ตอนที่ 103 ไร้เดียงสาเกินไป

"ใช่แล้ว"

หญิงสาวซื่อซื่อพยักหน้า จากนั้นเธอก็มองไปที่จ้าวตงเสวี่ยด้วยสีหน้าแปลกๆพลางกล่าวว่า "ในปัจจุบันเรามีร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่ทั้งหมดหกสาขา ร้านที่มีพื้นที่ 40 ตารางเมตรมีอยู่สี่ร้าน และอีกหนึ่งร้านเล็กกว่าร้านนี้นิดหน่อย ก่อนหน้านี้ฉันก็ทำงานอยู่ที่สาขานั้นนั่นแหละ แต่ตอนนี้ถูกย้ายมาทำที่นี่แล้ว"

"ร้านเสื้อผ้าหกสาขา?!"

ในเวลานี้จ้าวตงเสวี่ยรู้สึกตกใจมาก เมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ทั้งหมดที่ฉินหยุนมี

เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า "นี่คือฉินหยุน เอ่อ..ไม่สิ บอสฉินเป็นคนเปิดเองทั้งหมดงั้นเหรอ?"

"แน่นอนสิ"

หญิงสาวซื่อซื่อพยักหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ร้านขายเสื้อผ้าทั้งหกสาขา บอสฉินเป็นคนเปิดขึ้นด้วยตัวเอง เขาสุดยอดมาก ร้านค้าที่เปิดขึ้นไม่มีร้านไหนที่ไม่ร้อนแรงเลย!"

เมื่อกล่าวถึงฉินหยุน เห็นได้ชัดว่ามีความชื่นชมอยู่ในแววตาของเธอ และยังมีร่องรอยของความรักซ่อนอยู่ด้วย

ฉินหยุนสร้างทุกอย่างขึ้นจากศูนย์ด้วยตัวเอง แถมเขาก็สูงและหล่อเหลา ถือได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลย มีสาวๆในร้านคนไหนบ้างที่จะไม่ชอบผู้ชายแบบนี้?

แน่นอน พวกเธอทำได้แค่คิดและเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจเท่านั้น เพราะพวกเธอต่างก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความสัมพันธ์บางอย่างกับฉินหยุน

เมื่อได้ยินคำตอบยืนยันจากปากของซื่อซื่อ จ้าวตงเสวี่ยก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิมอีก ก่อนหน้านี้เธอได้คิดไปว่าฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าขนาดแค่เพียง 40 ตารางเมตร แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นขนาดพื้นที่ของร้านนั้นมันใหญ่ถึง 240 ตารางเมตร แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด

ฉินหยุน ลูกพี่ลูกน้องของเธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าไปแล้ว 6 สาขา!

ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นฉินหยุนก็คือเมื่อตอนอยู่ที่บ้าน ตอนนั้นเธออายุ 15 ปี และฉินหยุนก็อายุ 15 ปีเช่นกัน ในเวลานั้น เธอไม่ได้มีความประทับใจใดๆเป็นพิเศษต่อลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเธอเลย เธอรู้แค่เพียงว่าเขามีผลการเรียนดีและได้เข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมชิงอู๋หมายเลข 1 ในขณะที่เธอไม่ได้เข้าเรียนแม้แต่ในโรงเรียนมัธยมชิงอู๋หมายเลข 2 ด้วยซ้ำ

ในช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านมา เธอไม่คาดคิดว่าเขาจะสร้างกิจการขนาดใหญ่เช่นนี้ขึ้นมาได้!

ไม่เพียงแต่ในจินหลิงเท่านั้น จ้าวตงเสวี่ยยังรู้ว่าฉินหยุนมีธุรกิจของตัวเองที่เขตชิงอู๋อีกด้วย

"ยังไงก็เถอะ เสี่ยวเสวี่ย ก่อนหน้านี้ฉันสังเกตเห็นว่าเธอกับบอสฉินเข้ามาด้วยกัน เธอรู้จักกับบอสฉินงั้นเหรอ?" หญิงสาวซื่อซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

ถ้าเธอไม่สังเกตเห็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้ เธอก็คงไม่เสียเวลาบอกข้อมูลมากมายให้จ้าวตงเสวี่ยฟัง

การที่ให้ฉินหยุนพามาที่นี่ด้วยตัวเองได้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเธอคนนี้ต้องมีความสัมพันธ์พิเศษกับฉินหยุนแน่นอน

จ้าวตงเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า "ฉินหยุนเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง"

"อ่าา เธอเป็นญาติกับเขานี่เอง" เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวซื่อซื่อก็อุทานด้วยความประหลาดใจ

เธอมองไปที่จ้าวตงเสวี่ยและกล่าวอย่างอิจฉาว่า "เสี่ยวเสวี่ย ต่อจากนี้ได้โปรดดูแลฉันด้วยนะ ฮิฮิ"

ในฐานะลูกพี่ลูกน้องของฉินหยุน อนาคตของเธอจะต้องไปได้ไกลกว่าพนักงานธรรมดาๆในร้านอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นหญิงสาวซื่อซื่อก็มีความกระตือรือร้นต่อจ้าวตงเสวี่ยมากขึ้น เธอเล่าทุกอย่างทั้งหมดที่เธอรู้ให้กับอีกฝ่ายฟัง

หลังออกมาจากร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน จ้าวตงเสวี่ยยังคงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร

"เสี่ยวเสวี่ย ลูกพี่ลูกน้องของเธอสุดยอดเกินไปแล้ว" ข้างๆเธอ หยูเสี่ยวถิงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา เห็นได้ชัดว่าแววตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม

นอกจากนี้เธอยังรู้สึกมีความสุขมาก ตอนนี้เธอได้เป็นพนักงานของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแล้ว และเงินเดือนของเธออาจจะมากกว่า 5,000 หยวนเลยด้วย

เมื่อเธอกลับไป เธอจะโทรหาพ่อกับแม่ ถ้าพวกเขารู้คงจะมีความสุขมากแน่นอน

"มันแน่อยู่แล้ว เธอไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของใคร" จ้าวตงเสวี่ยกลับมาได้สติอีกครั้ง จากนั้นเธอก็ยืดคอขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ

ในเวลานี้เธอหายจากอาการตกใจอย่างสมบูรณ์แล้ว ดวงตาของเธอกลอกไปมา ไม่รู้ว่าในใจของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กดโทรศัพท์โทรออกทันที

"เฮ้ เสี่ยวเสวี่ย ลูกเจอลูกพี่ลูกน้องของลูกหรือยัง ร้านค้าของเขาเป็นยังไงบ้าง?" ที่ปลายสายของโทรศัพท์ พ่อของจ้าวตงเสวี่ย หรือลุงรองของฉินหยุน จ้าว เจียฝู หลังจากเขารับสายก็เอ่ยถามขึ้นทันที

จริงๆแล้วเขาไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสถานการณ์ของฉินหยุนในเมืองจินหลิง แต่เขากังวลมากที่ลูกสาวของเขาอยู่ข้างนอกคนเดียว ถ้าเธอได้ทำงานกับฉินหยุน ไม่ว่าจะได้เงินเดือนสูงหรือต่ำเพียงใด เขาก็ไม่ต้องรู้สึกกังวลแล้ว

"เรียบร้อยแล้ว"

จ้าวตงเสวี่ยกล่าวกับเขาว่า "พ่อ พ่อไม่รู้หรอกว่าลูกพี่ลูกน้องฉินหยุนสุดยอดขนาดไหน ที่จินหลิงเขาเปิดร้านค้าไปทั้งหมดหกร้านแล้ว ซึ่งสี่ร้านมีขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร และอีกสองร้านมีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร แถมกิจการแต่ละร้านก็ดีมาก ร้านที่หนูไปดูวันนี้มีพนักงานเกือบ 40 คน หนูลองคำนวณดูแล้ว แค่จ่ายค่าจ้างพนักงาน ร้านค้าจะต้องใช้เงินถึง 200,000 หยวนเลย!"

เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

"หกร้าน? ร้านเดียวจ่ายค่าจ้าง 200,000 หยวน!?"

จ้าวเจียฝูตกใจมากอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำกล่าวของจ้าวตงเสวี่ย

ครอบครัวของจ้าวเหมย น้องสาวของเขาพัฒนาขึ้นแล้วจริงๆ ก่อนหน้านี้เขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์แค่ในเขตชิงอู๋เท่านั้น แต่แค่นั้นเขาก็ตกใจมากแล้ว

ตอนนี้สถานการณ์ในจินหลิงไม่ได้ด้อยไปกว่าที่เขตชิงอู๋เลย

"พ่อค่ะ ตอนนี้หนูถูกลูกพี่ลูกน้องจัดให้อยู่ในร้านสาขาใหญ่สุด หนูได้เงินเดือน 5,000 หยวนเท่ากับพนักงานทั่วไปคนอื่นๆ"

จ้าวตงเสวี่ยกล่าวต่อ "ผู้จัดการร้านสาขาใหญ่ได้รับเงินเดือน 8,000 หยวนบวกอั่งเปา ส่วนผู้จัดการร้านสาขาเล็กที่พื้นที่ของร้านขนาด 40 ตารางเมตร ได้รับเงินเดือน 6,000 หยวนบวกอั่งเปาเหมือนกัน พ่อไปคุยกับป้ารองให้หนูหน่อยได้ไหม ให้ลูกพี่ลูกน้องเพิ่มเงินเดือนให้หนูอีกหน่อย"

เมื่อได้ยินคำกล่าวของจ้าวตงเสวี่ย จ้าวเจียฝูก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตำหนิเธอทันที "เสี่ยวเสวี่ย ลูกกำลังพูดอะไรของลูก ลูกพี่ลูกน้องของลูกอุตส่าห์หางานให้ แต่ลูกกลับไม่ตั้งใจทำมันให้ดี ดันมาคิดเกี่ยวกับอุบายพวกนี้!"

ลูกสาวของเขามักมีนิสัยแปลกๆ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่านิสัยแบบนี้เธอได้มาจากใคร

"โถ่พ่อ หนูรู้แล้ว"

เมื่อได้ยินคำด่าของจ้าวเจียฝู จ้าวตงเสวี่ยก็รู้สึกไม่พอใจทันที เธอกล่าวว่า "ร้านของลูกพี่ลูกน้องหนูก็เพิ่งเปิด พนักงานขายก็รับเข้ามาใหม่ ปกติแล้วพนักงานใหม่แต่ละคนจะได้เงินเดือน 5,000 หยวน แต่ทำไมหนูถึงได้เท่ากับพวกเขาล่ะ"

จากมุมมองของจ้าวตงเสวี่ย เธอกับฉินหยุนเป็นครอบครัวเดียวกัน และเธอก็ถือว่าเป็นน้องสาวของฉินหยุน

เป็นญาติกัน แต่ทำไมเงินเดือนกับสวัสดิการต่างๆถึงไม่พิเศษกว่าคนอื่นเลย?

ในตอนแรกเธอคิดว่าเงินเดือนของเธอนั้นสูงมาก และเธอก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน แต่เมื่อเธอถามเกี่ยวกับเงินเดือนของพนักงานทุกคนในร้าน เธอก็อดไม่ได้ที่จะไม่พอใจเล็กน้อย

แม้ว่าเธอจะออกมาข้างนอกสามปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยลำบากเลย เธอทำงานให้กับคนรู้จักของพ่อกับแม่ของเธอประมาณ 2 ปีครึ่ง แม้ว่าเงินเดือนของเธอจะน้อย แต่เธอก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

แต่เมื่อเธอมาที่จินหลิง เธอกลับไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เลย และเมื่อมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เธอจึงลาออกด้วยความโกรธ แล้วก็ตกงานมาจนถึงตอนนี้

จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของเธอ เธอเข้าใจว่า เมื่อมีญาติเป็นเจ้าของกิจการ เธอก็น่าจะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษสิ?

เมื่อได้ยินคำกล่าวของจ้าวตงเสวี่ย จ้าวเจียฝูก็ถึงกับต้องพ่นลมใส่เคราด้วยความโกรธ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียนจบสูงๆ แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่

นี่คือร้านที่เปิดโดยครอบครัวของฉินหยุนเอง ทำไมเขาจะต้องยอมให้คนอื่นเอาเปรียบด้วย? ประเด็นก็คือ ในยามปกติครอบครัวของพวกเขาไม่ค่อยได้ช่วยเหลือครอบครัวของฉินหยุนมากนัก

และตอนนี้ฉินหยุนก็อุตส่าห์ให้งานทำแล้ว เธอแค่ต้องทำสิ่งต่างๆที่เหมือนคนอื่นเขาทำกัน ทำไมต้องมีข้อกำหนดข้อเรียกร้องอะไรมากมาย?

ด้วยความโกรธ จ้าวเจียฝูเริ่มตำหนิจ้าวตงเสวี่ยอีกครั้ง

"โถ่พ่อ พ่อจะด่าอะไรนักหนาเนี่ย แค่บอกป้ารองว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แค่นี้ยากตรงไหน และหนูก็จะทำได้ดีอย่างแน่นอน" เมื่อได้ยินถ้อยคำตำหนิอีกครั้ง จ้าวตงเสวี่ยก็กล่าวอย่างหมดความอดทน

"โอเคนะพ่อ แค่นี้แหละ"

หลังจากกล่าวจบ เธอก็กดวางสายทันที

"ลูกคนนี้นี่ ชอบทำให้ฉันโมโหอยู่เรื่อยเลย!" เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเขากดวางสายใส่ จ้าวเจียฝูก็ยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม เขาเดินไปเดินมารอบๆห้องพลางกดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้ง

แต่เขากลับถูกตัดสายใส่

(จบตอน)