ตามแผนการของหลิวซิน หากเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางผู้พัฒนาโครงการที่ไซต์ก่อสร้างก็จะชดเชยเงินจำนวนมากให้กับเขา ซึ่งมันก็เพียงพอสำหรับการใช้รักษาน้องสาวของเขา
แต่ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขานั้นไม่ได้ร้ายแรง ดังนั้นค่าชดเชยที่ได้จึงไม่มากนัก และมันก็ไม่พอที่จะใช้จ่ายเป็นค่ารักษาให้กับน้องสาวของเขาเลย ซึ่งถ้าในเวลานี้หลิวกั๋วหมินและคนอื่นๆรู้เกี่ยวกับเรื่องของเขาอีก พวกเขาจะต้องเป็นกังวลมากอย่างแน่นอน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็ถามว่า "แล้วนายจะทำยังไงต่อไป?"
หลิวซินไม่ได้เอ่ยอะไร จู่ๆเขาก็เงียบไปนานมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า "ฉันจะทำงานต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด"
เขาทั้งผอมและตัวเล็ก แต่ในเวลานี้เขาได้ใช้ร่างกายเล็กๆนี้แบกรับน้ำหนักมากมายไว้ที่บนไหล่คู่นั้น
พ่อแม่ของเขาไม่รู้หนังสือและเป็นไปไม่ได้ที่พวกท่านจะหางานที่พอทำเงินได้ ตอนนี้ทั้งครอบครัวจึงต้องพึ่งพาเขาเป็นเสาหลัก
"พี่ฉิน ฉันหวังว่าพี่จะช่วยปิดเรื่องนี้ไว้ให้ฉันนะ"
เมื่อเห็นว่าฉินหยุนมีท่าทางไม่เห็นด้วย หลิวซินก็กล่าวอีกครั้ง เขามองไปที่ฉินหยุนด้วยแววตาขอร้องอ้อนวอน
เมื่อเห็นการจ้องมองเช่นนี้ของหลิวซิน ฉินหยุนก็เงียบไปสองสามวินาที จากนั้นเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า "ก็ได้"
"นายพักผ่อนอยู่ที่นี่ให้ดี เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันจะมาหานายอีกครั้ง" ฉินหยุนกล่าว
หลังจากเอ่ยอีกไม่กี่คำเขาก็เดินออกจากโรงพยาบาล
...
หลังจากเดินออกจากโรงพยาบาล ฉินหยุนเงียบไปนานอย่างเห็นได้ชัด เขาซื้อของบางอย่างที่ร้านค้าแถวๆนั้นจากนั้นก็มาที่อาคารผู้ป่วยอีกแห่งหนึ่ง และได้เห็นน้องสาวของหลิวซินนอนอยู่ให้ห้องพยาบาล
"เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเสี่ยวซินใช่ไหม?"
เมื่อเห็นการมาถึงของฉินหยุน หลิวกั๋วหมินก็จำได้ว่าเขาเคยพบกับฉินหยุนในหอพักที่มหาลัยมาก่อน
ฉินหยุนพยักหน้าและกล่าวว่า "คุณลุงครับ ผมได้ยินมาว่าน้องสาวของหลิวซินป่วยหนัก ดังนั้นผมจึงมาเยี่ยมเธอ"
เขาวางของในมือลง
เมื่อหลิวกั๋วหมินได้ยินเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากอยู่ที่นี่สักพัก ฉินหยุนก็ถามหมอที่ดูแลผู้ป่วยอีกสักครู่ จากนั้นก็ออกจากโรงพยาบาลและไปที่บริษัท
...
หลินเยว่ซานทำงานที่บริษัทเทียนหยุนมาได้หลายวันแล้ว เมื่อเธอทำงานได้ดีเธอจึงได้รับมอบหมายหน้าที่หนึ่งซึ่งแตกต่างจากพนักงานคนอื่นๆ นั่นก็เพราะว่าบริษัทกำลังเตรียมจัดตั้งแผนกการกุศล
แผนกการกุศลนี้ไม่ใช่การบริจาคเงินโดยตรงให้มูลนิธิต่างๆ ไม่ได้บริจาคให้สภากาชาดหรืออะไรทำนองนั้น ถ้าบริจาคไปให้ที่เหล่านั้นจริงๆก็คงไม่รู้ว่าเงินจะถูกนำไปใช้ที่ไหนหรือกับใคร
ทางเทียนหยุนจะเป็นฝ่ายเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ และมอบเงินให้กับคนๆนั้นโดยตรง
หรืออาจจะเป็นการซื้อของบางอย่างให้กับโรงเรียนประถมบนเขาที่ยากจนเหล่านั้น หรืออุปการะนักเรียนที่มีฐานะยากจนสักสองสามคน ให้เงินเล็กน้อย หรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่กำลังประสบปัญหา
การทำการกุศล จากมุมมองของบริษัท สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเทียนหยุนอย่างแน่นอน
หากในอนาคตบริษัทเทียนหยุนมีทรัพย์สินถึงหลายหมื่นล้านหรือแสนล้าน แม้ว่าพวกเขาจะบริจาคเงินครั้งละ 100 ล้าน ก็คาดว่าคนอื่นๆจะไม่รู้สึกอะไรกับมันมากนัก ก็เหมือนอย่างกรณี Tencent และ Alibaba
ถ้าถึงตอนนั้นมันคงสายเกินไปแล้วที่จะทำสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเทียนหยุนต้องเริ่มทำการกุศลตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งฉินหยุนก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินอะไร เขาได้เตรียมพร้อมสำหรับการสร้างชื่อเสียงของเทียนหยุนในอนาคตไว้แล้ว
ไม่สามารถกล่าวได้ว่าที่ทำไปนี้เป็นเพราะผลประโยชน์ของบริษัททั้งหมด โดยพื้นฐานแล้วการกุศลของบริษัททุกแห่งต่างก็มีวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกัน ที่สำคัญคือฉินหยุนรับประกันว่าการทำการกุศลของเขาสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้จริงๆ
"เสี่ยวเล่ย ตอนนี้งานของฉันดีมากแถมเพื่อนร่วมงานของฉันก็ดีมากเช่นกัน บริษัทที่ฉันเคยทำงานอยู่เทียบไม่ติดเลย" ระหว่างทำงานอยู่ หลินเยว่ซานได้รับสายโทรศัพท์จากเจียงเล่ย เธอกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
ที่บริษัทใหม่แห่งนี้ ทุกคนจริงจังกับงานของตัวเองมาก เงินเดือนและผลตอบแทนของบริษัทถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่เหมือนกับบริษัทเดิมที่เมื่อเกิดปัญหาบางอย่างต่างก็มีคนจำนวนมากที่คอยจับปลาในน้ำขุ่นอยู่ตลอด ต่างคนต่างปัดความรับผิดชอบไปให้กัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลินเยว่ซานทำงานอย่างสบายใจมาก
"ดีแล้วล่ะเยว่ซาน ต่อไปนี้อย่าซื่อบื้ออีกล่ะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ อย่าไปให้คนอื่นเขาคอยเอาเปรียบ" เจียงเล่ยกล่าวเตือนเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง
"เข้าใจแล้ว" หลินเยว่ซานกล่าว "แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องทำงานต่อ เดี๋ยวหลังเลิกงานฉันจะโทรหาเธออีกที"
หลินเยว่ซานวางสายโทรศัพท์และมองดูเอกสารในมือของเธอ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ข้างโต๊ะของเธอก็ดังขึ้น
หลินเยว่ซานยกหูขึ้นอย่างรวดเร็วและกล่าวด้วยความเคารพว่า "บอสฉินคะ"
เมื่อเธอเข้ามาทำงานในบริษัท เธอยังรักษาความเคารพต่อฉินหยุนไว้ และไม่ได้แสดงทัศนคติอื่นใดเพียงเพราะว่าฉินหยุนเป็นลูกศิษย์ของเพื่อนสนิทเธอเลย
"ก่อนหน้านี้ที่มอบหมายหน้าที่ดูแลแผนกการกุศลให้คุณ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?" ฉินหยุนเอ่ยถาม
หลินเยว่ซานน่าจะเป็นคนจิตใจดี ดังที่เห็นได้จากใบประกาศนียบัตรการบริจาคโลหิตของเธอ ดังนั้นเขาจึงมอบหมายให้หลินเยว่ซานรับผิดชอบหน้าที่ดูแลเรื่องการกุศลชั่วคราว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะเริ่มทำการกุศล แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบริจาคเงินสองสามล้านออกไปมั่วๆ ซึ่งแบบนี้ถือเป็นพฤติกรรมของคนโง่
"บอสฉินคะ ฉันมีผู้ที่เข้าเกณฑ์การรับเงินบริจาคของเราหลายคนเลยค่ะ" เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน หลินเยว่ซานก็รีบกล่าวออกมา
"มาที่ห้องทำงานของผมพร้อมกับข้อมูลพวกนั้นด้วย" ฉินหยุนสั่ง
หลังจากวางสาย หลินเยว่ซานก็รีบจัดการกับเอกสารที่เกี่ยวข้อง จากนั้นก็ไปที่ห้องทำงานของฉินหยุน
"บอสฉิน นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการค่ะ" เธอยื่นเอกสารในมือไปให้อีกฝ่าย
ฉินหยุนใช้สายตาไล่ดู
หลังจากอ่านจบแล้ว เขาก็ออกคำสั่งอีกครั้ง "พวกเขาเหล่านี้พักไว้ก่อน เป้าหมายแรกในการทำการกุศลของเทียนหยุนของเรา คือเด็กผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวคนหนึ่ง เธอชื่อหลิวตัน ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลกู่โหลว"
เมื่อได้เห็นสถานการณ์ของหลิวซินที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป
สำหรับเทียนหยุนนั้น ไม่ว่าจะให้ความช่วยเหลือใครมันก็มีค่าเท่ากัน เพราะอย่างนั้นเขาจึงเลือกที่จะช่วยหลิวซินเพื่อนของเขาก่อน
"หลิวตันเหรอคะ?"
หลินเยว่ซานทวนชื่ออีกครั้งหลังจากที่เธอได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน
"นี่คือหมายเลขวอร์ดคนไข้และชื่อของเธอ"
ฉินหยุนเขียนข้อมูลบางอย่างลงในกระดาษพลางกล่าวออกมา "ในเดือนหน้าหรือประมาณช่วงนั้น เราจะช่วยเหลือหลิวตันก่อน คุณสามารถไปจัดการเรื่องต่างๆได้เลย"
"ทราบแล้วค่ะบอสฉิน"
เมื่อบอสใหญ่ได้ทำการตัดสินใจแล้ว หลินเยว่ซานก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
เธอชื่นชมฉินหยุนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานการกุศลในครั้งนี้ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกชื่นชมฉินหยุนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
...
มหาลัยเจียงหยวน หอพักชายห้อง 305 ในเวลานี้จ้าวคังฮ่าวกำลังแชทคุยกับเจียงอี ขณะที่ไถโต่วอินดูไปด้วย
"อีอี บ่ายนี้เราออกไปเที่ยวกันเถอะ" จ้าวคังฮ่าวกดส่งข้อความ
"จะไปที่ไหนล่ะ?" เจียงอีตอบกลับมา
จ้าวคังฮ่าวกำลังจะพิมพ์ตอบกลับ แต่จู่ๆเขาก็อุทานออกมาเสียก่อน
"ให้ตายเถอะ! คนๆนี้คือหลิวซินใช่ไหม?!"
มีคลิปวีดีโอฉากหนึ่งกำลังเล่นอยู่ในโต่วอินของเขา ซึ่งเป็นฉากที่หลิวซินตกลงมาจากตึก
นอกจากนี้ยังมีฉากที่หลิวซินตกกระแทกบนตัวรถคันหนึ่ง และร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด
มีคนที่ถ่ายรูปและวิดีโอต่างๆของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในไซต์ก่อสร้างและนำมาโพสต์บนโต่วอิน จากนั้นก็โพสต์บนแพลตฟอร์มอย่างเป็นทางการของทางเมืองจินหลิงอีกครั้ง
"อะไรนะ!"
"หลิวซินกำลังทำงานอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างจากนั้นก็ตกลงมาจากตึก!"
"เป็นไปได้ยังไง!?"
จ้าวคังฮ่าวเอาวิดีโอให้หลี่หานอวี่ เฉิงต้าสงและโจวผานดู สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
"ฉันโทรถามก่อน!"
เขารีบโทรหาหลิวซิน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ แต่ไม่มีใครรับสายโทรศัพท์
หลังจากนั้นเสียงของหลี่หานอวี่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขากล่าวว่า "ฉินหยุนก็อยู่ในวิดีโอนั้นด้วย!"
ยังมีฉากที่ฉินหยุนไปโผล่อยู่ในวิดีโอเช่นกัน
"โทรหาฉินหยุนแล้วถามว่าหลิวซินอยู่โรงพยาบาลไหน!" ทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องพักต่างก็รีบออกจากหอพักอย่างรวดเร็ว พยายามกดโทรศัพท์โทรออกขณะที่กำลังเดินอยู่
หลังจากเสียงรอสายดังขึ้นหลายครั้ง โทรศัพท์ของฉินหยุนก็ถูกรับสาย หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆก็ได้รู้ข้อมูลต่างๆ จากนั้นพวกเขาก็วางแผนที่จะไปโรงพยาบาลทันที
เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับรูมเมท จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำตัวนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ทันทีที่เขาขึ้นรถแท็กซี่ เสียงโทรศัพท์ของจ้าวคังฮ่าวก็ดังขึ้น ซึ่งมันถูกโทรมาจากเจียงอี
"ฮัลโหล"
จ้าวคังฮ่าวบ่นอยู่ในใจว่าโทรมาทำไมตอนนี้ แต่เขาก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว
"จ้าวคังฮ่าว ถ้านายไม่อยากพาฉันออกไปเที่ยวก็บอกฉันสิ ทำไมนายถึงเลือกที่จะไม่ตอบข้อความ!" จากปลายสาย เจียงอีกล่าวออกมาด้วยความโมโห
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved