ตอนที่ 197 แกล้งไปทักทาย

"โอ้ เสี่ยวหยานโดนผู้ชายคนไหนรังแกงั้นเหรอ?"

ในเวลานี้ สวีช่างหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสภานักศึกษาก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างจางหยานและหวังฉินเช่นกัน เขาจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

เขาชอบหวังฉินและตามจีบมาเธอมานานแล้ว ซึ่งจางหยานก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของหวังฉิน ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้โชว์ออฟต่อหน้าเธอ

"เฮ้ ดูเหมือนว่ารูมเมทของเฉิงต้าสงกับลูกพี่ลูกน้องของเลขาหวังจะมีความขัดแย้งกัน"

"ชักสนุกแล้วสิ"

เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขาสนทนากัน ดวงตาของหลี่ไห่และคนอื่นๆจากคณะบริหารการเงินก็สว่างขึ้นทันที พวกเขากำลังรอดูการแสดงที่ดีอยู่

แต่เมื่อเผชิญกับท่าทีของสวีช่าง หวังฉินก็ส่ายหัว เธอพูดกับจางหยานว่า "ฉันก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เหมือนกัน และทั้งหมดนั่นมันไม่ใช่เพราะฉินหยุนคนนั้น"

"พี่สาว!" เมื่อได้ยินคำกล่าวของหวังฉิน จางหยานก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

แม้จะมีการกล่าวว่าเธอเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วยการที่เธอคิดไปเอง แต่จ้าวสิงก็ถูกทุบตีจริงๆและเธอก็รู้สึกเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย ในความคิดของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นฝ่ายที่ได้รับความคับข้องใจ

แต่เธอก็ยังกลัวหวังฉินอยู่นิดหน่อย

เธอหันไปมองและพูดว่า "พี่สาว เราไปทางนั้นกันเถอะ"

แม้ว่าพี่สาวของเธอไม่ได้เลือกที่จะช่วยเธอ แต่ตราบใดที่เธอแค่เดินผ่านพาตัวลูกพี่ลูกน้องของเธอไปให้เขาเห็น ฉินหยุนก็จะออกมาขอโทษเธออย่างแน่นอน

เมื่อรู้แผนของลูกพี่ลูกน้องของเธอ หวังฉินก็ทำอะไรไม่ถูก แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้าออกมา

เมื่อเห็นว่าหวังฉินตกลง จางหยานก็มีความสุขทันที

"หวังฉิน ฉันจะไปกับเธอด้วย" สวีช่างกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกเธอพูดคุยกัน

จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็เดินไปที่โต๊ะที่ฉินหยุนนั่งอยู่

"ไป พวกเราไปดูโชว์กัน"

ในขณะนี้หลี่ไห่และคนอื่นๆก็ทำเช่นเดียวกัน โดยเดินตามหลังของพวกเขาไปติดๆ

"เลขาหวัง" เมื่อเห็นหลายคนกำลังเดินเข้ามา เจียงอีก็รีบเอ่ยทักทายหวังฉินอย่างรวดเร็ว

เธอเองก็เข้าร่วมฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภานักศึกษาเช่นกัน ดังนั้นแน่นอนว่าเธอต้องรู้จักหวังฉิน

ในเวลานี้ จางเสี่ยวเยว่ จ้าวฉิง หลินเมิ่งเมิ่ง และสาวๆคนอื่นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แม้พวกเธอจะไม่ได้เข้าร่วมกับสภานักศึกษา แต่สำหรับพวกเธอคนจากสภานักศึกษาถือว่ามีอำนาจมากและพวกเขาก็คือผู้นำในมหาลัยอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

"โจวผาน รูมเมทของนายชื่ออะไร?"

สวีช่างหันหน้ามามอง เขาชี้ไปที่ฉินหยุนพลางเอ่ยถามโจวผาน

"ฉินหยุน?" เมื่อได้ยินคำถามของสวีช่าง ไม่เพียงแต่โจวผานเท่านั้น แต่ยังมีเจียงอีและคนอื่นๆทั้งหมดที่ตกตะลึง

พวกสวีช่างมาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับฉินหยุนงั้นเหรอ? หรือว่าฉินหยุนจะมีอะไรพิเศษ?

ขณะที่ในใจของเขาคิดเตลิดไปไกล แต่โจวผานก็ยังเอ่ยแนะนำโดยไม่ลังเล

"ฉินหยุน เราเจอกันอีกแล้ว" หลังจากการแนะนำตัวเสร็จ จางหยานก็มองไปที่ฉินหยุนและพูดขึ้นทันที

หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ชี้ไปที่หวังฉินและกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า "ให้ฉันแนะนำ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน หัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภานักศึกษา"

ความถือดีในแววตาของเธอไม่ได้ถูกปกปิดเอาไว้เลย และเธอก็มองไปที่สีหน้าของฉินหยุนด้วยความคาดหวัง

หวังฉินถือว่าเป็นผู้สนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดของเธอภายในมหาลัย และทุกคนรอบตัวเธอก็มักจะอิจฉาเธอเรื่องนี้อยู่เสมอ ซึ่งฉินหยุนเองก็ต้องเป็นแบบเดียวกัน เมื่อเขาได้รู้ตัวตนของเธอเขาก็จะรีบขอโทษเธอทันทีแน่นอนเพราะว่ารู้สึกเกรงกลัว

เมื่อเธอได้เข้าไปอยู่ในสภานักศึกษา เธอเห็นนักศึกษาหลายคนเข้ามาประจบประแจงลูกพี่ลูกน้องของเธอจนเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การจ้องมองของเธอ สีหน้าของฉินหยุนนั้นเรียบเฉยมาก และเขาก็ไม่ตอบสนองใดๆเลย

"ฉินหยุน นายไม่ตกใจเหรอ?" เมื่อเห็นเช่นนี้จางหยานก็เอ่ยถามด้วยความงุนงง

เมื่อครู่เธอเพิ่งแนะนำอย่างจริงจังไปว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอเป็นหัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภานักศึกษา

ฉินหยุนเคยมีเรื่องขัดแย้งกับเธอมาก่อน และเขาก็น่าจะรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองต้องตึงเครียดมาก ดังนั้นเขาก็ควรจะรีบมาขอโทษทันทีไม่ใช่เหรอ?

แต่ทำไมสีหน้าของฉินหยุนถึงราบเรียบไร้ความรู้สึกเช่นนี้?

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ฉินหยุนก็ถามด้วยความใจเย็นว่า "ทำไมฉันจะต้องตกใจด้วย?"

เขารู้สึกว่าสมองของจางหยานน่าจะมีปัญหาเล็กน้อย ในสายตาของเธอ เธอคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอซึ่งเป็นแค่หัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมมีอำนาจมาก และดูเหมือนเธอจะคิดว่านักศึกษาทุกคนจะต้องไปคอยประจบเธอด้วย?

เมื่อเห็นท่าทางที่สงบของฉินหยุน จางหยานก็ตื่นตระหนกขึ้น

ความหดหู่ใจก่อนหน้านี้ของเธอกำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาในขณะนี้อยู่แล้ว แต่ไม่เพียงว่ามันจะไม่สามารถระบายออกมาได้เท่านั้น แต่เธอยังต้องกดกลั้นมันเอาไว้อีกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม

"ฉินหยุนคนนี้นิ่งเกินไปแล้ว"

"เขาไม่มีปฏิกิริยาต่อผู้นำในสภานักศึกษาเลย"

"อย่างเอา! เขาไม่ได้ให้ความสนใจกับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภามหาลัยเลย"

หลี่ไห่และคนอื่นๆจากคณะบริหารการเงินที่กำลังตั้งตารอดูโชว์อยู่ พวกเขากลับรู้สึกประหลาดใจแทน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกับฉินหยุน แต่พวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายค่อนข้างจะสุดยอดจริงๆ

สำหรับคนในหอพักของเจียงอี พวกเธอแต่ละคนมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป

หลินเมิ่งเมิ่งรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เธอยืนอยู่ข้างฉินหยุนแต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าในความคิดของเธอสภานักศึกษามีอำนาจมาก

สำหรับเจียงอี ใบหน้าของเธอบึ้งตึงเล็กน้อย

"ฉินหยุนไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอะไรเลย แล้วเขาจะไปทำให้จางหยานจากสภานักศึกษาขุ่นเคืองได้ยังไง"

เธอรู้จักจางหยานและก็รู้ว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของหวังฉิน เป้าหมายของเธอก็คือการที่จะสมัครเป็นรองหัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภามหาลัย เมื่อมีความขัดแย้งกับจางหยาน ก็เปรียบเสมือนมีความขัดแย้งกับหวังฉินทางอ้อม และมันก็อาจจะถึงขั้นส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเธอด้วยซ้ำ

ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่สมัครชิงตำแหน่งรองหัวหน้าฝ่าย ก็ต้องได้รับความยินยอมจากคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายด้วย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เจียงอีก็สะกิดจ้าวคังฮ่าว

จ้าวคังฮ่าวก็รู้ว่าเจียงอีอยู่ในฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภานักศึกษา และจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังฉิน แต่ตอนนี้เขาก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ฉินหยุนไม่ไว้หน้าหวังฉินแล้วเขาจะไปทำอะไรได้?

นอกจากนี้ในฐานะรูมเมทของฉินหยุน เขาก็ต้องเลือกอยู่ข้างฉินหยุนแน่นอน

เมื่อเห็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจ้าวคังฮ่าว เจียงอีก็เริ่มกังวล

เธอกับฉินหยุนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่ฉินหยุนจะต้องทำให้หวังฉินรู้สึกไม่พอใจในตัวเธอแน่นอน

บรรยากาศในที่ตรงนี้เริ่มตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ทุกคนต่างก็เห็นว่าระหว่างจางหยานกับฉินหยุนต้องมีความขัดแย้งกันบางอย่าง จางหยานพาหวังฉินมาที่นี่เพื่อสนับสนุนเธอ แต่ฉินหยุนไม่ได้ไว้หน้าและไม่สนใจเธอเลย

"ฮ่าฮ่า ฉินหยุน ดูเหมือนว่าระหว่างนายกับเสี่ยวหยานจะมีความขัดแย้งกัน"

ในขณะนี้เอง สวีช่างก็ก้าวมาข้างหน้า  เขายิ้มและกล่าวว่า "ฉันคิดว่าทุกคนใจเย็นๆก่อนดีกว่า มาๆเรามาดื่มกันสักหน่อยเถอะ ลืมเรื่องระหว่างนายกับเสี่ยวหยานไปก่อน ดีไหม?"

เขาก้าวมาข้างหน้าเพื่อทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น

หลังจากกล่าวจบ เขาก็รินเบียร์ใส่แก้วสองใบด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับสวีช่างที่ยิ้มแย้ม ฉินหยุนก็ส่ายหัวและพูดว่า "ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์"

"ว้าว น้องใหม่คนนี้สุดยอดจริงๆ"

"เขาไม่ไว้หน้าหัวหน้าฝ่ายทั้งสองคนที่อยู่ที่นี่เลย"

เห็นได้ชัดว่าหลี่ไห่และคนอื่นๆนั้นรู้สึกตกใจมาก

แม้แต่พวกจ้าวคังฮ่าวก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย

พวกเขารู้ว่าปกติแล้วฉินหยุนเป็นคนที่อารมณ์ดีมาก แต่พวกเขาไม่ได้คาดว่าในขณะนี้เขาจะเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้ายได้ แถมเขาก็ไม่สนใจทั้งหวังฉินและสวีช่างเลย

เมื่อเห็นเช่นนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของสวีช่างก็ค่อยๆจางหายไป เขาถือแก้วเบียร์สองใบค้างไว้ในมือ ทำให้ดูน่าเขินอายเล็กน้อย

สำหรับจางหยานเธอก็ตกใจมากเช่นกัน โดยที่เธอไม่รู้ว่าฉินหยุนไปเอาความมั่นใจของเขามาจากไหน แต่เมื่อเห็นฉากดังกล่าว เธอก็ตื่นเต้นอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้หวังฉินพี่สาวของเธอเคยบอกกับเธอว่า จิตใจของสวีช่างไม่ได้กว้างมากนัก

"เหอะ ฉินหยุนคนนี้ทำตัวแข็งกร้าวต่อหน้าคนจากสภานักศึกษาที่มีอำนาจมากมาย มาดูกันว่าต่อจากนี้เขาจะถูกคว้าหางเปียไหม?[1]"

จางหยานกำลังคิดกับตัวเอง

ในเวลานี้ที่อีกฝั่งหนึ่ง มีหญิงสาวสองคนกำลังเดินอยู่

หญิงสาวคนหนึ่งมีร่างกายที่ดูบอบบาง ส่วนอีกคนหนึ่งเธอมีรูปร่างสูงและผอมเพรียว ผิวของเธอออกสีแทนเล็กน้อย แต่ก็เธอดูสุขภาพดีและมันยังทำให้เธอดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

"เสี่ยวชิง เทอมหน้าเด็กใหม่ปีหนึ่งก็จะเข้ามาแล้ว และการฝึกงานของเราก็ใกล้เข้ามาทุกที เธอวางแผนจะไปฝึกงานที่ไหนเหรอ?" สาวสวยเอ่ยถาม

"ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย" หลินชิงส่ายหัวพลางตอบกลับ

ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ แต่เมื่อจู่ๆ หลินชิงมองเข้าไปที่อีกฝั่ง เธอก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปทันที

(จบตอน)

——————————————————————————————

[1] คว้าหางเปีย = จับจุดอ่อน , โดนจับผิด