"นายช่วยพูดคำอื่นอีกสักสองสามคำได้ไหมเนี่ย" หยูเล่อเหยาไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินฉินหยุนกล่าวประเมินให้เธอเพียงแค่สองคำ
ฉินหยุนยิ้มและกล่าวว่า "ฉันคิดว่าคำว่าอร่อยมากคือการประเมินที่สูงที่สุดสำหรับอาหารแล้ว"
ทักษะการทำอาหารของหยู่เล่อเหยานั้นเกินคำบรรยายจริงๆ
"เนื่องจากมันอร่อย งั้นนายก็ค่อยๆกินไปนะ ไม่ต้องรีบ กินเสร็จแล้วเผื่อว่ามันจะช่วยบรรเทาปัญหาบางอย่างของนายลงได้บ้าง" หยูเล่อเหยาเท้าคางของเธอขณะที่กล่าวออกมา เธอมองไปที่ฉินหยุนด้วยรอยยิ้ม
...
ในช่วงเวลาหลังจากนั้น ฉินหยุนก็เข้าเรียนในคาบต่อไปที่มหาลัยด้วยความสบายใจ ในขณะนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังมีมาตรการตอบโต้ไม่มากนัก แต่ก็เปิดร้านได้ตามปกติ
หลังจากผ่านไปสองสามวัน ในที่สุดจ้าวเทียนเฉียงก็ระบุที่ตั้งร้านค้าได้ทั้ง 11 แห่ง ฉินหยุนก็เดินทางไปตรวจสอบเป็นพิเศษด้วยตัวเอง และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้
หลังจากนั้นเขาก็โทรหาพี่รองของเขา ฉินลู่
"เสี่ยวหยุน มีเรื่องอะไรงั้นเหรอถึงโทรเรียกพี่มา?" ฉินลู่เอ่ยถามหลังจากที่ได้เจอกับฉินหยุน
ตอนนี้เธอเป็นกังวลมาก และช่วงนี้เธอก็ยุ่งอยู่กับคดีของร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุนอยู่ทุกวัน
"พี่รอง เราไปซื้อร้านค้ากันเถอะ" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ซื้อร้านค้า?" ฉินลู่ผงะไปทันที ในขณะนี้ฉินหยุนต้องขาดแคลนเงินทุนอยู่สิ และเขาจะเอาเงินมาจากไหนเพื่อไปซื้อร้านค้า?
"เสี่ยวหยุน ตอนนี้แกมีเงินอยู่เท่าไร ที่จินหลิงนี่ราคาของร้านค้ามันไม่ใช่ถูกๆเลยนะ"
แน่นอนว่าน้องชายของเธอสามารถใช้เงินที่เขาหามาได้ แต่ราคาที่ดินทุกตารางนิ้วในเมืองจินหลินนั้นคนละเรื่องกับที่เขตชิงอู๋เลย แม้ว่าจะซื้อร้านค้าแค่ขนาดหลายสิบตารางเมตร มันก็มีราคาหลายล้านหยวนแล้ว
"อืม.. ตอนนี้ก็มีประมาณ 30 ล้านหยวนหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินลู่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งทันที จากนั้นเธอก็กล่าวขึ้นหลังจากผ่านไปสองวินาทีว่า "เท่าไรนะ?"
เธอมองไปที่น้องชายของเธอราวกับว่าเธอคิดว่าเธอได้ยินผิด
"ประมาณ 30 กว่าล้าน" ฉินหยุนยิ้มพลางกล่าวซ้ำอีกครั้ง
หลังจากยืนยันว่าเธอได้ยินถูกต้องแล้ว ฉินลู่ก็รีบถามขึ้นอย่างรวดเร็วว่า "เสี่ยวหยุน ทำไมแกถึงมีเงินเยอะขนาดนี้?"
จริงๆแล้วเธอพอรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านขายเสื้อผ้าอยู่เล็กน้อย แม้ว่าธุรกิจมันจะร้อนแรง แต่ก็เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่ในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้จะสร้างรายได้นับสิบล้านขึ้นมาทันที
"พี่รองไม่ต้องกังวลเรื่องนี้" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาเอาเอกสารยืนยันการรับรางวัลขึ้นมาและยื่นมันให้กับฉินลู่
ฉินลู่หยิบมันขึ้นมาดู จากนั้นเธอก็อุทานว่า "นี่คือเอกสารยืนยันการรับเงินรางวัล 20 กว่าล้านหยวนเมื่อสองสามวันก่อน?"
เมื่อมองไปที่น้องชายของเธอ เธอก็รู้ได้ในทันที ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ "เสี่ยวหยุน คนที่ถูกรางวัลใหญ่เมื่อวันก่อนเป็นแกเองหรอกเหรอเนี่ย?!"
น้องชายของเธอซื้อลอตเตอรี่แล้วถูกรางวัลใหญ่ได้เงินสดมามากกว่า 20 ล้านหยวน!
"ใช่ครับ โชคของผมดีมาตลอด" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้รู้ว่าในเวลานี้ฉินหยุนมีเงินอยู่ในมือมากมาย จิตใจที่หนักอึ้งของฉินลู่ก็ผ่อนคลายลงทันที เธอนึกไปถึงครั้งนั้น ก่อนที่เขาจะสอบเข้ามหาลัย เขาก็เคยถูกลอตเตอรี่ได้เงินมามากกว่า 100,000 หยวนเหมือนกัน
น้องชายของเธอถูกเทพเจ้าแห่งโชคลาภเข้าสิงจริงๆ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินลู่ก็ถามว่า "เสี่ยวหยุน แกจะใช้เงินทั้งหมดนี้เพื่อซื้อร้านค้างั้นเหรอ?"
"ใช่ครับ" ฉินหยุนพยักหน้า
"ซื้อร้านค้าด้วยเงินสดก็ดีเหมือนกัน" ขณะนี้ฉินลู่ไม่รู้สึกกดดันอีกต่อไปแล้ว เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ตอนนี้ราคาที่อยู่อาศัยกำลังพุ่งสูงขึ้น ถ้าแกซื้อสิ่งเหล่านี้ไว้มันก็จะถือเป็นการเกร็งกำไรด้วย เมื่อมูลค่าของมันสูงขึ้นเราก็สามารถขายออกได้"
ก่อนหน้านี้เธอกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆในร้านขายเสื้อผ้ามาก แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกรีบร้อนอีกแล้ว
หลังจากที่นำเงินก้อนนี้ไปซื้อร้านค้า มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะปิดตัวลงหรือไม่ ถึงอย่างไรอนาคตของฉินหยุนก็จะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอย่างแน่นอน
"เพราะงั้นผมเลยจะให้พี่รองไปช่วยจัดการเรื่องสัญญาต่างๆให้น่ะ" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินลู่เป็นทนายความ และเมื่อมีเธอไปด้วย การจัดการกับเรื่องซื้อขายร้านค้าจะสะดวกรวดเร็วกว่ามาก
ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงไม่พาจ้าวเทียนเฉียงไปด้วย?
อันที่จริงตอนนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่กำลังโจมตีเขาในทุกด้าน แม้แต่เจ้าของที่ก็ยังได้รับการติดต่อจากพวกเขา และผู้จัดการร้านจางอี้อี้ก็ยังทรยศเขาโดยออกจากงานทันทีเพื่อไปเข้าร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่อีก
สำหรับจ้าวเทียนเฉียง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตกลงเข้าร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ แต่เขาก็อาจจะมีเป้าหมายอย่างอื่นอยู่ในใจก็ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจ้าวเทียนเฉียงเป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเท่านั้น ถ้าว่าหากมีความสัมพันธ์อะไรจริงๆมันก็คงจะเป็นเรื่องไร้สาระ ดังนั้นในขณะนี้ฉินหยุนจึงไม่ได้ให้ความไว้วางใจกับจ้าวเทียนเฉียงมากเกินไป
และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่เขาจะซื้อร้านค้าออกมา
ถ้าหากว่ามีข่าวรั่วไหลออกไป แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะต้องเตรียมรับมือล่วงหน้ากับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ฉินลู่เป็นพี่สาวของเขา แม้ว่าทุกคนในร้านขายเสื้อผ้าจะยืนอยู่ตรงข้ามฉินหยุน แต่ฉินลู่จะยังคงยืนข้างเดียวกับเขาแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะปิดบังฉินลู่เกี่ยวกับเรื่องถูกลอตเตอรี่รวมทั้งเรื่องซื้อร้านค้าด้วย
เมื่อได้รู้เช่นนี้ ฉินลู่จะได้ไม่ต้องมัวหาทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่อีก
"ไม่มีปัญหาเสี่ยวหยุน เดี๋ยวพี่จะช่วยแกจัดการเอง" ฉินลู่กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ในไม่ช้าทั้งสองคนก็มาถึงร้านค้าในสถานที่แห่งหนึ่ง ในเวลานี้หน้าร้านมันถูกป้ายเขียนติดไว้ว่าปล่อยเซ้ง
หลังจากมาถึงที่นี่ ฉินหยุนก็กดโทรศัพท์โทรออก จากนั้นไม่นานก็มีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งรีบเดินเข้ามา
ซึ่งพวกเขาก็คือเจ้าของร้านนี้
"บอสฉิน" เมื่อเห็นฉินหยุน ชายวัยกลางคนก็ยิ้มออกมา เขากล่าวว่า "เนื่องจากคุณตั้งใจจะซื้อร้านนี้ เราจึงสามารถพูดคุยเรื่องราคาโดยละเอียดได้"
ชายวัยกลางคนมีชื่อว่าซุนต้า เขาเคยมีชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อสิบปีก่อนจู่ๆเขาก็มีฐานะดีขึ้น เนื่องจากตอนนั้นบ้านของเขาอยู่ในโครงการบางอย่างของรัฐบาล เขาจึงได้ค่ารื้อถอนมาเป็นจำนวนมาก และเขาได้นำเงินก้อนนั้นไปลงทุนซื้อบ้านและร้านค้าหลายที่
ทุกวันนี้ "การรื้อถอน" มีค่าเท่ากับเงินจำนวนมาก
แต่ตอนนี้ชายวัยกลางคนกำลังสูญเสียเงินบางส่วนในการทำธุรกิจ และกังวลใจที่จะหาเงินไปใช้เป็นทุนในส่วนนั้น ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะขายร้านค้าด้วยเงินสดเต็มจำนวน
หลังจากเจรจากันสักพัก ในที่สุดราคาของร้านค้าที่มีพื้นที่ขนาด 230 ตารางเมตรแห่งนี้ก็ถูกขายออกที่ 12 ล้านหยวน
สถานที่ที่ฉินหยุนเลือกล้วนเป็นสถานที่ที่ทำเลดีทั้งหมด ดังนั้นมันจึงมีราคาแพงกว่าสถานที่อื่นๆมาก
หลังจากตกลงราคากันแล้ว ทั้งสองก็เริ่มเซ็นสัญญาซื้อขายกันทันที หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายได้นำใบรับรองและเอกสารจำนวนมากไปที่สำนักงานบริหารการเคหะเพื่อขอจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์
หลังจากที่สำนักงานบริหารการเคหะได้รับใบรับรองและเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องแล้ว ฉินหยุนและซุนต้าก็เดินทางไปที่สำนักงานภาษีที่เกี่ยวข้องต่อ จากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่สำนักงานบริหารการเคหะอีกครั้งเพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าได้ชำระภาษีอย่างถูกต้องแล้ว จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครอง รับใบเสร็จการโอนเงิน และก็ขั้นตอนต่างๆอีกเล็กน้อย
หลังจากทำตามขั้นตอนต่างๆเสร็จเรียบร้อย ขั้นตอนต่อไปก็คือรอ เมื่อถึงวันที่กำหนด เขาสามารถนำบัตรประชาชนและใบเสร็จการโอนเงินไปที่สำนักงานบริหารการเคหะเพื่อขอรับใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ฉบับใหม่สำหรับร้านมือสองได้
ระยะเวลาของขั้นตอนเหล่านี้ไม่แน่นอน ถ้าเร็วหน่อยก็หนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าช้าก็อาจจะเป็นเดือน
หลังจากเสร็จสิ้นแล้ว ฉินลู่กับฉินหยุนนก็รู้สึกถึงความซับซ้อนของขั้นตอนทั้งหมด
"ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในสามวัน" ฉินหยุนส่ายหัวพลางกล่าวออกมา
แค่ซื้อร้านค้าร้านเดียวก็ใช้เวลาไปตั้งครึ่งวันแล้ว
"เสี่ยวหยุน การโอนกรรมสิทธิ์บ้าน ร้านค้า หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญ เพราะงั้นมันไม่สามารถทำได้โดยง่ายแน่นอน" ฉินลู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ผมเข้าใจแล้ว"
ฉินหยุนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็กล่าว "ไปที่ร้านค้าร้านที่สองกัน!"
เขาไปที่ร้านค้าร้านที่สองที่เขาได้เลือกไว้ และก็เริ่มติดต่อกับผู้ขายทันที
"บอสฉินคะ"
ในไม่ช้าผู้หญิงวัยประมาณสามสิบปีก็เดินเข้ามา เมื่อช่วงปีที่แล้วผู้หญิงคนนี้เธอได้ซื้อร้านนี้ต่อจากคนอื่นอีกทีเช่นกัน และเธอก็วางแผนที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเอง แต่หลังจากเริ่มทำได้ปีสองปีเธอก็ขาดทุนหนักมาก ดังนั้นเธอจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
และเธอก็ไม่ต้องการปล่อยให้คนอื่นเช่ามัน ท้ายที่สุดกว่าจะได้ทุนคืนมันก็ช้ามากเกินไป
พื้นที่ของร้านนี้คือ 40 ตารางเมตร และราคาที่ฉินหยุนตกลงซื้อขายกับเธอก็อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านหยวน
หลังจากนั้นก็เป็นร้านที่สาม ร้านที่สี่ต่อทันที...
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved