ตอนที่ 174 ที่ปรึกษาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้

เมื่อมองไปที่ฉินหยุนซึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน หลินเยว่ซานก็ตกตะลึง

ทำไมนักศึกษาของเจียงเล่ยเพื่อนสนิทเธอ ถึงมาอยู่ที่นี่?

"นี่คือบอสฉิน เจ้าของบริษัทของเรา" พนักงานที่พาหลินเยว่ซานเข้ามาในห้องกล่าวขึ้น

เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของหลินเยว่ซานก็แสดงความตกใจออกมา

เธอพอรู้เรื่องเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่บ้าง พวกเขาเปิดร้านสาขาขึ้นมามากกว่าสิบแห่งภายในช่วงเวลาสั้นๆ และเงินเดือนของพนักงานในร้านก็สูงมาก อย่างน้อยก็ได้คนละ 5,000 หยวนเลย

สำหรับการก่อตั้งบริษัทเทียนหยุนในครั้งนี้ ทางบริษัทได้ประกาศรับสมัครผู้มีความสามารถทุกประเภทและยินดีจ่ายค่าตอบแทนให้เป็นจำนวนมาก ทั้งเธอ รวมถึงเพื่อนของเธอบางคนก็แทบต้องการที่จะเปลี่ยนงานมาที่นี่ทันที

ในความเห็นของเธอ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทียนหยุนน่าจะเป็นบุคคลที่ดูเป็นผู้ใหญ่และมีความมั่นคงมาก อายุของเขาอย่างน้อยก็ประมาณ 30 ปี

อย่างไรก็ตาม เจ้าของบริษัทเทียนหยุนที่เธอเห็นตอนนี้กลับกลายเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่เพิ่งอยู่มหาลัยปีหนึ่ง ซึ่งอายุน้อยกว่า 20 ปีด้วยซ้ำ

ประเด็นสำคัญคือเธอเคยพบกับฉินหยุนมาก่อน ซึ่งเขาเป็นลูกศิษย์ของเพื่อนสนิทของเธอ แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นบอสของบริษัทเทียนหยุนที่เธอต้องการจะเข้าร่วมไปแล้ว ความแตกต่างนี้มันช่างมากเกินไปจริงๆ

"หลินเยว่ซาน?"

ฉินหยุนมองดูข้อมูลที่หลินเยว่ซานได้กรอกใบสมัครส่งมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เขายังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เขาได้พบกับเพื่อนของที่ปรึกษาชั้นเรียนมหาลัย ในระหว่างการสัมภาษณ์งานที่นี่

"คุณเริ่มแนะนำตัวได้เลย" เมื่อมองไปที่หลินเยว่ซาน ฉินหยุนก็กล่าวด้วยรอยยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไรให้มากความ

เมื่อได้ยินเช่นนี้หลินเยว่ซานก็ตอบสนองขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าสถานะของฉินหยุนจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือการเข้าร่วมกับบริษัทเทียนหยุนให้ได้

นอกจากนี้ ด้วยความสัมพันธ์กับเจียงเล่ย เธออาจได้เปรียบกว่าคนอื่นเล็กน้อย

"บอสฉินคะ นี่คือเรซูเม่ของฉัน" หลินเยว่ซานปรับทัศนคติของเธออย่างรวดเร็วและส่งเอกสารในมือของเธอไปให้อีกฝ่าย

"พนักงานฝ่ายบัญชี ทำงานในแผนกการเงินของบริษัทอี้เกอมาเป็นเวลาหนึ่งปี และทำงานอยู่ในแผนกการเงินของบริษัทจินหู่เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง..."

ฉินหยุนไล่สายตาดูเรซูเม่ของหลินเยว่ซาน ซึ่งประวัติการทำงานของเธอดีมาก สถานที่ที่หลินเยว่ซานเคยทำงานล้วนแล้วแต่เป็นที่รู้จักกันดี โดยแต่ละที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าสิบล้านหยวน

ในขณะที่ดูเรซูเม่ของเธอ ฉินหยุนก็ได้ถามคำถามสองสามข้อ และหลินเยว่ซานก็ตอบคำถามออกมาทีละข้อๆ

เมื่อเขาเห็นข้อมูลส่วนเล็กๆส่วนหนึ่ง ฉินหยุนก็ผงะไปทันที จากนั้นก็มองไปที่หลินเยว่ซานด้วยความประหลาดใจ

"คุณเคยได้ใบประกาศนียบัตรการบริจาคโลหิตด้วยงั้นเหรอ?"

เขาไม่ได้คาดคิดว่าหลินเยว่ซานจะเป็นคนที่ห่วงใยและชอบช่วยเหลือผู้อื่นด้วย

"ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันเคยบริจาคเลือดไปสามครั้ง" หลินเยว่ซานพยักหน้า

ฉินหยุนผงกศีรษะของเขาพลางแสดงรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า เขามองไปที่หลินเยว่ซาน จากนั้นก็กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีที่เราได้ร่วมงานกัน คุณสามารถไปลงทะเบียนที่แผนกการเงินได้เลย และพรุ่งนี้เช้าให้มาทำงานตอนเวลาเจ็ดโมงครึ่ง"

ความสามารถของหลินเยว่ซานไม่ได้มีปัญหา แถมเธอยังมีอุปนิสัยที่ดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น และด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับเจียงเล่ย ฉินหยุนก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะจงใจปฏิเสธเธอ

"ขอบคุณค่ะบอสฉิน!"

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนกล่าว หลินเยว่ซานก็ดีใจขึ้นทันที เธอรีบเอ่ยขอบคุณออกมาอย่างรวดเร็ว

เงินเดือนของเทียนหยุนนั้นสูงมาก และก่อนหน้านี้เพื่อนๆของเธอหลายคนก็เคยมาสัมภาษณ์ที่นี่เช่นกัน แต่อัตราการรับเข้าทำงานนั้นต่ำมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มาก็ไม่สามารถผ่านการสัมภาษณ์ได้

ท้ายที่สุดแล้ว ค่าจ้างที่สูงก็ย่อมแสดงถึงความสามารถที่สูงเช่นกัน

ในตอนแรกเธอคิดว่าอัตราความสำเร็จของเธอคงจะไม่สูงนัก ซึ่งเธอก็เตรียมใจที่จะยอมรับความล้มเหลวในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไว้แล้ว แต่ในขณะนี้เมื่อเธอผ่านการสัมภาษณ์และได้เข้าร่วมกับบริษัท แน่นอนว่าเธอรู้สึกประหลาดใจมาก

"ไม่เป็นไร" ฉินหยุนพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรมาก

เมื่อเห็นเช่นนี้หลินเยว่ซานก็ออกจากห้องทำงานไป

หลังจากนั้นฉินหยุนก็เริ่มสัมภาษณ์ผู้สมัครคนต่อไป

...

เมื่อเธอเดินออกจากอาคารสำนักงานของบริษัทเทียนหยุน หลินเยว่ซานยังคงรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของฉินหยุน เธอยังคงรู้สึกตกใจมากกว่า

หลินเยว่ซานหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาเจียงเล่ย

"เยว่ซาน สัมภาษณ์งานเป็นเป็นยังไงบ้าง?"

ทันทีที่โทรติด เสียงของเจียงเล่ยก็ดังออกมาจากอีกฝั่ง

เดาคร่าวๆจากระยะเวลาที่ผ่านมา การสัมภาษณ์ของหลินเยว่ซานน่าจะจบลง และผลลัพธ์ต้องออกมาแล้วอย่างแน่นอน

บริษัทบางแห่งจะบอกว่าให้รอการแจ้งกลับหลังจากการสัมภาษณ์จบลง แต่ตลอดกระบวนการสัมภาษณ์ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะสามารถทำให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกพึงพอใจในตัวของคุณได้หรือไม่

"สำเร็จแล้ว!" หลินเยว่ซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม "พรุ่งนี้เช้าฉันสามารถเริ่มทำงานได้เลย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ น้ำเสียงตื่นเต้นของเจียงเล่ยก็ดังออกมาทันที "ฮ่าฮ่า เยว่ซาน ฉันรู้ว่าเธอต้องผ่านแน่นอน งั้นคืนนี้ฉันเลี้ยงเอง เราไปฉลองกัน!"

เธอกับหลินเยว่ซานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อก่อนพวกเธอทั้งคู่ต่างก็อยู่หอพักเดียวกัน ตอนนี้เพื่อนๆคนอื่นที่เคยเป็นรูมเมทกันก็กำลังอยู่ในขั้นตอนของการสร้างตัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเกิดของตัวเองหรือในเมืองอื่นๆ ซึ่งมีเพียงพวกเธอสองคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่ในเมืองจินหลิง ดังนั้นจึงสามารถจินตนาการได้ว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากแค่ไหน

"ฉันเป็นคนที่สัมภาษณ์งานผ่าน แน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนที่เลี้ยงเธอ"

หลินเยว่ซานกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และจู่ๆเธอก็ถามว่า "เสี่ยวเล่ย ไม่ใช่ว่าวันนี้เธอได้เจอกับนักศึกษาคนหนึ่งที่เธอดูแลอยู่หรอกเหรอ? เธอรู้สถานการณ์ของนักศึกษาคนนั้นไหม?"

เพื่อให้สามารถก่อตั้งบริษัทขนาดใหญ่อย่างเทียนหยุนได้ ภูมิหลังครอบครัวของฉินหยุนนั้นน่าจะสุดยอดมาก ซึ่งเป็นไปได้มากว่าเขาอาจจะเป็นคนรวยรุ่นที่สอง

"นักศึกษาที่ฉันเจอในวันนี้? เธอกำลังพูดถึง... ฉินหยุนงั้นเหรอ"

เจียงเล่ยผงะเมื่อได้ยินคำถามของหลินเยว่ซาน เธอรู้สึกงงมากเพราะไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนของเธอถึงจู่ๆก็เอ่ยถามเรื่องนี้อย่างกะทันหัน

เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า "ฉันไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับฉินหยุนสักเท่าไร รู้แค่ว่าเขามาจากเมืองอู๋ซื่อ มณฑลอานฮุย แต่ว่านะ ก่อนหน้านี้เขาเคยจับรางวัลได้รถยนต์มาคันหนึ่ง และรางวัลรถยนต์นั่นก็มีมูลค่าถึงแสนกว่าหยวนเลย จากนั้นเขาก็ย้ายออกไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอก ไม่ได้อาศัยอยู่ในหอพักที่มหาลัยต่อ"

เจียงเล่ยบอกหลินเยว่ซานในสิ่งที่เธอรู้

"มาจากเมืองอู๋ซื่อ มณฑลอานฮุย? เขาไม่ใช่คนจินหลิงหรอกเหรอ?"

หลินเยว่ซานตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินที่เพื่อนของเธอกล่าว ทีแรกเธอคิดว่าฉินหยุนมาจากครอบครัวฐานะร่ำรวยที่อยู่ที่นี่เสียอีก

ในขณะที่เธอกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงเล่ยก็ถอนหายใจออกมา "เยว่ซาน โชคของฉินหยุนดีมากจริงๆ ตอนนี้ฉันกำลังเก็บเงินเพื่อซื้อรถอยู่ ถ้าฉันจับรางวัลได้แบบเขามั่ง ฉันก็คงไม่จำเป็นต้องประหยัดเพื่อเก็บเงินอยู่แบบนี้หรอก"

ไม่ว่าใครก็ต่างฝันว่าสักวันตัวเองจะถูกแจ็คพอตใหญ่ขึ้นมาบ้าง

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเธอ หลินเยว่ซานก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรรู้สึกอย่างไรดี

เธอรู้ว่าตอนนี้ฉินหยุนได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าขึ้นมามากถึงสิบกว่าสาขา แถมยังเช่าอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่เป็นพันตารางเมตรอีก สำหรับฉินหยุนแล้วรถยนต์ราคาแค่ 100,000 กว่าหยวนมันจะไปมากอะไร มีค่าประมาณเงินเดือนของพนักงานแค่ 30 คนเท่านั้น

"ยังไงก็เถอะ เยว่ซาน ทำไมจู่ๆเธอถึงถามเกี่ยวกับฉินหยุนล่ะ?"

หลังจากที่เธอกล่าวจบ เจียงเล่ยก็ถามขึ้นอีกครั้งอย่างสงสัย น้ำเสียงของเธอมีความหยอกล้อนิดหน่อย "หรือว่าเธอสนใจนักศึกษาของฉันใช่ไหม?"

"เธอพูดบ้าอะไรเนี่ย!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเยว่ซานก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงและโต้กลับอีกฝ่ายทันที "ฉันอายุยี่สิบเจ็ดแล้วนะ นักศึกษาของเธอเพิ่งอายุเท่าไรกัน?"

"เฮ้ หญิงสาวอายุมากกว่าฝ่ายชายสามปีถือว่าเคลือบทองคำหนึ่งก้อน แต่ถ้าอายุมากกว่าเก้าปี จะถือว่าเคลือบทองคำถึงสามก้อนเลยนะ"[1]

เมื่อเจียงเล่ยเป็นที่ปรึกษาอยู่ในชั้นเรียนที่มหาลัย เธอจะดูสุขุม ดูมีความสามารถ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนของเธอ เธอจะดูก๋ากั่นขึ้นมาเล็กน้อยทันที

หลินเยว่ซานหยุดชะงักไปชั่วขณะ โดยไม่สนใจเพื่อนสนิทที่ดูไร้ยางอายคนนี้ เธอกล่าวว่า "ฉันได้เจอกับฉินหยุนอีกครั้งหลังจากที่เราแยกกันน่ะ เพราะงั้นฉันเลยสงสัยนิดหน่อย แค่ลองถามดูเล่นๆเอง"

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เลือกที่จะเปิดเผยตัวตนของฉินหยุน

สังเกตจากท่าทีของเธอ เห็นได้ชัดว่าเจียงเล่ยไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของฉินหยุนเลย บางทีฉินหยุนอาจจะไม่ต้องการบอกใคร หรือไม่ก็บางทีฉินหยุนอาจจะไม่ได้ต้องการซ่อนมัน แต่แค่เจียงเล่ยยังไม่รู้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตัวตนของฉินหยุนจะถูกเธอเก็บไว้เป็นความลับ

ถ้าเธอบอกออกไป เจียงเล่ยก็จะไปพูดกับฉินหยุน จากนั้นฉินหยุนก็จะรู้ว่าเธอกล่าวลับหลังเขา

สำหรับพนักงานที่ชอบเปิดเผยข้อมูลของเจ้านายตามอำเภอใจ คาดว่าคงไม่มีเจ้านายคนไหนชอบใจแน่นอน

(จบตอน)

——————————————————————————————

[1] เป็นสุภาษิตจีน 女大三抱金砖 หมายความว่า ภรรยาที่แก่กว่าสามี มีข้อดี 3 ประการ

1.ดูแลสามีประดุจสามีเป็นลูกชาย

2.ให้คำปรึกษาประดุจสามีเป็นน้องชาย

3.ต่อหน้าสังคม เคารพเชื่อฟังสามีเหมือนภรรยาทั่วไป

ปอลิง. 3 ในที่นี้อาจจะหมายถึง อายุ 3 ปี หรือสามอย่างอื่น แล้วแต่บริบทที่นำไปใช้