอก" จ้าวคังฮ่าวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของโจวผานก็เจ็บปวดเหมือนถูกมีดเฉือนขึ้นทันที แต่เขาก็ยังคงพยักหน้าตกลง

"ฉินหยุน หลังจากหมดชั่วโมงเรียน นายจะกลับไปที่หอพักเลยไหม?" ในเวลานี้ที่อีกด้านหนึ่ง หลินเมิ่งเมิ่งเอ่ยถามขึ้น

"กลับสิ" ฉินหยุนกล่าว

"ถ้าอย่างนั้นตอนบ่ายนายว่างไหม เราออกไปเดินเล่นกันเถอะ" หลินเมิ่งเมิ่งถามออกมาอีกครั้ง

"ฉันไม่ว่างน่ะ" ฉินหยุนก็ตอบอีกครั้งทันที

หลังจากชั่วโมงเรียนสองคาบจบลง ฉินหยุนก็กลับไปที่หอพักกับเหล่ารูมเมท

หลักจากอยู่ในห้องพักได้สักพัก เขาก็ออกไปอีกครั้ง

"ฉินหยุน"

ขณะที่เขาเดินอยู่ในมหาลัยได้ไม่นาน ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อเขา

เมื่อหันไปมองที่ต้นเสียง เป็นหยูเล่อเหยาที่กำลังเดินเข้ามา

ร้านหม่าล่าทั่งที่เปิดโดยหยูเล่อเหยานั้นกิจการดีมาก โดยเฉพาะกับลูกค้าที่เป็นนักศึกษา หลายๆคนเลือกที่จะไปกินมัน ซึ่งรสชาติก็ดีมากจริงๆ

ร้านหม่าล่าทั่งนั้นกำลังค่อยๆได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็บอกว่าหัวหน้าชั้นนั้นสุดยอดมาก เธอเป็นคนมีความสามารถ แค่เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จเลย

แม้แต่คนจากคณะข้างๆต่างก็รู้ว่าคณะบริหารธุรกิจมีนักศึกษาใหม่ที่เก่งมากอยู่คนหนึ่ง

"หัวหน้าชั้น" เมื่อมองไปที่หยูเล่อเหยา ฉินหยุนก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม

เขามองไปที่หญิงสาวคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆหยูเล่อเหยา สาวๆเหล่านี้ล้วนเป็นรูมเมทของเธอ และพวกเธอก็ร่วมลงทุนในร้านหม่าล่าทั่งของหยูเล่อเหยาด้วยเช่นกัน

"ฉินหยุน นายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนักชิมของร้านหม่าล่าทั่งเลย นายหนีกลับหลังเลิกเรียนตลอด และไม่ได้ไปที่ร้านนานกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วนะ" หยูเล่อเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็อธิบายว่า "ก่อนหน้านี้ฉันยุ่งนิดหน่อยน่ะ"

"ฉินหยุน นายกำลังยุ่งกับอะไรอยู่? หรือว่านายทำธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ที่นอกมหาลัยงั้นเหรอ?" หลังจากเขากล่าวจบ หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหยูเล่อเหยา ลู่เสี่ยวเฟย เธอก็ถามขึ้นอย่างสงสัย

ถ้าฟังดูดีๆ จะสามารถได้ยินถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของเธอ

เธอไม่พอใจอย่างมากกับการที่ฉินหยุนปฏิเสธหยูเล่อเหยาตอนที่ร้านหม่าล่าทั่งยังไม่เปิดขึ้น และตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม

ในเวลานี้ธุรกิจร้านหม่าล่าทั่งของหยูเล่อเหยาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ภูมิใจในตัวเองมากเช่นกัน ซึ่งเธอคิดว่าฉินหยุนนั้นเป็นคนที่ไม่มีวิสัยทัศน์ และตอนนี้เขาต้องกำลังเสียใจมากแน่นอน

"ตอนนี้ธุรกิจของหยูเล่อเหยา ร้านหม่าล่าทั่งนั้นไปดีมาก แต่เล่อเหยาเธอก็ยังมีเวลาว่างอยู่ ธุรกิจของนายใหญ่กว่าของเล่อเหยางั้นเหรอ?"

ฉินหยุนชำเลืองมองไปที่เธอ และภายใต้สายตาของฉินหยุน ทันใดนั้นหญิงสาวที่ชื่อลู่เสี่ยวเฟยก็ตื่นตระหนกขึ้นทันที

"เสี่ยวเฟย" แต่ในขณะนี้เอง หยูเล่อเหยาก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงเบา

ฉินหยุนถอนสายตาของเขาออกมา ลู่เสี่ยวเฟยพูดถูก ในขณะนี้ที่นอกมหาลัยเขาทำธุรกิจหลายอย่างเลย

เมื่อมองไปที่ฉินหยุน หยูเล่ยเหยาก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง "ตอนนี้นายว่างไหม ฉันได้คิดค้นสินค้าใหม่ออกมาสองอย่าง นายอยากไปลองชิมดูไหม?"

หลังจากคิดสักพัก ตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องรีบไปจัดการจริงๆ ดังนั้นฉินหยุนจึงพยักหน้าและไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้

เมื่อเธอมาถึงร้านหม่าล่าทั่ง หยูเล่อเหยาก็ยุ่งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็นำหม่าล่าทั่งสองชามออกมาอย่างรวดเร็ว

ถึงจะเรียกว่าหม่าล่าทั่ง แต่จริงๆแล้วมันก็แค่เป็นน้ำซุป และก็ไม่มีอะไรให้กินมากนัก

อันที่จริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในร้านหม่าล่าทั่งก็คือเบสน้ำซุป ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่เลว ไม่ว่าจะใส่อะไรลงไปมันก็ถือว่าอร่อย

"เป็นไง?"

เธอมองไปที่ฉินหยุน และถามออกมาด้วยความคาดหวัง

ฉินหยุนชิม จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่เลวเลย"

เขาไม่รู้ว่าหยูเล่อเหยาไปได้สูตรลับพวกนี้มาจากไหน แถมเธอยังปรุงได้หลายรสชาตินอกเหนือจากหม่าล่าทั่งอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้ธุรกิจของร้านนี้จึงไปได้ดี

"นี่คือเครื่องเคียงสองอย่าง นายลองชิมได้" หยูเล่อเหยากล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนชิมมัน ทันใดนั้นนั้นดวงตาของเขาเป็นประกาย เขากล่าวขึ้นทันทีว่า "รสชาติอันนี้สุดยอดกว่าซุปอีก ทักษะการทำอาหารของเธอน่าจะดีมากใช่ไหม?"

ในตอนนี้เอง เมื่อลู่เสี่ยวเฟยที่กำลังยุ่งอยู่ได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน เธอก็หันศรีษะของเธอมาทางพวกเขาทันที พร้อมกับกล่าวว่า " ทักษะการทำอาหารของเล่อเหยาในร้านของเรานั้นดีมาก ฉันไม่คิดว่าเชฟในโรงแรมระดับ 5 ดาวจะเก่งเท่ากับเธอได้หรอก"

"เธอพูดเกินจริงไปขนาดนั้นได้ยังไง" หยูเล่อเหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

ฉินหยุนเองก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "หัวหน้าชั้น ฉันคิดว่าการเปิดร้านขายเครื่องเคียงพวกนี้น่าจะได้กำไรมากกว่านะ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะมาที่นี่เพื่อซื้อพวกมันบ่อยๆ"

"มันยุ่งยากมากเกินไปที่จะทำสิ่งเหล่านั้น"

เมื่อได้ยินคำชมของฉินหยุน แววตาของหยูเล่อเหยาก็ดูเหมือนจะมีรอยยิ้มเปล่งออกมา เธอกล่าวว่า "แค่ปรับปรุงเบสน้ำซุปให้ดีขึ้น หลังจากทำเสร็จฉันก็ใช้เวลาอย่างขี้เกียจได้แล้ว เรื่องยุ่งยากปล่อยให้คนอื่นทำดีกว่า"

ถ้าหากเป็นการทำอาหาร เธอก็จะยุ่งมากจนไม่มีเวลา แต่ตอนนี้เธอมีหน้าที่แค่ทำเบสน้ำซุป ซึ่งหน้าที่อย่างอื่นก็ปล่อยให้เชฟในร้านจัดการได้

"ขี้เกียจ?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็มองไปที่หยูเล่อเหยาด้วยความประหลาดใจ ในความประทับใจของเขา หยูเล่อเหยาเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ทั้งการเป็นหัวหน้าชั้นเรียน วิ่งไปเข้าร่วมกับสหภาพนักศึกษาแถมยังเปิดร้านหม่าล่าทั่ง สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนขี้เกียจจะทำเลย

"เอาล่ะ กินต่อซะ"

แต่ฉินหยุนไม่ได้ถามคำถามใดๆออกไปอีก และหลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนและเอ่ยลา

"ฉินหยุน สองสามวันนี้ฉันอาจจะคิดค้นบางอย่างได้ และฉันจะโทรหานายนะถ้ามีสินค้าตัวใหม่ออกมา" หยูเล่อเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ไม่มีปัญหา" ฉินหยุนโบกมือและออกจากร้านไป

...

หลังออกจากร้านหม่าล่าทั่ง ฉินหยุนก็ไปที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้ ซึ่งเป็นที่ที่ฉินลู่ พี่รองของเขาทำงานอยู่

ในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ฉินลู่ได้อาศัยช่วงวันหยุดกลับไปที่เขตชิงอู๋ เพราะว่าเธอไม่ได้กลับไปเป็นเวลานานมากกว่าครึ่งปีแล้ว

และเมื่อตอนที่เธอกลับมา ฉินหยุนยังอยู่ในมหาลัย ดังนั้นฉินลู่จึงกลับไปที่สำนักงานกฎหมายด้วยตัวเอง

เขาขับรถไปยังที่ที่ฉินลู่อาศัยอยู่ ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ฉินลู่ หยางเย่เจิน และจ้าวเถียนเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน แต่ยังมีผู้หญิงในชุดสูททางการที่สวมรองเท้าส้นสูงอยู่อีกด้วย ผู้หญิงคนนี้ภายนอกดูจริงจังเล็กน้อย และเธอก็ดูไม่ค่อยยิ้มออกมาเลย

ซึ่งเธอก็คือจางอวี๋ชิง บอสของสำนักงานกฎหมายที่ฉินลู่ทำงานอยู่นั่นเอง

(จบตอน)