ตอนที่ 212 ขอค่าคอมมิชชั่น

"พี่สาว พี่เขย" โจวเยว่เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

"เสี่ยวเทา ซานซาน ครั้งนี้ให้เสี่ยวเยว่รบกวนหน่อยนะ" พ่อกับแม่ของโจวเยว่พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ตัดสินจากท่าทางของพวกเขา ดูแล้วสภาพความเป็นอยู่น่าจะแย่กว่าครอบครัวของหูซานซานอย่างเห็นได้ชัด

"ไม่รบกวนเลยครับ" ฉินเสี่ยวเทาโบกมืออย่างรวดเร็ว

รถถูกสตาร์ทขึ้นภายใต้สายตาของทุกคน จากนั้นฉินเสี่ยวเทาก็ขับรถออกไปพร้อมกับหูซานซานและโจวเยว่

ในเวลานี้มีของกินเล่นมากมายอยู่บนรถ ซึ่งเป็นของที่หูซานซานชอบกินทั้งหมด

"พี่สาว พี่เขยใจดีกับพี่มากจริงๆเลย"

โจวเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม "ฉันก็พลอยได้ผลบุญไปด้วย"

เธอหยิบถุงขนมขึ้นมาจากนั้นก็เริ่มแกะกิน

"ถ้าพี่จะแต่งงานเมื่อไร ฉันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้พี่แน่นอน"

เมื่อได้ยินคำพูดของโจวเยว่ สีหน้าของหูซานซานก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เธอมองไปที่ฉินเสี่ยวเทาและพูดว่า "เสี่ยวเทา ฉันลองคิดเรื่องนี้ดูแล้ว การที่เราจะหมั้นกันในเดือนมีนาคมนี้ฉันว่ามันยังเร็วเกินไป ฉันรู้สึกยังไม่พร้อมเลย นายช่วยรออีกสักนิดได้ไหม"

ขณะที่ใบหน้าของฉินเสี่ยวเทาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะผงะเมื่อได้ยินสิ่งที่หูซานซานพูด

หลังจากงุนงงอยู่หลายวินาที ฉินเสี่ยวเทาก็พยักหน้าและพูดว่า "ได้สิ"

เขายิ้มอย่างซื่อๆอยู่สองสามครั้งแล้วพูดว่า "การแต่งงานเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เธอคงต้องคิดเกี่ยวกับมันดีๆ ฉันรอเธอได้"

หลังจากที่เขาพูดจบรถทั้งคันก็ราวกับตกลงไปในหลุมดำ โจวเยว่ก็ดูเหมือนจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และเสียงขบเคี้ยวขนมของเธอก็เงียบลง

ตื้ด...

ในขณะนี้เองโทรศัพท์มือถือของฉินเสี่ยวเทาก็ดังขึ้น ซึ่งเขาก็แตะปุ่มรับสายทันที

"ไงเสี่ยวหยุน...เราได้ออกเดินทางแล้ว..."

...

หลังจากวางสายโทรศัพท์กับฉินเสี่ยวเทาแล้ว ในเวลานี้ฉินหยุนก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งและได้เข้าไปซื้อของบางอย่าง

จากนั้นเขาก็โทรไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งเขาได้โทรหาจูจื้อหยงผู้จัดการของโรงงาน

"บอสฉินครับ" จูจื้อหยงรับสายและเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

"เดี๋ยวอีกสักครู่ผมจะเข้าไปที่นั่นนะ คุณโทรไปบอกซุนเซียงให้เข้าไปที่โรงงานด้วย" ฉินหยุนสั่ง

หัวหน้าแผนกออกแบบของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนในจินหลิงคือซุนเซียง ซึ่งเธอเคยทำงานอยู่ที่ยูนิโคล่มาก่อน เสื้อผ้าที่เธอออกแบบขายดีมากในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา หลายๆดีไซน์เป็นที่นิยมมาก

และหลังจากที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่นี่เปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากวันหยุดจบลง ทางโรงงานก็ได้นับยอดขายเสื้อผ้าของดีไซน์เนอร์แต่ละคนออกมา ซึ่งซุนเซียงก็เสนอขอค่าจ้างตามค่าคอมมิชชั่นกับเขา

ฉินหยุนถือบางอย่างไว้ในมือขณะที่เดินไปที่ลานจอดรถ

ในเวลานี้ที่อีกด้านใกล้ๆ มีหญิงสาวสวมเสื้อแจ็กเก็ตขนสัตว์สีขาวคนหนึ่งกำลังยกโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้น ขณะเดียวกันก็พูดคุยกับโทรศัพท์มือถืออย่างต่อเนื่อง

หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าของเธอตกแต่งด้วยเครื่องสำอางนิดหน่อย ซึ่งเธอดูสวยงามมากทีเดียว

"ทุกคน ตอนนี้เราเพิ่งสุ่มสัมภาษณ์คนบนถนนไปสองสามคน และถามพวกเขาเกี่ยวกับเสปคของแฟนสาวในอุดมคติ"

หญิงสาวยิ้มและพูดว่า "พวกคุณอยากให้ฉันสัมภาษณ์ใครเป็นรายต่อไป?"

เธอหมุนโทรศัพท์ไปรอบๆเป็นวงกลม

"เสี่ยวเว่ย มีหนุ่มหล่ออยู่ตรงนั้น!"

"ไปสัมภาษณ์เขาเลย"

ในห้องถ่ายทอดสด ความคิดเห็นต่างๆได้รับการรีเฟรชอย่างต่อเนื่อง

"ฮี่ฮี่ หลายคนบอกว่ามีหนุ่มหล่ออยู่ทางซ้าย ฉันเห็นเขาแล้วล่ะ งั้นเราไปสัมภาษณ์เขากันเถอะว่าเสปคในอุดมคติของเขาเป็นยังไง" หญิงสาวยิ้มพลางกล่าวออกมา

เธอดูข้อมูลบางอย่าง จากนั้นก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นและเดินเข้าไปหาฉินหยุน

"สวัสดี หนุ่มหล่อคนนี้ ฉันเป็นสตรีมเมอร์ในโต่วอิน ฉันขอเวลาคุณสักครู่เพื่อถามคำถามคุณสักสองสามข้อได้ไหม หลังจากคุณตอบคำถามเสร็จฉันมีของรางวัลให้คุณด้วย"

ใบหน้าของเจียงเสี่ยวเว่ยมีรอยยิ้มหวานๆผุดออกมาขณะที่เธอเอ่ยถามฉินหยุน

เธอมั่นใจในความสวยของตัวเองมาก บวกกับรอยยิ้มหวานๆอันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อเธอถามคำถามเสร็จแล้วเธอก็จะให้ของบางอย่างเป็นการตอบแทนด้วย โดยทั่วไปแล้วน้อยคนนักที่จะปฏิเสธ

อาศัยการสุ่มสัมภาษณ์คนอื่นๆตามท้องถนน เธอมีแฟนคลับจำนวนมากจากการทำสิ่งๆนี้ ซึ่งปริมาณการเข้าชมการถ่ายทอดสดของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฉินหยุนมองไปที่โทรศัพท์มือถือของเจียงเสี่ยวเว่ยที่กำลังยกขึ้นมาเพื่อถ่ายของเขา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

ฉินหยุนส่ายศีรษะและปฏิเสธออกมาตรงๆว่า "โทษที ผมไม่สนใจ"

หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป

"ฮ่าฮ่า ดูท่าเสน่ห์ของเสี่ยวเว่ยจะใช้ไม่ได้กับหนุ่มหล่อคนนี้แล้ว"

"หนุ่มหล่อคนนี้ช่างเย็นชาจริงๆ"

เมื่อเห็นการปฏิเสธแบบแทบจะทันทีของฉินหยุน ทั้งห้องถ่ายทอดสดก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นหยอกล้อ

ในเวลานี้สีหน้าของเจียงเสี่ยวเว่ยเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด การปฏิเสธของฉินหยุนเมื่อสักครู่นั้นมันเด็ดขาดมากเกินไป ที่สำคัญเขาไม่ได้มองเธอเลยด้วยซ้ำ

"เอาล่ะทุกคน เสี่ยวเว่ยถูกปฏิเสธแล้ว ช่างน่าเศร้าจริงๆ ทุกคนช่วยปลอบโยนเสี่ยวเว่ยหน่อย เราคงต้องไปหาสัมภาษณ์คนอื่นต่อแล้วล่ะ"

เจียงเสี่ยวเว่ยกล่าวโดยจงใจแสร้งทำเป็นน่าสงสาร

"ไม่ เราจะไปสัมภาษณ์หนุ่มหล่อคนนั้น"

"ฉันจะออกจากห้องถ้าไม่ไปสัมภาษณ์เขา"

ความคิดเห็นต่างๆได้รับการรีเฟรชขึ้นมาทีละข้อความ

เมื่อมองไปที่ความคิดเห็น เจียงเสี่ยวเว่ยก็ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายเธอก็พูดว่า "เอาล่ะ งั้นเสี่ยวเว่ยจะลองอีกครั้ง แต่อาจจะไม่สำเร็จ คนที่เพิ่งมาอย่าเพิ่งออกไปนะ"

เธอยกโทรศัพท์มือถือของเธอแล้ววิ่งมาหาฉินหยุนอีกครั้ง

"เดี๋ยวก่อนสิหนุ่มหล่อ ฉันขอเวลาคุณแค่แปปเดียวเท่านั้น เดี๋ยวฉันเอาของขวัญให้ก่อนก็ได้"

เธอพูดด้วยสีหน้าท่าทางน่าสงสาร "ฉันแค่จะถามว่าสเปคที่คุณชอบในอุดมคติเป็นแบบไหนแค่นั้นเอง"

เมื่อเห็นเจียงเสี่ยวเว่ยกลับมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกับหันกล้องของโทรศัพท์มาทางเขาโดยตรง ฉินหยุนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

"ผมบอกว่าผมไม่สนใจ"

อย่างไรก็ตามเจียงเสี่ยวเว่ยยังคงไม่ยอมแพ้ เธอพยายามพูดว่า "หนุ่มหล่อ บอกฉันหน่อยนะ คนอื่นๆในห้องถ่ายทอดสดของฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แล้วฉันจะให้ของรางวัลพิเศษกับคุณ เอาไหม?"

แต่เมื่อเขาฟังสิ่งที่เธอพูดจบ ฉินหยุนก็ยื่นมือขวาออกไปและหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอมาทันที

"คุณจะทำอะไรน่ะ?"

เมื่อเห็นการกระทำของฉินหยุน เจียงเสี่ยวเว่ยก็รู้สึกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็อุทานออกมาด้วยความโกรธ

"คุณไม่เข้าใจเหรอ?"

ฉินหยุนขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ต้องการให้คุณสัมภาษณ์ แต่คุณก็ยังใช้โทรศัพท์ของคุณถ่ายมาที่ผม คุณรู้ไหมว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผมในการถ่ายภาพบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต"

เขากดปิดโทรศัพท์โดยตรง จากนั้นก็โยนมันลงพื้นพร้อมกับบอกว่า "อย่าให้ผมต้องพูดอีกเป็นครั้งที่สาม"

เขารู้สึกรังเกียจพฤติกรรมที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปคนอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวมาก

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและจากไปทันที

เจียงเสี่ยวเว่ยรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย ขณะที่เธอก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาในใจของเธอก็รู้สึกโกรธมาก

"ละเมิดสิทธิ์? คนป่าเถื่อนนี่มาจากที่ไหนกัน"

เธอเดินขอสัมภาษณ์ผู้คนตามท้องถนนมานานกว่าสิบวันแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบคนแบบนี้

ด้วยความโกรธในใจของเธอ เจียงเสี่ยวเว่ยไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำการถ่ายทอดสดอีกต่อไป และในไม่ช้าเธอก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง

นี่คือที่ตั้งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน และก็เป็นร้านที่มีขนาดใหญ่กว่า 200 ตารางเมตร มีลูกค้า 30 กว่าคนกำลังเลือกดูเสื้อผ้าอยู่ด้านใน บางครั้งก็มีลูกค้าเดินไปชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจที่นี่กำลังเฟื่องฟูมาก

ในเวลานี้ ผู้หญิงอายุประมาณสามสิบกำลังดูเสื้อผ้าในร้านแต่ละชิ้นที่ถูกขายออกไป

"พี่คะ ตอนนี้เสื้อผ้าที่พี่ออกแบบกำลังเป็นที่นิยมมากเลย แค่แปปเดียวหนูเห็นลูกค้าสองคนซื้อมันไปแล้ว" ข้างๆผู้หญิงคนนี้ มีหญิงสาวอายุประมาณยี่สิบกว่าๆกำลังกล่าวด้วยรอยยิ้ม คำพูดของเธอมีความรู้สึกชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด

ผู้หญิงอายุประมาณสามสิบก็คือซุนเซียง ก่อนหน้านี้เธอลาออกจากยูนิโคล่เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง จากนั้นเธอจึงถูกโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนดึงตัวมาและรับสมัครเข้าโรงงาน

ความสามารถของซุนเซียงนั้นโดดเด่นมากจริงๆ ตอนนี้ฉินหยุนมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่สองแห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในเขตชิงอู๋ และอีกแห่งอยู่ในเมืองจินหลิง ซึ่งทั้งสองโรงงานต่างก็มีดีไซน์เนอร์เป็นพนักงานอยู่หลายสิบคน

สำหรับเสื้อผ้าที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์หลายสิบคนนี้ คาดว่ามีเพียงดีไซน์เสื้อผ้าของโจวซินหยาเท่านั้นที่ได้รับความนิยมมากกว่าของซุนเซียง ซึ่งดีไซน์เสื้อผ้าของดีไซน์เนอร์คนอื่นๆก็ได้รับความนิยมไม่เท่าของเธอเลย

แม้ว่าจะมีค่ายกลรวบรวมโชคลาภเป็นตัวช่วยทำให้เสื้อผ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นขายง่าย แต่เสื้อผ้าที่มีดีไซน์ดีสไตล์สวยๆย่อมต้องขายได้มากกว่า

ส่วนหญิงสาวคนที่กำลังพูดคือซุนเจียเจีย น้องสาวของซุนเซียง หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาลัยเธอก็ได้ทำงานเป็นเลขาของซุนเซียง พี่สาวสาวของเธอ

"สไตล์เสื้อผ้าของพี่เหมาะกับฐานลูกค้าของที่นี่มากกว่า" ซุนเซียงกล่าวพลางยิ้มออกมา ดูไม่ออกเลยว่าเธอรู้สึกภูมิใจหรือเปล่า

ซุนเจียเจียยิ้มและพูดว่า "พี่สาว ดีไซน์เสื้อผ้าของพี่ขายดีมากจริงๆ ครั้งนี้พี่เสนอให้บอสฉินจ่ายค่าจ้างเป็นแบบค่าคอมมิชชั่น บอสฉินจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน"

ซุนเซียงคิดอยู่ครู่หนึ่งและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นคนๆหนึ่งเดินอยู่ไม่ไกล

"เสี่ยวเว่ย เธออยู่นี่เองงั้นเหรอ" เมื่อมองไปที่คนที่เดินเข้ามา ซุนเซียงก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

(จบตอน)