"งั้นหรอกเหรอ" เจียงเล่ยพยักหน้าและไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก
"เอาล่ะ แค่นี้แหละ ถ้าเธอกลับจากมหาลัยแล้วค่อยโทรหาฉันอีกที"
หลินเยว่ซานกล่าวอีกสองสามคำและก็กดวางสาย
...
ฉินหยุนอยู่ในอาคารสำนักงานอีกสักพัก ตรวจสอบข้อมูลของพนักงานแต่ละคน หลังจากจัดการบางอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็ออกไปทันที
ไม่กี่วันต่อมาบริษัทเทียนหยุนก็ดำเนินการก่อตั้งขึ้นอย่างราบรื่น ซึ่งแผนกต่างๆกำลังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้ง 12 สาขาในเมืองจินหลิงก็ได้เริ่มจัดกิจกรรมบางอย่างอยู่ภายในแล้ว
ด้วยค่ายกลรวบรวมโชคลาภที่มี ไม่ว่าเขาจะจัดกิจกรรมหรือไม่ได้จัดก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะอย่างนั้นก่อนหน้านี้ฉินหยุนจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากเสียเปล่าๆ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมเลย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จ้าวเทียนเฉียงกล่าวนั้นถูกต้อง แม้ว่าเทียนหยุนกำลังขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่การพัฒนาด้านอื่นๆนั้นต่ำเกินไป และก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเล็กน้อยจึงกล้าเข้ามาหาเรื่องพวกเขา
เพราะเหตุนี้จึงจำเป็นจะต้องเพิ่มชื่อเสียงให้ได้มากที่สุด
แผนทั้งหมดนี้ถูกจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งก็เพียงพอสำหรับฉินหยุนที่จะควบคุมทิศทางโดยรวมของมัน
...
ณ ร้านเสื้อผ้าหานลู่ จั่วหานกำลังดูรายงานผลประกอบการในมือของเขา เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก
ตอนนี้เป็นช่วงกลางเดือนธันวาคม ผ่านมาแล้วครึ่งเดือน และเกือบสองสัปดาห์แล้วนับตั้งแต่ที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง
และในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็ใช้จ่ายเงินเหมือนกับเทน้ำทิ้ง
ก่อนหน้านี้มีแค่ 3 ร้านที่ต้องแข่งขันกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน แต่ตอนนี้มันมีมากถึง 11 ร้านแล้ว!
ฉินหยุนออกมาประกาศท้าทาย ซึ่งหลายคนในแวดวงธุรกิจเสื้อผ้าของเมืองจินหลิงก็ทราบเช่นกัน และกำลังเฝ้าดูอย่างเงียบๆอยู่ แล้วเขาจะกล้าถอยหลังกลับได้อย่างไร?
ดังนั้นเขาจึงทำให้ร้านค้าทั้ง 11 แห่งมีหน้าม้าเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว!
และในเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์เขาก็ใช้เงินไปเป็นล้านแล้ว!
แม้ว่าร้านค้าแต่ละร้านจะใช้เงินเพียง 10,000 หยวนต่อวันในการจ้างหน้าม้ามาเดินเล่นในร้าน แต่ร้านค้าทั้ง 11 แห่งก็ต้องใช้เงินมากกว่า 100,000 หยวนต่อวัน อันที่จริงแล้วเงินที่ใช้ไปจริงๆนั้นมากกว่าที่กล่าวมามาก
เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว และเงินก็ถูกโยนออกไปโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงสัญญาณใดๆออกมาเลย
"บอสจั่วคะ" ในขณะนี้จางอี้อี้ก็กำลังยืนอยู่ด้านข้างของจั่วหาน เธอมองไปที่ใบหน้ามืดมนของเขา ในใจของเธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
แม้ว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังต่อสู้กับร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้ง 11 แห่งอยู่ แต่พวกเขาดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย และไม่มีสัญญาณของความอ่อนแอเผยออกมาให้เห็นอีกด้วย แถมธุรกิจของพวกเขายังคงเฟื่องฟูทุกวันมาจนถึงตอนนี้
แต่ยิ่งธุรกิจของพวกเขาร้อนแรงมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเท่านั้น
"หืม?"
ทันใดนั้นจางอี้อี้ก็มองออกไปที่นอกร้าน และจั่วหานก็มองไปทางนั้นเช่นกัน
ที่นอกประตูร้าน ฉินหยุนเดินเข้ามา ตามด้วยจ้าวเทียนเฉียง
"ฉินหยุน" เมื่อเห็นชายหนุ่มที่กำลังเข้ามา สีหน้าท่าทางของจั่วหานก็สงบลงทันที
และจางอี้อี้ที่อยู่ข้างๆสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย ซึ่งเธอไม่กล้าจะมองไปที่ฉินหยุนเลย
เธอถือว่าเป็นคนทรยศของแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุน และแน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกอึดอัดมากเมื่อได้เห็นบอสใหญ่ของเทียนหยุนอีกครั้ง
"จั่วหาน นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ จนถึงตอนนี้ทั้งเสื้อผ้าและสิ่งอื่นๆในร้านของนายยังคงเลียนแบบดีไซน์ในร้านของฉันอยู่เลย!" เมื่อมองไปที่จั่วหาน ในเวลานี้ฉินหยุนดูเหมือนจะ ‘โกรธ’ มาก เขากล่าวว่า "นายไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาบ้างหรือไง?!"
เมื่อเห็นฉินหยุนที่ดูท่าทางจะโกรธมาก จิตใจที่เป็นกังวลของจั่วหานก็สงบลงเล็กน้อย
เขายิ้มและกล่าวว่า "ฉินหยุน เลียนแบบดีไซน์เสื้อผ้าอะไรกัน? ก็เป็นเรื่องปกตินี่นาที่ดีไซน์เสื้อผ้าในร้านมันจะคล้ายกันน่ะ"
"เหอะ! หานลู่ที่เป็นแบรนด์เสื้อผ้าขนาดใหญ่ก็ยังกล้าใช้วิธีสกปรกๆแบบนี้ ถ้านายมีความสามารถจริงก็อย่าใช้กลอุบายเหล่านี้สิ แน่จริงก็มาสู้กันแบบแฟร์ๆ" ฉินหยุนกล่าวด้วยความโมโห
แต่หลังจากอยู่ได้ไม่นาน เขาก็จากไปอีกครั้ง ทิ้งคำพูดไว้ให้จั่วหานพิจารณาอยู่ภายในใจ
"เมื่อมองจากท่าทางของฉินหยุน หรือว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะคงสภาพไว้ได้อีกไม่นานแล้ว?"
เขายังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร ประเด็นสำคัญคือเขาต้องโยนเงินออกไปอยู่ทุกวัน
สำหรับคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็มองว่าในขณะนี้ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าหานลู่กำลังร้อนแรงอย่างมาก แต่มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ว่าความร้อนแรงต่างๆนั้นแลกมาด้วยเงินจำนวนมากขนาดไหน
ในตอนนี้เอง ทันใดนั้นจู่ๆโทรศัพท์มือถือของจั่วหานก็ดังขึ้น
เมื่อมองไปยังเบอร์ที่โทรเข้ามา ใบหน้าของจั่วหานก็ดูหม่นหมองไปทันที แต่เขาก็กดรับสายอย่างรวดเร็วและเอ่ยทักทายกับอีกฝ่ายอย่างมีความสุขว่า "พี่ใหญ่"
"เสี่ยวหาน ทำไมนายถึงยังไม่แก้ปัญหาเรื่องร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีก?"
หลังจากกดรับสายโทรศัพท์ น้ำเสียงที่ฟังดูไม่พอใจเล็กน้อยก็กล่าวออกมา "ทั้งคุณปู่ คุณพ่อ และพวกคณะกรรมการต่างก็ไม่พอใจกับความคืบหน้าของนายในตอนนี้มาก มีแม้กระทั่งคนที่เสนอให้ส่งคนอื่นไปจัดการกับสาขาที่มณฑลเจียงซูแทนนายด้วย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจั่วหานก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบกล่าวว่า "พี่ใหญ่ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะอยู่ได้อีกไม่นานแน่นอน"
"เอาล่ะ พี่เชื่อในความสามารถของนายนะเสี่ยวหาน เดี๋ยวพี่จะคุยกับคณะกรรมการฝ่ายบริหารให้ และพี่จะขอต่อเวลาให้นายอีกหน่อย"
เสียงของพี่ชายจั่วหานดังขึ้นอีกครั้ง "พี่หวังว่านายจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวังนะ"
น้ำเสียงของเขาดูมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ และหลังจากพูดคุนกันอีกสองสามคำการโทรก็สิ้นสุดลง
"บัดซบ!"
ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ใบหน้าของจั่วหานมืดดำราวกับว่าน้ำสามารถหยดออกมาได้ (เหมือนกับเมฆฝน)
ข้างๆเขา จางอี้อี้ยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้น เมื่อได้เห็นท่าทางของจั่วหาน
ในความคิดของเธอ จั่วหานถือว่าเป็นตัวแทนของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน เมื่อก่อนทุกการกระทำของเขาต่างก็ดูมั่นใจมาก แต่ตอนนี้เขากลับเผยสีหน้าแบบนี้ออกมาแล้ว
และต้นเหตุก็เกิดจากแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุน
ในขณะนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่จางอี้อี้เริ่มไต่ตรองว่าการตัดสินใจเปลี่ยนงานมาที่นี่มันถูกต้องแล้วหรือเปล่า?
...
"ไม่รู้ว่าตอนนี้จั่วหานจะลดความระมัดระวังของเขาแล้วหรือยัง"
เมื่อเดินออกจากร้านเสื้อผ้าหานลู่ ฉินหยุนก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมาก
ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าทั้งสองแห่งกำลังต่อสู้กัน เพราะงั้นเขาจึงต้องหาวิธีทำให้หานลู่ใช้เงินอย่างบ้าคลั่งให้ได้!
ฉินหยุนไม่เชื่อว่าธุรกิจของร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้ง 11 แห่งจะดีถึงขนาดที่สามารถเทียบได้กับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนซึ่งเป็นเจ้าของค่ายกลรวบรวมโชคลาภ โดยที่อาศัยความสามารถของพวกเขาเอง
แต่ฉินหยุนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าร้านเสื้อผ้าหานลู่จะมีอายุยืนยาวเปิดร้านต่อไปอีกนานๆ ซึ่งมันก็จะทำให้พวกเขาต้องเสียเงินมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเมื่อเขามีเวลาว่าง เขาจึงจงใจไปพูดจาข่มขู่เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาอาจจะเริ่มทนต่อไม่ไหวแล้ว และก็เพิ่มความอดทนของจั่วหานเพื่อให้เขาเปิดร้านต่อไป
แต่เขาไม่รู้ว่าเขาได้รับความช่วยเหลือที่ดีที่สุดจากพี่ใหญ่ของจั่วหานเอง
ถ้าเขารู้เขาจะอาจจะเชิญพี่ใหญ่ของจั่วหานมาดื่มด้วยกันสักแก้วสองแก้วก็เป็นได้
...
มหาลัยเจียงหยวน หอพักชายห้อง 305
"หลิวซินยังไม่กลับมาอีกงั้นเหรอ?" ฉินหยุนมาที่หอพัก เขามองดูรอบๆแล้วถามออกมา
หลังจากเหตุการณ์แอบถ่ายครั้งก่อน เมื่อฉินหยุนมาที่หอพักในวันรุ่งขึ้น หลิวซินก็ไม่ได้อยู่ที่มหาลัยแล้ว
จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆกล่าวว่าหลิวซินกลับไปที่บ้านเกิดของเขาในคืนนั้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของเขา และตอนนี้มันก็ผ่านมา 10 กว่าวันแล้ว
"ยังเลย เราโทรไปถามเขาแล้ว แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะกลับมาเมื่อไร" จ้าวคังฮ่าวส่ายหัวพลางกล่าว
"เฮ้อ.. หลิวซินเป็นพวกเก็บตัวเกินไป เขาชอบเก็บทุกอย่างที่เขารู้สึกเอาไว้ในใจของตัวเองคนเดียว"
"ใช่ บางทีเราอาจจะช่วยได้หากมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ"
เมื่อฉินหยุนและจ้าวคังฮ่าวกำลังพูดคุยกัน ในเวลานี้หลี่หานอวี่และเฉิงต้าสงก็กล่าวขึ้นเช่นกัน
หลิวซินใช้ชีวิตอยู่ในหอพักราวกับว่าเขาเป็นอากาศธาตุ ทำให้หลายคนง่ายต่อการเพิกเฉยถึงการมีอยู่ของเขา
เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขากล่าว ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็กดโทรศัพท์โทรออก ซึ่งเขาก็โทรไปหาหลิวซิน แต่ในขณะนี้โทรศัพท์ของหลิวซินถูกปิดเครื่องไว้
เมื่อติดต่อกับอีกฝ่ายไม่ได้ ฉินหยุนก็เริ่มสงสัยว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในตอนบ่ายของวันนั้น จู่ๆหลิวซินก็กลับมาที่หอพัก
ในเวลานี้หลิวซินดูซีดเซียวมาก ราวกับว่าเขาอดหลับอดนอนมาหลายวันแล้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยดำคล้ำ และด้านในของลูกตากลายเป็นสีแดง
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved