ตอนที่ 177 โรคที่รักษาไม่หาย

หลิวกั๋วหมินเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ

พวกเขามีชีวิตอยู่ด้วยความยากจน ตัวหลิวกั๋วหมินเองก็ยังมีปัญหามากมาย เขาไม่สามารถทำงานต่างๆที่อยู่ภายในไซต์ก่อสร้างได้เลย และที่อื่นๆก็ไม่ต้องการแรงงานเช่นเขา ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้จึงมีเพียงทำไร่ทำสวนเล็กๆอยู่ที่บ้าน เขามีลูกสองคนที่กำลังเรียนอยู่ ซึ่งครอบครัวของเขาก็มีเงินเก็บไม่มากนัก

ปัจจุบันเงินส่วนใหญ่ที่ใช้ไปกับการรักษาลูกสาวก็ถูกยืมมาจากคนอื่นอีกที

อย่างไรก็ตาม เขาต้องช่วยชีวิตลูกของเขาให้ได้

"พ่อไม่ต้องกังวล ค่าเคมีบำบัดสำหรับวันนี้เรามีเงินจ่ายแล้ว ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี อาการป่วยของเสี่ยวตันก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน"

หลิวซินกล่าว "เดี๋ยวผมไปจ่ายค่ารักษาก่อนนะ"

เมื่อเขากล่าวจบ เขาก็เดินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาลทันที

หลังจากกลับมา หลิวซินก็ได้ยื่นเอกสารการชำระเงินให้กับหลิวกั๋วหมินเก็บไว้

"พ่อกับแม่อยู่เป็นเพื่อนน้องที่โรงพยาบาลนะ เดี๋ยวผมจะไปที่มหาลัยก่อน"

หลังจากพูดคุยกับครอบครัวและใช้เวลาอยู่กับน้องสาวของเขาสักพัก หลิวซินก็เดินออกจากโรงพยาบาล

แต่แทนที่จะไปมหาลัยตามที่เขาพูด เขากลับเดินทางไปที่ไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่ง

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงมาก และในขณะนี้ครอบครัวของเขาก็เป็นหนี้อยู่จำนวนมากแล้ว ซึ่งพ่อกับแม่ของเขาไม่สามารถหาเงินได้มากนักภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เขาจะไปนั่งเรียนอยู่ในมหาลัยด้วยความสบายใจ

การรวบรวมเงินจากการทำงานพาร์ทไทม์ในวันเสาร์และวันอาทิตย์นั้นไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขาเลย

ก่อนหน้านี้เขาก็เคยมองหาสถานที่ที่ทำงานต่างๆมาหมดแล้ว แต่เขาก็ถูกปฏิเสธไปทั้งหมด

"ที่นี่เราไม่ได้รับวุฒิมอปลาย"

"รูปร่างหน้าตาของคุณไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัทเรา"

เขาถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลหลากหลายประการ

หลิวซินเป็นเพียงนักศึกษาปีหนึ่ง และเขาก็มีแค่วุฒิการศึกษามัธยมปลายเมื่อตอนที่เขาออกไปหางานต่างๆ แถมหลิวซินก็ทั้งผอมและตัวเล็กอีก

เขาไปสมัครงานในที่ๆให้ค่าจ้างสูงๆ ซึ่งก็แน่นอนว่างานที่มีค่าจ้างสูงเหล่านั้นมีความต้องการคุณสมบัติของพนักงานที่สูงมากเช่นกัน

เขาไม่ได้มองหางานที่มีค่าจ้างน้อยเลย เพราะว่าเงินแค่เล็กน้อยมันไม่มีประโยชน์สำหรับเขาในเวลานี้

ซึ่งหลังจากมองหาอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหลิวซินก็ได้ที่ทำงาน นั่นก็คือที่ไซต์ก่อสร้าง

"เสี่ยวหลิว มาแล้วเหรอ"

เมื่อเห็นหลิวซินเดินเข้ามา คนงานบางคนก็ยิ้มและเอ่ยทักทาย

แม้ว่าหลิวซินจะดูผอมและตัวเล็ก แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่น้อยเลย ท้ายที่สุดแล้วตอนอยู่ที่บ้านเขาก็มักจะไปช่วยครอบครัวทำงานในสวนในไร่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างกายของเขาจะอ่อนแออย่างที่เห็นแค่ภายนอก

งานในไซต์ก่อสร้างนั้นทั้งหนักและเหนื่อยมาก แต่มีข้อดีอย่างหนึ่งคือค่าจ้างค่อนข้างสูง

เขาทำงานอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว และในขณะที่เขากำลังทำงาน หลิวซินก็เหลือบไปมองอาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่ แล้วก็รีบเบนสายตามองไปทางอื่นทันที

แผนการบางอย่างเริ่มก่อขึ้นในใจของเขา ตอนนี้น้องสาวของเขากำลังเข้ารับการรักษาอยู่ ไม่ว่าแผนนี้จะสำเร็จหรือไม่ มันก็จะมีผลอย่างมากต่อการรักษาน้องสาวของเขา

...

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วน้องสาวของหลิวซินก็ทำเคมีบำบัดได้สำเร็จ

แต่ผลลัพธ์ที่ปรากฏไม่เป็นไปตามที่คาดหวังมากนัก หลังจากการทำคีโม น้องสาวของเขามีอาการกดทับที่ไขกระดูกอย่างรุนแรง

"เสี่ยวซิน ตอนนี้เราจะทำยังไงดี?" หลิวกั๋วหมินและภรรยากล่าวอย่างกังวลใจ พลางมองไปที่ลูกชายของพวกเขา

พ่อแม่ของหลิวซินไม่ได้เรียนหนังสือเมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก พวกเขาอยู่กับไร่กับนามาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งพวกเขาก็เป็นชาวบ้านซื่อๆทั่วไป เมื่อพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาจึงรู้สึกเสียศูนย์อย่างสิ้นเชิง และพวกเขาก็ยึดถือหลิวซินให้เป็นกระดูกสันหลังของครอบครัว

พวกเขายืมเงินญาติพี่น้องเกือบจะครบทุกคนแล้ว ซึ่งคนที่เหลืออยู่พวกเขาก็โทรไปหาเพื่อขอยืมเงินแล้วเช่นกัน แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถยืมได้แม้แต่หยวนเดียว แถมญาติบางคนยังจงใจไม่รับสายด้วย

แต่ตอนนี้น้องสาวของหลิวซินมีผลข้างเคียงที่รุนแรงหลังจากการทำเคมีบำบัด และต้องใช้เงินจำนวนมากอีกครั้ง

"พ่อครับแม่ครับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะหาวิธีเอง"

หลิวซินนิ่งเงียบไป แต่ส่วนลึกในดวงตาของเขามีประกระกายความมุ่งมั่นฉายออกมา หลังจากที่ตัดสินใจเรื่องบางอย่างได้

เขาเข้าไปหาน้องสาว และอยู่กับเธอพักหนึ่ง

"พี่ชาย..."

เมื่อมองไปที่พี่ชายของเธอ เด็กหญิงตัวเล็กดูเหมือนจะรู้สึกได้บางอย่าง เธอจึงจับมือของเขาไว้ไม่ยอมปล่อย

"เสี่ยวตัน หนูอยู่โรงพยาบาลดีๆนะ เดี๋ยวคืนนี้พี่ก็กลับมาแล้ว" หลิวซินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุดเขาก็ออกจากโรงพยาบาลและกลับไปที่ไซต์ก่อสร้างอีกครั้ง

"เสี่ยวหลิว น้องสาวของนายเป็นยังไงบ้าง?"

บางคนในไซต์ก่อสร้างที่อัธยาศัยดีเอ่ยถามขึ้น ซึ่งบางคนก็รู้สถานการณ์ครอบครัวของหลิวซินเช่นกัน

"ยังเหมือนเดิมครับ" หลิวซินเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าของเขา เขากล่าวว่า "ผมแค่ต้องหาเงินให้ได้มากกว่านี้เพื่อรักษาอาการป่วยของเธอ"

"เฮ้อ.. เขาเรียนเก่งมากเลย แต่เขากลับต้องมาทำงานที่นี่"

"หวังว่าน้องสาวของนายจะหายไวๆนะ"

ทุกคนกล่าวปลอบโยน

คนงานเหล่านี้นิสัยก็ไม่เลวเช่นกัน พวกเขารู้ว่าหลิวซินสอบเข้ามหาลัยดีๆได้ แต่น้องสาวของเขาป่วยกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงออกมาหาเงินเป็นค่ารักษาพยาบาลของน้องสาว

ต่อหน้าคนงานเหล่านี้หลิวซินดูขี้อายและจริงใจ เขากล่าวขอบคุณทุกคน

อย่างไรก็ตาม สายตาของเขาเหลือบมองไปเห็นที่แห่งหนึ่งแบบผ่านๆ ซึ่งเป็นชั้นที่สี่ของอาคารที่กำลังก่อสร้าง ที่ตรงนั้นมีแผ่นไม้กระดานกองพะเนินอยู่

ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นมัน และเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ

เป็นเพราะว่าเขาได้ยินมาว่ามีคนตกลงมาที่ชั้นล่างโดยไม่ได้ตั้งใจ และทางไซต์ก่อสร้างได้จ่ายเงินให้ผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนหลายแสนหยวน

ในขณะนั้น ความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา ถ้าเขาตกลงมา เขาก็น่าจะได้ค่าชดเชยเช่นเดียวกัน

หากเขาได้ค่าชดเชยจากไซต์ก่อสร้าง เขาก็จะมีเงินพอสำหรับจ่ายค่ารักษาให้น้องสาวของเขา

ถึงหลิวซินดูเหมือนจะเป็นคนพูดน้อย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ ตรงกันข้าม คนที่สามารถสอบเข้ามหาลัยเจียงหยวนได้ต้องฉลาดมากแน่นอน แต่เขาแค่เก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจก็เท่านั้น

ในระหว่างที่ทำงานอยู่ในไซต์ก่อสร้าง เขาก็กำลังคิดว่าจะใช้แผนนี้ดีหรือไม่

ค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องสาวของเขาแทบจะเป็นหลุมลึกไร้ก้นบึ้ง เงินที่ยืมมาจากคนอื่นก็หมดไปกับการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว และเมื่อไม่มีเงิน พวกเขาก็ทำได้เพียงยกเลิกการเข้ารับการรักษาเท่านั้น

ผลลัพธ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่หลิวซินต้องการจะเห็นอย่างแน่นอน

หากการรักษาก่อนหน้านี้เป็นไปอย่างราบรื่น เขาจะไม่ทำตามแผนการที่ได้วางไว้นี้ แต่ตอนนี้ร่างกายน้องสาวของเขากลับเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นอย่างรุนแรง

ซึ่งมันก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการรักษาต่อ แต่พวกเขาไม่เหลือเงินแล้ว

ในโลกใบนี้มีโรคอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกว่าโรคความจน มันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย เมื่อเจอโรคนี้เข้าไปทุกคนก็แทบจะหมดหนทางเลย ได้แต่รอความตายด้วยความสิ้นหวังเท่านั้น

นี่คือความจริง เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เขาคิดเงียบๆอยู่ในใจ ในเวลานี้ที่ไซต์ก่อสร้าง มีหลายคนกำลังเดินตรวจหน้างานในไซต์ก่อสร้างแห่งนี้อยู่

ในหมู่พวกเขามีชายหนุ่มคนหนึ่งย้อมผมสีเหลืองและเจาะหูหนึ่งข้าง ในขณะนี้เขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ แต่เขาดูร้อนใจมาก

"ตาแก่ คุณให้เงินผมแค่หนึ่งล้านจะไปมีประโยชน์อะไร เงินแค่นี้ผมจะไปทำอะไรได้?"

ชายหนุ่มไม่พอใจเป็นอย่างมาก

"ฮ่าฮ่า หลี่เหว่ย สำหรับนายหนึ่งล้านมันยังน้อยเกินไปอีกงั้นเหรอ?"

"มันน้อยมาก ฉันเอาไปซื้อรถก็หมดแล้ว"

หลายคนข้างๆยิ้มและกล่าวออกมา ฟังจากการสนทนาของพวกเขา ดูเหมือนว่านี่ก็คือคนรวยรุ่นที่สอง

หลิวซินที่กำลังเดินอยู่ เหลือบไปเห็นพวกเขาและได้ยินการสนทนาของพวกเขาพอดี

เขาเคยเห็นหลี่เหว่ยคนนี้มาก่อน และได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกชายของเจ้าของโครงการก่อสร้างแห่งนี้

เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกัน และพวกเขาก็อาศัยอยู่ในสองโลกที่แตกต่างกัน

สำหรับหลี่เหว่ยและคนอื่นๆ เงินหนึ่งล้านนั้นเป็นจำนวนไม่มาก ซึ่งคาดว่าพวกเขาคงจะเอาไปซื้อรถได้เพียงแค่คันเดียว แต่สำหรับหลิวซิน เขาจำเป็นต้องทำงานหนักตลอดทั้งชีวิตเพื่อให้ได้มันมา

"ถ้าฉันเตรียมตัวให้ดี ถึงจะตกลงมาจริงๆฉันก็ไม่น่าจะตาย"

เขามองไปที่อาคารสูงที่อยู่ตรงหน้า

ชั้นที่ 4 ถือว่าสูงมาก แต่ถ้าเขาเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี หลิวซินก็มั่นใจว่าเขาจะไม่ตายแน่นอนเมื่อดูจากสภาพแวดล้อมด้านล่าง แต่ขาของเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ถ้าได้เงินมา บาดเจ็บนิดหน่อยจะเป็นไรไป?

สถานที่ทางด้านนี้หันหน้าเข้าหากล้องวงจรปิดที่อยู่อีกฝั่ง ดังนั้นทางไซต์ก่อสร้างจึงปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน

แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่านี่คืออุบัติเหตุ แต่หลิวซินก็คิดได้แค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น

อาการป่วยของน้องสาวของเขา จะรอช้ากว่านี้อีกไม่ได้แล้ว

นอกจากนี้ การบาดเจ็บสาหัสเป็นผลลัพธ์ที่มีความเป็นไปได้สูงที่เขาคาดเดาแต่ก็ยังมีอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่มีความเป็นไปได้ต่ำ ซึ่งก็คือความตาย

"เสี่ยวหลิว เอาของพวกนั้นขึ้นไปที่ชั้นบนให้ฉันที" ทันใดนั้น คนงานคนหนึ่งก็ตะโกนมาทางหลิวซิน

"มาแล้วๆ"

หลิวซินกล่าวอย่างรวดเร็ว

เขาก้าวขึ้นบันไดและเริ่มเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง จากนั้นก็ชั้นสาม...

(จบตอน)

ผู้แต่ง : เฮ้อ.. ขอให้ในโลกใบนี้ไม่มีความยากจน