หลังจากที่จ้าวเทียนเฉียงรายงานเสร็จฉินหยุนก็บอกให้เขานั่งลง จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นต่อ "นี่คือผลประกอบการของร้านค้าทั้งสิบแปดแห่งของเราภายในเดือนกุมภาพันธ์ และตอนนี้ผมขอประกาศว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปร้านค้าเหล่านี้ทั้งหมดจะเริ่มใช้ระบบการให้รางวัล!"
"สำหรับร้านค้าสาขาเล็กที่มีพื้นที่ 40 ตารางเมตร รวมถึงร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ในเดือนมีนาคมทั้งสิบสี่ร้าน แต่ละร้านจะตั้งเป้าไว้ที่ 400,000 หยวน ซึ่งเงินเดือนของพนักงานขายจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ถ้าหากทางร้านสามารถทำยอดขายได้ถึง 410,000 หยวน 20% ของ 10,000 หยวนที่เกินมาก็จะถูกหักให้เป็นรางวัลสำหรับพนักงาน พูดง่ายๆก็คือ ถ้ายอดขายถึง 410,000 หยวน เงิน 2,000 หยวนก็จะถูกแบ่งให้กับผู้จัดการร้านและพนักงานขายภายในเดือนนั้นๆ!"
"ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าแต่ละสาขาที่มีขนาด 40 ตารางเมตร มีผู้จัดการร้านสาขาละหนึ่งคนกับพนักงานประจำอีกแปดคน เมื่อเทียบกับพนักงานขายผู้จัดการร้านจะได้รับรางวัลเป็นสองเท่า นั่นก็คือ 400 หยวนจาก 2,000 หยวน ส่วนพนักงานขายที่เหลือโดยเฉลี่ยแล้วจะได้รับ 200 หยวนต่อคน!"
"และถ้าหากทำยอดขายได้ถึง 420,000 หยวน เมื่อหัก 20% จากส่วนที่เกินมา 20,000 หยวนก็จะได้เท่ากับ 4,000 หยวน ซึ่งเงินเดือนของผู้จัดการร้านก็จะเพิ่มขึ้นโดยตรง 800 หยวน ส่วนที่เหลืออีก 3,200 หยวนก็จะถูกแบ่งให้กับพนักงานขาย"
"ถ้าทำยอดขายถึง 430,000 หยวน 6,000 หยวนก็จะสามารถใช้เป็นรางวัลสำหรับพนักงานได้…"
"ด้วยการใช้ระบบการให้รางวัลเช่นนี้ ส่วนเกินของยอดขายที่ทางร้านทำได้ก็จะถูกแบ่งให้กับพนักงานโดยไม่มีขีดจำกัดเลย"
"จำนวนโบนัสที่พนักงานจะได้รับจะถูกแบ่งออกตามเกณฑ์ต่างๆ ทั้งจำนวนเสื้อผ้าที่ขาย ระยะเวลาที่พวกเขาเข้าร่วมกับเทียนหยุน ซึ่งทั้งหมดก็จะรวมอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน"
แน่นอนว่าโบนัสเหล่านี้ไม่ได้แบ่งให้พนักงานทุกคนโดยเท่าๆกัน ยิ่งประสิทธิภาพดีมากเท่าไร เข้าร่วมกับเทียนหยุนมานานแค่ไหน ก็ยิ่งได้โบนัสมากขึ้นเท่านั้น
"ส่วนร้านค้าสาขาใหญ่ทั้งเจ็ดแห่งที่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตรของเทียนหยุน ยอดขายจะถูกตั้งเป้าไว้ที่ 2.2 ล้านหยวน! ถ้าหากสามารถทำยอดขายได้เกินเป้า พนักงานก็จะได้รับส่วนแบ่ง 20% สำหรับทุกๆ 50,000 หยวนขึ้นไป!"
"พูดง่ายๆก็คือ ถ้าทำยอดขายได้ถึง 2.25 ล้านหยวน 20% ของที่เกินมาจาก 50,000 หยวนก็คือ 10,000 หยวน รางวัลนี้ก็จะถูกแบ่งให้กับพนักงานในร้านเช่นเดียวกับร้านค้าสาขาเล็ก"
"ถ้าทำยอดขายได้มากถึง 2.3 ล้านหยวน พนักงานก็แบ่งออกไปได้เลย 20,000 หยวน"
"และถ้าสามารถทำยอดขายต่อเดือนได้ถึง 2.35 ล้านหยวน 30,000 หยวนก็จะถูกแจกจ่ายให้กับพนักงานทุกคน ซึ่งก็จะไม่มีขีดจำกัดเช่นเดียวกัน!"
เสียงของฉินหยุนดังก้องไปทั่วทั้งห้องประชุม และเมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของเขา กลุ่มแรกที่ผงะไปก็คือผู้จัดการร้านของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน แต่ทันใดนั้นใบหน้าของแต่ละคนก็แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างมาก
"ถ้าทำยอดได้เกินเป้าเราก็จะได้ส่วนแบ่งถึง 20% เลยงั้นเหรอ!"
"ยอดขาย 400,000 หยวนไม่ใช่เรื่องยาก แค่พยายามสักหน่อยเราก็สามารถทำได้แล้ว! ส่วนยอดขายที่เกินมาเราก็อาจจะทำได้ไม่ยากเช่นกัน!"
"เปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งที่บอสฉินมอบให้เรานั้นสูงมาก!"
ผู้จัดการร้านเหล่านี้รู้สึกหัวใจเต้นแรงมากอย่างอดไม่ได้!
เงินเป็นแรงจูงใจที่ดีที่สุดเสมอ!
เทียนหยุนเริ่มสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานแล้ว ยิ่งพวกเขาทำยอดขายได้เกินเป้าที่ตั้งไว้มากเท่าไร ส่วนแบ่ง 20% ที่ได้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น แถมไม่มีขีดจำกัดอีกด้วย!
อันที่จริงพนักงานขายของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนได้รับค่าจ้าง 5,000 หยวนต่อเดือน ซึ่งจำนวนนี้ก็รวมค่าคอมมิชชั่นเรียบร้อยแล้ว งานของพวกเธอไม่ยากมาก ตราบใดที่พวกเธอไม่ขี้เกียจพวกเธอก็สามารถทำงานให้ครบทุกวันและรับค่าจ้างเต็มๆได้
และเงินเดือนของผู้จัดการร้านนั้นก็สูงกว่าพนักงานขายเล็กน้อย
เงินเดือนผู้จัดการร้านของร้านค้าสาขาเล็กนั้นอยู่ที่ 6,000 หยวน
นี่คือสิ่งที่เขาคิดไว้ ฉินหยุนคาดการณ์ว่าภายใต้อิทธิพลของค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ยอดขายของแต่ละร้านจะอยู่ที่ประมาณ 400,000 หยวน
เขาไม่ได้บังคับอะไร แค่ค่อยๆพัฒนาไปทีละขั้นๆ
‘ยังไงก็ตาม เป้าหมายของฉันคือการพัฒนาเทียนหยุนให้กลายเป็นแบรนด์ใหญ่อย่าง Anta แล้วก็ Nike! ถ้ายังทำแบบเดิมมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาขึ้นแน่นอน’
ตอนนี้เทียนหยุนถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ความสำเร็จส่วนใหญ่ของเทียนหยุนเกิดจากค่ายกลรวบรวมโชคลาภทั้งหมด! ปัจจัยที่มาจากมนุษย์มีส่วนช่วยน้อยมาก!
ถ้าเมื่อไรที่ค่ายกลรวบรวมโชคลาภหายไป เทียนหยุนก็จะเผยให้เห็นสิ่งที่มันควรจะเป็นในทันที ไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันกับ Anta หรือไม่ก็ Nike เลย แม้แต่หานลู่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเอาชนะ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจเรื่องรางวัลหรือค่าคอมมิชชั่น และแม้กระทั่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเขาก็ไม่เคยสนใจที่จะจัดกิจกรรมในร้านขึ้นเลย เขาเพิ่งเริ่มทำกิจกรรมบางอย่างภายใต้คำแนะนำของจ้าวเทียนเฉียงเท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเขาให้ความสำคัญกับค่ายกลรวบรวมโชคลาภมากเกินไป อันที่จริง เขาคิดผิดอย่างสิ้นเชิง!
‘ค่ายกลรวบรวมโชคลาภจะต้องไม่ถูกให้ความสำคัญมากจนเกินไป ผู้มีความสามารถควรจะเป็นส่วนช่วยหลัก! เราต้องเป็นคนใช้ค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ไม่ใข่ให้ค่ายกลรวบรวมโชคลาภมาใช้เรา!’
ในใจของฉินหยุนชัดเจนกับเรื่องนี้มาก
‘แบรนด์ใหญ่ๆเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น Anta หรือ Nike ต่างก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากค่ายกลรวบรวมโชคลาภเลย แต่พวกเขาก็ยังสามารถพัฒนาไปที่ละขั้น จากเล็กไปหาใหญ่ได้!’
‘พวกเขาก้าวไปทีละขั้น กว่าจะมีวันนี้ก็ต้องค่อยๆเอาชนะอุปสรรคต่างๆมามากมาย’
‘ถ้าเทียนหยุนต้องการจะเติบโตกลายเป็นแบรนด์ใหญ่ สิ่งแรกที่ฉันต้องคำนึงถึงก็คือ ฉันสามารถไปถึงระดับของพวกเขาโดยไม่ต้องพึ่งพาค่ายกลรวบรวมโชคลาภ นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ!’
‘ค่ายกลรวบรวมโชคลาภควรเป็นแค่ตัวช่วยอย่างหนึ่งของฉัน! ฉันต้องไม่ให้น้ำหนักกับมันมากเกินไป มันเพียงแค่ช่วยให้ฉันสามารถพัฒนาและมีเสถียรภาพมากกว่าคนอื่น ทำให้ประสบความสำเร็จได้เร็วกว่าคนอื่นเท่านั้น!’
‘ด้วยชุดความคิดแบบนี้ แม้ว่าในอนาคตค่ายกลรวบรวมโชคลาภทั้งหมดจะหายไป แต่ฉันก็ไม่ต้องกังวล!’
เมื่อคืนที่ผ่านมา ฉินหยุนคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆอยู่ตลอดทั้งคืน
ในเวลานี้เทียนหยุนดูเหมือนจะไม่มีข้อบกพร่องอะไร และไม่ว่าวิธีใดๆที่คู่ต่อใช้จัดการกับพวกเขามันก็มักจะไร้ประโยชน์ แต่ตราบใดที่ค่ายกลรวบรวมโชคลาภหายไป พวกเขาคงต้องจบเห่แน่นอน
ปัญหานี้ใหญ่มากเกินไป เขาไม่สามารถควบคุมการมีอยู่ของระบบรวบรวมโชคลาภได้เลย แม้ตอนนี้มันอาจจะไม่มีปัญหา แต่ในอนาคตใครจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
โชคดีที่ตอนนี้การขยายตัวของเทียนหยุนยังไม่ใหญ่เกินไป ทุกอย่างจึงยังมีโอกาสให้ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว!
และประการแรก การสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานของร้านขายเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!
อันที่จริง ยอดขาย 10,000 หยวนนั้นคิดเป็นค่าเสื้อผ้าไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่หักภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆออก จากนั้นก็แบ่งให้กับพนักงานอีก 20% ฉินหยุนจะเหลือกำไรอยู่ไม่มากนัก แต่มันก็คุ้มสุดๆ!
ภายใต้แรงจูงใจเช่นนี้ จะสามารถเพิ่มความกระตือรือร้นในการอยากขายของพนักงานและผู้จัดการร้านเสื้อผ้าได้อย่างแน่นอน และพวกเขาก็จะไม่ลาออกเพียงเพราะสิ่งล่อตาล่อใจเพียงเล็กน้อย
วิธีการเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในร้านขายเสื้อผ้าหลายๆแบรนด์ ตามด้วยวิธีการทางการตลาดต่างๆ แต่ก่อนหน้านี้ฉินหยุนไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ตอนนี้ความคิดเก่าๆถูกเขาละทิ้งโดยสมบูรณ์แล้ว
เมื่อมองไปที่กลุ่มคน ฉินหยุนก็กล่าวขึ้นต่อ "นอกจากนี้ คนจากแผนกออกแบบของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าก็ต้องเริ่มแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงโบนัสด้วย ตอนนี้เทียนหยุนมีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่สองแห่ง หนึ่งแห่งอยู่ที่เขตชิงอู๋ และอีกหนึ่งแห่งอยู่ในจินหลิง ทั้งสองแห่งมีพนักงานรวมกันทั้งหมด 300 คน ส่วนดีไซน์เนอร์รวมแล้วก็มีมากกว่า 50 คน! ดีไซน์เนอร์เหล่านี้ก็จะรวมอยู่ในระบบการให้รางวัลเช่นกัน!"
"ที่ผมคิดไว้ตอนนี้คือ เราจะใช้เกณฑ์ในการให้รางวัลดีไซน์เนอร์ต่างกับพนักงานในหน้าร้าน สัดส่วนของเสื้อผ้าที่ขายได้จะคิดเป็น 60% อีก 10% ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง อีก 10% ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่อยู่ในเทียนหยุน และอีก 10% ขึ้นอยู่กับ..."
ปัจจุบันเสื้อผ้าที่ขายในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกผลิตโดยโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าทั้ง 2 แห่ง เมื่อถึงสิ้นเดือนสิ่งต่างๆจะถูกคำนวณออกมาตามบันทึกและสถิติของคอมพิวเตอร์ จะสามารถรู้ได้อย่างง่ายดายว่าเสื้อผ้าที่ดีไซน์เนอร์แต่ละคนออกแบบมาขายได้กี่ตัว ซึ่งก็สามารถคำนวนตามสัดส่วนของสิ่งนี้ได้เช่นกัน
เมื่อนับรวมกับระยะเวลาที่ทำงานอยู่ในเทียนหยุน ระดับตำแหน่งและหน้าที่ ฯลฯ ก็จะสามารถคำนวณโบนัสของพนักงานแต่ละคนออกมาได้!
"ในเดือนมีนาคมนี้ นอกเหนือจากฐานเงินเดินที่ได้กำหนดไว้ แผนกออกแบบจะไม่มีโบนัสรายบุคคลอีกต่อไป แต่จะมีโบนัสรวม 150,000 หยวนแทน!"
ก่อนหน้านี้ฉินหยุนจ่ายค่าจ้างดีไซน์เนอร์แบบคงที่ จากนั้นก็ให้โบนัสตามความสามารถของแต่ละคน เฉลี่ยแล้วตกคนละพันสองพันหยวน คล้ายกับที่เคยจ่ายเงินเดือนให้ผู้จัดการร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
ก่อนหน้านี้เขาโฟกัสไปที่ค่ายกลรวบรวมโชคลาภเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนมามุ่งเน้นไปที่ผู้คนแล้ว ดังนั้นวิธีการคำนวณค่าจ้างจึงต้องต่างออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้เหล่าดีไซน์เนอร์ก็จะแข่งขันกันอย่างเต็มที่เพื่อพยายามออกแบบเสื้อผ้าที่ดีที่สุดสำหรับเทียนหยุน
"ดีไซน์เนอร์ประมาณห้าสิบคนนี้ จะแบ่งโบนัส 150,000 หยวนกันตามผลงานของพวกเขา!" ฉินหยุนกล่าวต่อ
โบนัสรวม 150,000 หยวน หารกับคนประมาณ 50 คน ซึ่งจะเท่ากับว่าเงินเดือนของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาประมาณ 3,000 หยวนต่อคนเลย!
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การแบ่งด้วยจำนวนเท่าๆกัน ผู้ที่ได้รับมากที่สุดก็อาจจะได้มากกว่า 10,000 หรือ 20,000 หยวน และผู้ที่ได้รับน้อยที่สุดก็อาจจะได้ต่ำกว่า 1,000 หยวน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย
"แน่นอน โบนัสนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะคว้าไปได้ หากดีไซน์เนอร์คนไหนอยู่ในอันดับต่ำสุดของการประเมินเพื่อรับโบนัสรายเดือนติดต่อกันสามเดือน เขาจะถูกขอให้ออกจากบริษัทโดยตรง ซึ่งทางบริษัทก็จะชดเชยให้เป็นเงินเดือนสามเดือน"
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved