"มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย" ผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมา
"ที่รัก เรื่องนี้ไม่มีใครโทษคุณหรอก อยู่ที่บ้านคุณก็ทำงานอย่างหนักเหมือนกัน แถมยังต้องคอยดูแลเสี่ยวรุ่ยอีก" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงก็รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว
ภรรยาของเขาเคยป่วยหนักมาก่อน และสุขภาพของเธอก็ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้แรงได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะรู้สึกเหนื่อยหอบได้ง่าย เพราะอย่างนั้นเธอจึงได้แต่ทำงานเป็นแม่บ้านเต็มเวลาอยู่ที่บ้าน ซึ่งบางครั้งเขาก็ทำงานบ้านช่วยเธอด้วยเช่นกัน
เงินทั้งหมดที่หามาได้ ต่างก็ถูกใช้จ่ายภายในครอบครัว
นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงยอมที่จะอยู่ในเทียนอี้เตี๋ยเป็นเวลานาน และไม่เต็มใจจะจากไปถึงแม้ว่าจะได้เงินเดือนเพียงน้อยนิด
หากลาออกแล้วหางานใหม่ไม่ได้ เงินเก็บของครอบครัวก็จะถูกนำออกมาจนหมดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้รู้สึกคิดมากอะไร ในใจเขาคิดเสมอว่ามันเป็นโชคดีมากแล้วที่ภรรยายอมติดตามเขามาในตอนนั้น
"กริ๊งงง"
ในขณะนี้เอง ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก และเด็กสาวอายุ 13-14 ปีก็เดินเข้ามา
"กลับมาแล้วเหรอเสี่ยวรุ่ย มากินข้าวกันเถอะ" เมื่อเห็นเด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้ ใบหน้าที่ดูเป็นทุกข์ของทั้งจ้าวเทียนเฉียงและผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนก็หายไปทันที ซึ่งผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนก็กล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้ม
ทั้งครอบครัวพากันนั่งกินข้าวที่โต๊ะ แม้ว่ากับข้าวจะเป็นอาหารง่ายๆเช่นผัด 3 อย่างและซุป 1 อย่าง แต่กลับดูอบอุ่นมาก
"พ่อคะ แม่คะ ที่โรงเรียนของหนูต้องสั่งซื้อวัสดุบางอย่างมาประกอบการเรียน เราเลยต้องจ่ายคนละ 100 หยวน และสุดสัปดาห์นี้ทั้งชั้นเรียนจะออกไปทัศนศึกษากัน มีค่าใช้จ่าย 100 หยวน" เด็กสาวเสี่ยวรุ่ยกล่าวหลังจากทานอาหารเสร็จ
"เดี๋ยวให้แม่ของลูกเอาให้นะ และก็เอาไปอีกสัก 50 หยวนเผื่อลูกอยากจะซื้อของกินระหว่างเดินทาง" เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวของเขากล่าว จ้าวเทียนเฉียงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
เมื่อทั้งสองแม่ลูกเดินออกไป เขาก็กลับมานั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้
ทุกอย่างในครอบครัวต้องใช้เงิน และลูกสาวของเขาก็กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ดังนั้นเขาจึงต้องการเงินมากขึ้นเพื่อใช้จ่ายในเวลานั้น
บ้านหลังนี้เล็กมาก เพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวเคยบอกว่าอยากมาเล่นที่บ้านด้วย แต่เขาไม่เห็นด้วยสักเท่าไร เพราะกังวลว่าในใจของลูกสาวจะรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น
จ้าวเทียนเฉียงเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเริ่มดูข้อมูลการรับสมัครงานเกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้า
มีตำแหน่งงานมากมายสำหรับพนักงานขายในร้านขายเสื้อผ้า แต่สำหรับตำแหน่งผู้จัดการเช่นเขามันเป็นเรื่องยากมากที่จะหางาน แม้ว่าเขาจะหางานได้เงินเดือนมันก็น้อยมาก
"อ๊อดแอ๊ดๆ..."
ในตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์มือถือของจ้าวเทียนเฉียงก็ดังขึ้น
เขาดูเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่โทรเข้ามา จากนั้นก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว
"บอสฉินครับ"
ไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของจ้าวเทียนเฉียงก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันที เขารีบลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เริ่มแต่งตัวโดยสวมเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการ
"มีอะไรเหรอเทียนเฉียง?"
ภรรยาของเขาเดินออกมาจากห้องพลางมองไปที่จ้าวเทียนเฉียงและถามด้วยความสงสัย
"ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก มีบางอย่างต้องทำที่ร้านขายเสื้อผ้าน่ะ" จ้าวเทียนเฉียงกล่าว
เมื่อหยิบกระเป๋าเอกสารและของอื่นๆครบแล้ว เขาก็รีบเดินทางไปที่ที่ฉินหยุนบอกทันที
...
"บอสฉิน"
เมื่อเห็นฉินหยุน จ้าวเทียนเฉียงก็เอ่ยทักทายขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงยังคงรู้สึกสับสนมาก เมื่อได้ยินที่ฉินหยุนโทรมาและบอกให้เขาเริ่มเตรียมการสำหรับการเปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกครั้ง
แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ตั้งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาก่อนหน้า
"ผู้จัดการจ้าว"
เมื่อเห็นจ้าวเทียนเฉียงเดินเข้ามาใกล้ ฉินหยุนก็กวักมือเรียกแล้วพาเขาเข้าไปในร้านค้าขนาดใหญ่ตรงหน้า
"บอสฉิน นี่คืออะไรเหรอครับ?"
ขณะที่จ้าวเทียนเฉียงมองไปรอบๆร้านค้าขนาดใหญ่และเสื้อผ้าที่วางกองอยู่ข้างใน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเราจะเปิดขึ้นที่นี่เหรอครับ?"
หลังจากที่มาถึงที่นี่ ทันทีที่ลงจากรถเขาก็เห็นร้านเสื้อผ้าหานลู่ตั้งอยู่ไม่ไกล ในมุมมองของเขา แม้ว่าฉินหยุนจะเปิดร้านขึ้นมาใหม่ แต่เขาก็ควรจะเลือกสถานที่แห่งอื่นที่ไม่มีร้านเสื้อผ้าหานลู่ตั้งอยู่สิ?
"ใช่แล้ว"
ฉินหยุนยิ้มและกล่าวว่า "เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูที่ร้านอื่น"
หลังจากกล่าวจบ ฉินหยุนก็พาจ้าวเทียนเฉียงเดินทางไปยังร้านค้าอีก 11 แห่ง
กว่าจะไล่ดูจนครบทุกร้านก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว
ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงเปลี่ยนจากรู้สึกสับสนเป็นตกใจมาก ในช่วงก่อนหน้านี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกปราบปรามโดยร้านเสื้อผ้าหานลู่จนต้องปิดตัวไป สุดท้ายร้านค้าเหล่านั้นก็ถูกติดป้ายปล่อยเซ้ง
ทุกคนต่างก็คิดว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กลับได้เลย แต่ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กัน ฉินหยุนกลับไปตามหาร้านค้าแห่งใหม่ทั้ง 12 ร้านอย่างเงียบๆ!
ยิ่งไปกว่านั้นร้านค้าเหล่านี้ต่างก็กระจายกันอยู่ทั่วทุกแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้ง 11 สาขาในเมืองจินหลิง ชัดเจนว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนต้องการที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย!
ก่อนหน้านี้จ้าวเทียนเฉียงก็ไม่ได้รู้สึกว่าฉินหยุนจะมีภูมิหลังอะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจบางอย่างซ่อนเล้นอยู่เบื้องหลังของเขาแล้ว
"ผู้จัดการจ้าว สินค้าทั้งหมดของร้านค้าทั้งสิบสองแห่งได้ถูกจัดส่งไปครบหมดแล้ว จากนี้คุณสามารถดูแลเรื่องพวกนี้ต่อได้ อย่างช้าสุดร้านขายเสื้อผ้าทั้งสิบสองสาขาของเราจะเปิดทำการในเช้าของวันที่ 3!" ฉินหยุนออกคำสั่ง
"ครับ บอสฉิน" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เรื่องที่ฉินหยุนปิดบังเขาเกี่ยวกับการซื้อร้านค้า แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความคิดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ ในขณะนี้เขารู้สึกเพียงว่าบอสของเขาช่างลึกลับและไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลย
...
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และด้วยการจัดการอย่างเต็มกำลังของจ้าวเทียนเฉียง การเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจึงถูกเร่งให้เร็วขึ้นอย่างมาก
ในเวลานี้ อดีตพนักงานหลายคนของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังรออยู่ที่บ้าน ซึ่งก็มีบางคนที่พยายามหางานใหม่ แต่หลังจากไปดูสถานที่เหล่านั้นแล้ว พวกเธอต่างก็พบว่าสวัสดิการนั้นเทียบไม่ได้เลยกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
ไม่เพียงแต่ชั่วโมงการทำงานจะมากกว่าเท่านั้น แต่ค่าจ้างยังน้อยมากอีกด้วย
และแน่นอน พวกเธอรู้สึกไม่พอใจกับงานเหล่านั้นเลย
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน
"เฮ้ออ.. ร้านของเราจะได้เปิดขึ้นอีกไหม?"
"ฉันได้งานใหม่แล้ว แต่สวัสดิการแย่มาก"
"ฉันด้วย ร้านขายเสื้อผ้าพวกนั้นไม่มีแม้แต่หนังสือสัญญาด้วยซ้ำ"
"ร้านเสื้อผ้าหานลู่น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว ฉันหวังจริงๆว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะเปิดขึ้นอีกครั้ง "
แม้พนักงานขายเหล่านี้จะได้เข้าร่วมในกลุ่มวีแชตของร้านแล้ว แต่พวกเธอก็ได้จัดตั้งกลุ่มย่อยเล็กๆหลายกลุ่มขึ้นมาในหมู่พวกเธอ ซึ่งบางครั้งพวกเธอก็บ่นเรื่องต่างๆลงในกลุ่มเล็กๆเหล่านี้ โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่สวัสดิการของร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆก็ถูกพวกเธอหยิบยกขึ้นมากล่าวซุบซิบ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
…
ณ มหาลัยเจียงหยวน ภายในอาคารหอพักหญิงหมายเลข 11 ห้องพัก 406
โจวเสี่ยวเค่อกำลังดูโทรศัพท์และไล่อ่านข้อความในกลุ่ม
ตอนนี้เธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนในวันเสาร์และวันอาทิตย์
ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังปฏิบัติต่อนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นอย่างดีโดยพวกเขาได้รับค่าตอบแทน 15 หยวนต่อชั่วโมง
เธอสามารถหารายได้ 200 กว่าหยวนต่อสัปดาห์จากการทำงานพาร์ทไทม์
"เสี่ยวเค่อ งานพาร์ทไทม์ของเธอเป็นยังไงบ้าง? เธอยังทำอยู่ไหม? วันนี้ฉันไปที่ถนนย่านการค้าเห็นร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปิดไปแล้ว แถมที่หน้าร้านมันก็ติดป้ายบอกว่าปล่อยเซ้งด้วย"
จ้าวฉิงมองไปที่โจวเสี่ยวเค่อพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย
วันนี้เธอบังเอิญไปเห็นมันเข้าพอดี
"พวกเขาปิดกิจการแล้วงั้นเหรอ?"
"ร้านขายเสื้อผ้าเหล่านี้ปิดตัวกันเร็วมากจริงๆ"
หลังจากเธอเอ่ยจบ เจียงอี หลินเมิ่งเมิ่ง รุ่ยเฉินฉีและคนอื่นๆในห้องต่างก็ถามด้วยความสงสัย
พวกเธอรู้เกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ของโจวเสี่ยวเค่อเช่นกัน และก็รู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
ในความประทับใจของพวกเธอ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นมีขนาดใหญ่มาก
"ยังไม่รู้เลย สาขาที่ฉันทำงานอยู่ก็ปิดไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ฉันกำลังรอประกาศอีกที" โจวเสี่ยวเค่อส่ายหัวพลางกล่าวออกมา
เธอเห็นข้อความในกลุ่มบอกว่าร้านขายเสื้อผ้ายังปิดอยู่
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม และถ้าร้านขายเสื้อผ้ายังไม่เปิด เธอก็จะไม่สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้
"ดูเหมือนว่าการเปิดร้านค้าและทำธุรกิจมันน่าจะยากจริงๆ"
"พ่อแม่ของฉันก็เคยลองพยายามทำธุรกิจมาก่อน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ขาดทุนและก็ล้มเลิกไป"
หลายคนในห้องพักกำลังสนทนากันถึงเรื่องเหล่านี้
โจวเสี่ยวเค่อก็ยังมีบุคลิกที่เงียบๆและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาสักคำ
ไม่มีใครเลยในห้องพักที่รู้ แต่เธอรู้ว่าฉินหยุนเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
"หืม!"
ทันใดนั้นโจวเสี่ยวเค่อก็มองไปที่การแจ้งเตือนของกลุ่มวีแชต จากนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย
"พรุ่งนี้เช้าเริ่มทำงานตอน 8.30 น.! ที่สาขาถนนย่านการค้า..."
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved