หลังจากที่ซูเฉียนพูดจบเธอก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก และเมื่อเห็นเช่นนี้หวังฉินจึงไม่ต้องการอยู่ต่อ เธอเดินออกจากอาคารสำนักงานคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชนทันที
"ลูกพี่ลูกน้อง"
เมื่อจางหยานเห็นหวังฉินเดินเข้ามาใกล้เธอก็เอ่ยออกมา
แต่เมื่อมองไปที่ท่าทางเหม่อลอยของหวังฉินเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "ลูกพี่ลูกน้อง เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?"
"โอ้ ฉันไม่ได้เป็นอะไร" หวังฉินส่ายหัวพลางกล่าว
ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆเธอก็มองไปที่อีกฝั่ง
ที่นั่นมีรถ BMW สีดำคันหนึ่งกำลังขับเข้ามา รถ BMW คันนี้ดูงดงาม หรูหรา และน่าเกรงขามมาก
เมื่อเห็นรถคันนี้จางหยานก็หยุดชะงักทันทีและจ้องมองไปที่มัน
ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า "BMW ซีรี่ย์ 7 ลูกพี่ลูกน้อง นี่คือรถที่หรูหรามาก ฉันกับรูมเมทเคยเห็นมันอยู่ในร้านขายรถเมื่อตอนที่ออกไปเที่ยวด้วยกัน ราคาตั้งหนึ่งล้านหยวนเลย!"
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยาน หวังฉินก็ทำหน้าตกใจขึ้นทันที ข้างหน้าเธอคือรถหรูมูลค่าหลักล้านหยวน
เธอนึกถึงสิ่งที่ซูเฉียนอาจารย์ที่ปรึกษาของคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชนกล่าวกับเธอก่อนหน้านี้ ในใจของหวังฉินก็คิดกับตัวเองว่า ‘หรือว่าบอสของแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนจะอยู่ที่นี่?’
ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเธอจะได้รับการยืนยันทันที หลังจากรถแล่นเข้ามาถึงก็มีกลุ่มคนเดินออกมาจากอาคารสำนักงาน และหน้าตาของพวกเขาก็ดูคุ้นเคยมาก
"นั่นรองคณบดีเฉินกั๋วผิงนี่นา"
เมื่อเห็นชายชราคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มนั้น ทั้งหวังฉินและจางหยานก็รู้สึกตกใจมาก
พวกเธอต่างก็รู้จักรองคณบดีสาขาวิชาบริหารธุรกิจที่มักจะปรากฏตัวอยู่แค่บนเว็บบอร์ดของมหาลัยคนนี้ดี เมื่อได้เห็นหน้าเขาพวกเธอก็สามารถจำได้ทันที
"ลูกพี่ลูกน้อง ใครอยู่ในรถคันนั้นเหรอ รองคณบดีถึงกับต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย" จางหยานอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงเบาๆ
ในใจของเธอคิดว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอมีอำนาจมาก ดังนั้นเธอก็น่าจะรู้เกี่ยวกับพวกเขา
"ฉันก็ไม่รู้"
หวังฉินส่ายหัวและพูดว่า "แต่ฉันเดาว่าพวกเขาน่าจะเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเทียนหยุน"
"บอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเทียนหยุน?" เมื่อได้ยินเช่นนี้จางหยานก็ผงะไป
จากนั้นเธอก็ตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง "จริงเหรอลูกพี่ลูกน้อง! รูมเมทคนหนึ่งของฉันเธอเป็นลูกค้าประจำของเทียนหยุนเลย เธอเคยบอกว่าในอนาคตเทียนหยุนจะกลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในจินหลิงอย่างแน่นอน"
แม้เธอจะเอ่ยคำพูดออกมา แต่สายตาของเธอก็ยังคงจับจ้องมองไปที่รถคันนั้น
เธอยังพอรู้เกี่ยวกับเทียนหยุนเล็กน้อย ในช่วงก่อนวันตรุษจีนเธอก็ได้ดูข่าวในโต่วอินเช่นกัน และตั้งแต่นั้นมาเธอจึงได้เริ่มให้ความสนใจกับพวกเขา
ภายใต้สายตาของพวกเธอ เมื่อรถหยุดลงประตูรถก็ถูกเปิดออก และจากนั้นร่างสองร่างก็เดินออกมาจากตัวรถ
เป็นชายหนุ่มและชายวัยกลางคนคู่หนึ่ง หลังจากลงจากรถ ชายวัยกลางคนก็ถอยไปอยู่ด้านหลังของชายหนุ่มทันที
และใบหน้าของชายหนุ่มคนนั้นก็ดูคุ้นเคยสำหรับพวกเธอมาก
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ ดวงตาของทั้งหวังฉินและจางหยานก็แทบจะเบิกกว้างด้วยความตกใจทันที
"ฉินหยุน!"
โดยเฉพาะจางหยานที่จ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า เธอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า "ลูกพี่ลูกน้อง เธอคิดผิดไปหรือเปล่า?"
เมื่อสักครู่นี้ลูกพี่ลูกน้องของเธอบอกว่าคนในรถคันนั้นเป็นบอสใหญ่ของเทียนหยุน แต่ตอนนี้มีเพียงแค่ฉินหยุนและอีกคนเท่านั้นที่ก้าวออกมา แถมฝ่ายหลังก็ยังดูเหมือนว่าจะเคารพฉินหยุนมาก แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าฉินหยุนเป็นบอสใหญ่ของเทียนหยุนงั้นหรอกเหรอ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
หวังฉินไม่ได้เอ่ยอะไร ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเธอ ฉินหยุนจับมือทักทายกับเฉินกั๋วผิงรองคณบดีสาขาวิชาบริหารธุรกิจของมหาลัยเจียงหยวน จากนั้นก็เดินเข้าไปในอาคารสำนักงานด้วยกัน
...
"สวัสดีครับรองคณบดีเฉิน"
เมื่อมองไปที่เฉินกั๋วผิง ฉินหยุนก็ยิ้มพลางเอ่ยออกมา
เขาไม่ได้คิดว่าครั้งแรกที่ได้พบกับรองคณบดีของมหาลัยจะลงเอยเช่นนี้
"นักศึกษาฉินหยุน"
เฉินกั๋วผิงก็มองไปที่ฉินหยุนเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า "คุณยังเรียนอยู่ที่มหาลัยหรือเปล่า"
ฉินหยุนดูอายุน้อยเกินไป เมื่อได้พบกันครั้งแรกเมื้อสักครู่นี้ เขาคิดไปว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ช่วยหรือไม่ก็อะไรสักอย่าง
คนที่สามารถสร้างเทียนหยุนให้เติบโตได้ขนาดนี้ เขาคิดว่าคนๆนั้นน่าจะจบการศึกษาจากมหาลัยเจียงหยวนไปนานแล้ว
ผู้นำตำแหน่งอื่นๆของมหาลัยที่อยู่รอบๆก็ตกตะลึงปนประหลาดใจเช่นกัน
ฉินหยุนพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ผมยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของคณะบริหารธุรกิจในมหาลัยนี้ครับ"
หลังจากที่เขาพูดออกไป ทุกคนก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แต่กลับสามารถสร้างแบรนด์เทียนหยุนขึ้นมา ซึ่งแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับแบรนด์ใหญ่อย่างหานลู่ได้
แต่เฉินกั๋วผิงไม่ได้ตกตะลึงนานนัก เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็สงบลง พูดคุยทักทายกันทั่วไปพอเป็นพิธี จากนั้นจึงถามฉินหยุนเกี่ยวกับการปรับแต่งเครื่องแบบของนักศึกษา
"เทียนหยุนจะบริจาคเครื่องแต่งกายสำหรับภาคเรียนฤดูร้อนให้กับทางคณะบริหารธุรกิจของมหาลัยเป็นจำนวน 10,000 ชุด เราสามารถออกแบบสไตล์ให้ หรือไม่ก็ใช้แนวคิดจากนักศึกษาในแต่ละชั้นเรียนได้" ฉินหยุนยิ้มพลางกล่าว
ตอนนี้ก็ย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์แล้ว อากาศจะร้อนขึ้นไปจนถึงเดือนเมษายน และจะไม่หนาวอีกเลยจนกว่าจะพ้นเดือนตุลาคม
ภายในเวลา 2 เดือน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบบไหนก็สามารถทำขึ้นมาได้
"ในนามของมหาลัย ผมขอแสดงความขอบคุณต่อความมีน้ำใจของคุณด้วยตัวเอง" เฉินกั๋วผิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
"เมื่อถึงเวลานั้นทางมหาลัยจะจัดพิธีรับบริจาคขึ้น ผมอยากทราบว่าคุณจะเข้าร่วมด้วยตัวเองไหม?"
ฉินหยุนยังอายุน้อยมาก ถ้าเขาปรากฏตัวต่อหน้าอาจารย์และนักศึกษาจำนวนมาก มันจะทำให้ทั้งมหาลัยเดือดพล่านขึ้นอย่างแน่นอน ในเวลานั้นฉินหยุนจะกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานของมหาลัยเจียงหยวน และเป็นต้นแบบของนักศึกษาคนอื่นๆเช่นเดียวกับเฝิงเทียนจวินจากมหาลัยจินหลิง
"นี่..."
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "รองคณบดีเฉิน ถ้าถึงตอนนั้นผู้จัดการจ้าวเทียนเฉียงจะเป็นคนเข้าร่วมแทนผม ดังนั้นผมจะไม่เข้าร่วมด้วยตัวเองครับ"
"โอ้? หรือว่าคุณยังไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวตนงั้นเหรอ?" เฉินกั๋วผิงเป็นขิงแก่หัวหนึ่ง เขาสามารถเดาทั้งหมดได้ในครั้งเดียว
การไม่มีชื่อเสียงก็มีข้อดีของการไม่มีชื่อเสียง และการมีชื่อเสียงมันก็มีข้อเสียของการมีชื่อเสียงเช่นกัน
แม้ดาราดังเหล่านั้นจะมีแฟนคลับเป็นจำนวนมากและเป็นที่ชื่นชมของผู้คนมากมาย แต่พวกเขาก็อาจจะถูกจับตามองหรือถูกแอบถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลาตอนอยู่ในที่สาธารณะ
ตอนนี้ชื่อเสียงของเทียนหยุนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีคนน้อยมากที่รู้เกี่ยวกับฉินหยุน
"ใช่ครับ"
เมื่อได้ยินคำถาม ฉินหยุนก็ยอมรับโดยไม่ลังเล เขาพยักหน้าและพูดว่า "ชื่อของผมจะปรากฏออกมาหลังจากที่เทียนหยุนพัฒนาขึ้นสักระยะหนึ่งแล้ว"
เขาไม่ได้คิดที่จะซ่อนตัวตนของเขาไว้ตลอดไป แต่เขาแค่จะเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม
หากเลือกจังหวะเวลาได้ดี ก็จะสามารถเพิ่มชื่อเสียงของเทียนหยุนได้อย่างมากในระยะเวลาอันสั้น! แต่ตอนนี้เทียนหยุนยังคงถูกจำกัดไว้แค่เฉพาะเมืองจินหลิงและเมืองหรงหยางในมณฑลเจียงซูเท่านั้น
เช่นเดียวกับถ้าเทียนหยุนมีร้านขายเสื้อผ้าเพียงแค่สามร้าน เมื่อเขามาติดต่อกับมหาลัยเจียงหยวน เฉินกั๋วผิงและคนอื่นๆก็อาจจะไม่ได้สนใจมากนัก บางทีมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่เฉินกั๋วผิงจะมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองอย่างในตอนนี้
หากเขาเปิดเผยตัวตนตอนที่เทียนหยุนครอบครองตลาดทั้งหมดในมณฑลเจียงซูได้ และเริ่มขยายสาขาเข้าสู่มณฑลอื่นๆอย่างเช่นมณฑลอานฮุยหรือมณฑลเจ้อเจียง ในเวลานั้นความรู้สึกที่มีต่อผู้คนส่วนใหญ่จะต้องมากกว่าตอนนี้แน่นอน อย่างน้อยผู้คนทั่วไปก็จะได้ให้ความสนใจต่อเทียนหยุนอย่างแท้จริง
เหตุผลก็เป็นเช่นนี้
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนกล่าว เฉินกั๋วผิงก็พยักหน้าและไม่ได้สานต่อหัวข้อนี้ เขายิ้มและพูดว่า "ฉินหยุน คุณเป็นนักศึกษามหาลัยเจียงหยวนของเรา หากคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณสามารถติดต่อเราได้โดยตรง"
ตอนนี้ฉินหยุนคือบุคคลที่โดดเด่นซึ่งเป็นเกียรติแก่มหาลัยของพวกเขามาก! ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งเท่านั้น! เขาจึงไม่ได้รีบร้อนเช่นกัน
เมื่อธุรกิจของฉินหยุนเติบโตขึ้นและตัวตนของเขาถูกเปิดเผย มหาลัยเจียงหยวนจะร่วมมือกับเขาในการประชาสัมพันธ์ออกไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อทางมหาลัย
เมื่อนึกถึงวันนั้นที่จะมาถึง เฉินกั๋วผิงก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
สิ่งที่ฉินหยุนกำลังรอก็คือประโยคนี้ ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าเดิมออกมา จากนั้นเขาก็สนทนากับรองคณบดีเฉินกั๋วผิงด้วยความจริงใจ
หลังจากอยู่ที่นี่สักพัก ในที่สุดทั้งฉินหยุนและจ้าวเทียนเฉียงก็จากไป
เฉินกั๋วผิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและถามคนที่อยู่ข้างๆว่า "ใครคือที่ปรึกษาของชั้นเรียนบริหารธุรกิจของนักศึกษาปีหนึ่ง?"
ข้างๆเขาก็คือซูเฉียน อาจารย์ที่ปรึกษาของคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชน เธอรีบพูดว่า "รองคณบดีเฉิน ที่ปรึกษาของชั้นเรียนนั้นก็คือเจียงเล่ย..."
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved