ตอนที่ 154 เตรียมพร้อมสำหรับการทำงาน

"มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย" ผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมา

"ที่รัก เรื่องนี้ไม่มีใครโทษคุณหรอก อยู่ที่บ้านคุณก็ทำงานอย่างหนักเหมือนกัน แถมยังต้องคอยดูแลเสี่ยวรุ่ยอีก" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงก็รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว

ภรรยาของเขาเคยป่วยหนักมาก่อน และสุขภาพของเธอก็ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้แรงได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะรู้สึกเหนื่อยหอบได้ง่าย เพราะอย่างนั้นเธอจึงได้แต่ทำงานเป็นแม่บ้านเต็มเวลาอยู่ที่บ้าน ซึ่งบางครั้งเขาก็ทำงานบ้านช่วยเธอด้วยเช่นกัน

เงินทั้งหมดที่หามาได้ ต่างก็ถูกใช้จ่ายภายในครอบครัว

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงยอมที่จะอยู่ในเทียนอี้เตี๋ยเป็นเวลานาน และไม่เต็มใจจะจากไปถึงแม้ว่าจะได้เงินเดือนเพียงน้อยนิด

หากลาออกแล้วหางานใหม่ไม่ได้ เงินเก็บของครอบครัวก็จะถูกนำออกมาจนหมดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้รู้สึกคิดมากอะไร ในใจเขาคิดเสมอว่ามันเป็นโชคดีมากแล้วที่ภรรยายอมติดตามเขามาในตอนนั้น

"กริ๊งงง"

ในขณะนี้เอง ประตูบ้านก็ถูกเปิดออก และเด็กสาวอายุ 13-14 ปีก็เดินเข้ามา

"กลับมาแล้วเหรอเสี่ยวรุ่ย มากินข้าวกันเถอะ" เมื่อเห็นเด็กสาวตัวเล็กๆคนนี้ ใบหน้าที่ดูเป็นทุกข์ของทั้งจ้าวเทียนเฉียงและผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนก็หายไปทันที ซึ่งผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนก็กล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้ม

ทั้งครอบครัวพากันนั่งกินข้าวที่โต๊ะ แม้ว่ากับข้าวจะเป็นอาหารง่ายๆเช่นผัด 3 อย่างและซุป 1 อย่าง แต่กลับดูอบอุ่นมาก

"พ่อคะ แม่คะ ที่โรงเรียนของหนูต้องสั่งซื้อวัสดุบางอย่างมาประกอบการเรียน เราเลยต้องจ่ายคนละ 100 หยวน และสุดสัปดาห์นี้ทั้งชั้นเรียนจะออกไปทัศนศึกษากัน มีค่าใช้จ่าย 100 หยวน" เด็กสาวเสี่ยวรุ่ยกล่าวหลังจากทานอาหารเสร็จ

"เดี๋ยวให้แม่ของลูกเอาให้นะ และก็เอาไปอีกสัก 50 หยวนเผื่อลูกอยากจะซื้อของกินระหว่างเดินทาง" เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวของเขากล่าว จ้าวเทียนเฉียงก็กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

เมื่อทั้งสองแม่ลูกเดินออกไป เขาก็กลับมานั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้

ทุกอย่างในครอบครัวต้องใช้เงิน และลูกสาวของเขาก็กำลังจะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ดังนั้นเขาจึงต้องการเงินมากขึ้นเพื่อใช้จ่ายในเวลานั้น

บ้านหลังนี้เล็กมาก เพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวเคยบอกว่าอยากมาเล่นที่บ้านด้วย แต่เขาไม่เห็นด้วยสักเท่าไร เพราะกังวลว่าในใจของลูกสาวจะรู้สึกด้อยกว่าคนอื่น

จ้าวเทียนเฉียงเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา เขาเริ่มดูข้อมูลการรับสมัครงานเกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้า

มีตำแหน่งงานมากมายสำหรับพนักงานขายในร้านขายเสื้อผ้า แต่สำหรับตำแหน่งผู้จัดการเช่นเขามันเป็นเรื่องยากมากที่จะหางาน แม้ว่าเขาจะหางานได้เงินเดือนมันก็น้อยมาก

"อ๊อดแอ๊ดๆ..."

ในตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์มือถือของจ้าวเทียนเฉียงก็ดังขึ้น

เขาดูเบอร์โทรศัพท์ของผู้ที่โทรเข้ามา จากนั้นก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว

"บอสฉินครับ"

ไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของจ้าวเทียนเฉียงก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันที เขารีบลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เริ่มแต่งตัวโดยสวมเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการ

"มีอะไรเหรอเทียนเฉียง?"

ภรรยาของเขาเดินออกมาจากห้องพลางมองไปที่จ้าวเทียนเฉียงและถามด้วยความสงสัย

"ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก มีบางอย่างต้องทำที่ร้านขายเสื้อผ้าน่ะ" จ้าวเทียนเฉียงกล่าว

เมื่อหยิบกระเป๋าเอกสารและของอื่นๆครบแล้ว เขาก็รีบเดินทางไปที่ที่ฉินหยุนบอกทันที

...

"บอสฉิน"

เมื่อเห็นฉินหยุน จ้าวเทียนเฉียงก็เอ่ยทักทายขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงยังคงรู้สึกสับสนมาก เมื่อได้ยินที่ฉินหยุนโทรมาและบอกให้เขาเริ่มเตรียมการสำหรับการเปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกครั้ง

แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ตั้งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาก่อนหน้า

"ผู้จัดการจ้าว"

เมื่อเห็นจ้าวเทียนเฉียงเดินเข้ามาใกล้ ฉินหยุนก็กวักมือเรียกแล้วพาเขาเข้าไปในร้านค้าขนาดใหญ่ตรงหน้า

"บอสฉิน นี่คืออะไรเหรอครับ?"

ขณะที่จ้าวเทียนเฉียงมองไปรอบๆร้านค้าขนาดใหญ่และเสื้อผ้าที่วางกองอยู่ข้างใน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเราจะเปิดขึ้นที่นี่เหรอครับ?"

หลังจากที่มาถึงที่นี่ ทันทีที่ลงจากรถเขาก็เห็นร้านเสื้อผ้าหานลู่ตั้งอยู่ไม่ไกล ในมุมมองของเขา แม้ว่าฉินหยุนจะเปิดร้านขึ้นมาใหม่ แต่เขาก็ควรจะเลือกสถานที่แห่งอื่นที่ไม่มีร้านเสื้อผ้าหานลู่ตั้งอยู่สิ?

"ใช่แล้ว"

ฉินหยุนยิ้มและกล่าวว่า "เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูที่ร้านอื่น"

หลังจากกล่าวจบ ฉินหยุนก็พาจ้าวเทียนเฉียงเดินทางไปยังร้านค้าอีก 11 แห่ง

กว่าจะไล่ดูจนครบทุกร้านก็ปาไปสี่ทุ่มกว่าแล้ว

ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงเปลี่ยนจากรู้สึกสับสนเป็นตกใจมาก ในช่วงก่อนหน้านี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกปราบปรามโดยร้านเสื้อผ้าหานลู่จนต้องปิดตัวไป สุดท้ายร้านค้าเหล่านั้นก็ถูกติดป้ายปล่อยเซ้ง

ทุกคนต่างก็คิดว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กลับได้เลย แต่ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังต่อสู้กัน ฉินหยุนกลับไปตามหาร้านค้าแห่งใหม่ทั้ง 12 ร้านอย่างเงียบๆ!

ยิ่งไปกว่านั้นร้านค้าเหล่านี้ต่างก็กระจายกันอยู่ทั่วทุกแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้ง 11 สาขาในเมืองจินหลิง ชัดเจนว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนต้องการที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย!

ก่อนหน้านี้จ้าวเทียนเฉียงก็ไม่ได้รู้สึกว่าฉินหยุนจะมีภูมิหลังอะไร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจบางอย่างซ่อนเล้นอยู่เบื้องหลังของเขาแล้ว

"ผู้จัดการจ้าว สินค้าทั้งหมดของร้านค้าทั้งสิบสองแห่งได้ถูกจัดส่งไปครบหมดแล้ว จากนี้คุณสามารถดูแลเรื่องพวกนี้ต่อได้ อย่างช้าสุดร้านขายเสื้อผ้าทั้งสิบสองสาขาของเราจะเปิดทำการในเช้าของวันที่ 3!" ฉินหยุนออกคำสั่ง

"ครับ บอสฉิน" เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เรื่องที่ฉินหยุนปิดบังเขาเกี่ยวกับการซื้อร้านค้า แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความคิดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ ในขณะนี้เขารู้สึกเพียงว่าบอสของเขาช่างลึกลับและไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลย

...

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และด้วยการจัดการอย่างเต็มกำลังของจ้าวเทียนเฉียง การเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจึงถูกเร่งให้เร็วขึ้นอย่างมาก

ในเวลานี้ อดีตพนักงานหลายคนของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังรออยู่ที่บ้าน ซึ่งก็มีบางคนที่พยายามหางานใหม่ แต่หลังจากไปดูสถานที่เหล่านั้นแล้ว พวกเธอต่างก็พบว่าสวัสดิการนั้นเทียบไม่ได้เลยกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

ไม่เพียงแต่ชั่วโมงการทำงานจะมากกว่าเท่านั้น แต่ค่าจ้างยังน้อยมากอีกด้วย

และแน่นอน พวกเธอรู้สึกไม่พอใจกับงานเหล่านั้นเลย

พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

"เฮ้ออ.. ร้านของเราจะได้เปิดขึ้นอีกไหม?"

"ฉันได้งานใหม่แล้ว แต่สวัสดิการแย่มาก"

"ฉันด้วย ร้านขายเสื้อผ้าพวกนั้นไม่มีแม้แต่หนังสือสัญญาด้วยซ้ำ"

"ร้านเสื้อผ้าหานลู่น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว ฉันหวังจริงๆว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะเปิดขึ้นอีกครั้ง "

แม้พนักงานขายเหล่านี้จะได้เข้าร่วมในกลุ่มวีแชตของร้านแล้ว แต่พวกเธอก็ได้จัดตั้งกลุ่มย่อยเล็กๆหลายกลุ่มขึ้นมาในหมู่พวกเธอ ซึ่งบางครั้งพวกเธอก็บ่นเรื่องต่างๆลงในกลุ่มเล็กๆเหล่านี้ โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่สวัสดิการของร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆก็ถูกพวกเธอหยิบยกขึ้นมากล่าวซุบซิบ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

ณ มหาลัยเจียงหยวน ภายในอาคารหอพักหญิงหมายเลข 11 ห้องพัก 406

โจวเสี่ยวเค่อกำลังดูโทรศัพท์และไล่อ่านข้อความในกลุ่ม

ตอนนี้เธอทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนในวันเสาร์และวันอาทิตย์

ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังปฏิบัติต่อนักศึกษาที่ทำงานพาร์ทไทม์เป็นอย่างดีโดยพวกเขาได้รับค่าตอบแทน 15 หยวนต่อชั่วโมง

เธอสามารถหารายได้ 200 กว่าหยวนต่อสัปดาห์จากการทำงานพาร์ทไทม์

"เสี่ยวเค่อ งานพาร์ทไทม์ของเธอเป็นยังไงบ้าง? เธอยังทำอยู่ไหม? วันนี้ฉันไปที่ถนนย่านการค้าเห็นร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปิดไปแล้ว แถมที่หน้าร้านมันก็ติดป้ายบอกว่าปล่อยเซ้งด้วย"

จ้าวฉิงมองไปที่โจวเสี่ยวเค่อพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย

วันนี้เธอบังเอิญไปเห็นมันเข้าพอดี

"พวกเขาปิดกิจการแล้วงั้นเหรอ?"

"ร้านขายเสื้อผ้าเหล่านี้ปิดตัวกันเร็วมากจริงๆ"

หลังจากเธอเอ่ยจบ เจียงอี หลินเมิ่งเมิ่ง รุ่ยเฉินฉีและคนอื่นๆในห้องต่างก็ถามด้วยความสงสัย

พวกเธอรู้เกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ของโจวเสี่ยวเค่อเช่นกัน และก็รู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

ในความประทับใจของพวกเธอ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นมีขนาดใหญ่มาก

"ยังไม่รู้เลย สาขาที่ฉันทำงานอยู่ก็ปิดไปแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ฉันกำลังรอประกาศอีกที" โจวเสี่ยวเค่อส่ายหัวพลางกล่าวออกมา

เธอเห็นข้อความในกลุ่มบอกว่าร้านขายเสื้อผ้ายังปิดอยู่

พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม และถ้าร้านขายเสื้อผ้ายังไม่เปิด เธอก็จะไม่สามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้

"ดูเหมือนว่าการเปิดร้านค้าและทำธุรกิจมันน่าจะยากจริงๆ"

"พ่อแม่ของฉันก็เคยลองพยายามทำธุรกิจมาก่อน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ขาดทุนและก็ล้มเลิกไป"

หลายคนในห้องพักกำลังสนทนากันถึงเรื่องเหล่านี้

โจวเสี่ยวเค่อก็ยังมีบุคลิกที่เงียบๆและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาสักคำ

ไม่มีใครเลยในห้องพักที่รู้ แต่เธอรู้ว่าฉินหยุนเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

"หืม!"

ทันใดนั้นโจวเสี่ยวเค่อก็มองไปที่การแจ้งเตือนของกลุ่มวีแชต จากนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกาย

"พรุ่งนี้เช้าเริ่มทำงานตอน 8.30 น.! ที่สาขาถนนย่านการค้า..."

(จบตอน)