ตอนที่ 114 เลิกกันเถอะ

"เหวินหยุน เรื่องนี้คุณก็เพลาๆลงบ้าง"

เซียวผิงจุนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "คุณก็รู้นี่ว่าลูกสาวของคุณเป็นคนยังไง ยิ่งคุณควบคุมเธอ เธอก็ยิ่งไม่เชื่อฟัง เหมือนกับเมื่อก่อนที่คุณบอกเธออยู่เสมอว่าอย่าติดต่อกับฉินหยุน แต่ตอนนี้เป็นไงล่ะ เธอยิ่งอยากติดต่อเขากับมากขึ้นเรื่อยๆแทน บางทีตอนแรกเธออาจจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับฉินหยุน แต่ภายใต้ความเจ้ากี้เจ้าการของคุณ พวกเขาถึงได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น"

"แล้วฉันทำอะไรผิด?”

เหวินหยุนกล่าวออกมาด้วยความโกรธ "ในตระกูลเซียวของคุณมีญาติพี่น้องอยู่มากมาย แต่มีกี่คนที่รู้สึกดีกับเราจริงๆ? แถมตอนนี้เฉียนเฉียนยังหาแฟนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ ถ้าหลานหลานคบกับคนธรรมดาทั่วไป คนอื่นๆจะคิดยังไงกับพวกเรา!"

โรงงานเครื่องจักรเหิงจุนนั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ครอบครัวของพวกเขาเท่านั้นที่เป็นหุ้นส่วน แต่ยังรวมไปถึงญาติๆคนอื่นๆ ของตระกูลเซียวอีกด้วย ซึ่งพวกเขาก็มักจะต้องติดต่อกันอยู่เสมอ

เซียวเหิงจุนและเซียวผิงจุนนั้นถือว่ามีตำแหน่งที่สูงที่สุด เดิมทีแล้วโรงงานเครื่องจักรเหิงจุนก็ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพวกเขาสองพี่น้องเช่นกัน

ไม่มีใครกล้ากล่าวอะไรเกี่ยวกับเซียวเหิงจุน สำหรับทางฝั่งของเซียวผิงจุน แม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะไม่ได้ดีเท่าฝั่งของเซียวเหิงจุน แต่พวกเขาก็ยังดีกว่าครอบครัวของญาติๆคนอื่นมาก ซึ่งญาติๆเหล่านี้ก็มักจะคอยเพ่งเล็งอยู่ข้างหลังของพวกเขาเสมอ

"เหวินหยุน ทำไมคุณถึงพูดเรื่องนี้อีกแล้ว"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวผิงจุนก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

เหวินหยุนกล่าวอย่างเย็นชาว่า "ผู้คนยังมีหน้ามีตา ขนาดต้นไม้ยังมีเปลือกเลย ฉันจะไม่ยอมให้ลูกสาวของฉันอยู่กับคนธรรมดาๆหรอก" หลังจากที่เธอกล่าวจบ เธอก็เดินออกไปทันที

หลังจากออกจากบ้าน เหวินหยุนก็กดโทรศัพท์สองสามทีแล้วก็รอสายอย่างเงียบๆ

...

เดินอยู่บนถนน ฉินหยุนและเซียวหลานทั้งคู่ดูเงียบกว่าปกติมาก แต่จากนั้นไม่นานโทรศัพท์มือถือของเซียวหลานก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ กดรับสายและก็เอ่ยว่า "พ่อคะ"

จากนั้นเธอก็พูดคุยกับเซียวผิงจุนทางโทรศัพท์ ขณะที่ฉินหยุนยืนอยู่ข้างๆเธออย่างเงียบๆ

หลังจากคุยกันได้สักพักโทรศัพท์ก็วางสายไป

จากนั้นมีโทรศัพท์อีกสายเข้ามา

คราวนี้เป็นเหวินหยุนที่โทรมาหาเธอ ครั้งนี้สีหน้าของเซียวหลานนั้นน่าเกลียดเล็กน้อยเมื่อเธอกดรับสายและเอ่ยขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มโต้เถียงกันผ่านทางโทรศัพท์

และในที่สุดโทรศัพท์ก็ถูกวางสายไปอีกครั้ง

ฉินหยุนที่ยืนอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆเซียวหลานมาโดยตลอดก็เอ่ยถามว่า "คุณลุงกับคุณป้ารู้สถานการณ์ของเราแล้วงั้นเหรอ และพวกเขาก็คัดค้านการที่เราคบกันใช่ไหม?"

เมื่อคิดไปถึงท่าทางของเซียวเฉียนเฉียนเมื่อก่อนหน้านี้ บวกกับสายโทรศัพท์ของเซียวหลานเมื่อสักครู่นี้ ในตอนนี้ฉินหยุนสามารถเดาออกได้มากกว่าครึ่งแล้วจากข้อมูลต่างๆ

เซียวหลานเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็พยักหน้าและกล่าวว่า "พ่อของฉันไม่ได้คัดค้านเรื่องของเรา แต่แม่ของฉันเธอต่อต้านหนักมาก เธอบอกอยู่ตลอดว่าอยากให้ฉันเจอคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ"

พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เลือกที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ แต่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างใจเย็น

"ในอนาคตฉันจะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมแน่นอน" ฉินหยุนกล่าวออกมาเบาๆ

ด้วยค่ายกลรวบรวมโชคลาภของเขา ในช่วงเวลาสั้นๆที่ผ่านมา เขาได้สะสมทรัพย์สินต่างๆจนมีมูลค่านับล้านหยวนแล้ว! และนี่มันเพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำนับตั้งแต่ที่เขาเปิดใช้งานค่ายกลรวบรวมโชคลาภ แถมยังเป็นเวลาเพียงแค่เดือนกว่าเท่านั้นที่เขาเปิดใช้งานค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สอง!

เพียงแค่ครึ่งปีทรัพย์สินของเขาก็เกือบจะพุ่งขึ้นไปแตะหลักสิบล้านแล้ว!

ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป ทรัพย์สินของเขาก็จะสะสมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ! ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด!

"ฉันเชื่อว่านายทำได้แน่นอน" เซียวหลานพยักหน้าอย่างแรง

ยิ่งเธอได้เข้าใกล้ฉินหยุนมากเท่าไร เธอก็ยิ่งมองเห็นจุดแสงสว่างที่สาดส่องออกมาจากเขาได้มากขึ้นเท่านั้น ในใจของเธอเชื่ออยู่เสมอว่า ในอนาคตฉินหยุนจะต้องกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมกว่าคนอื่นๆอย่างแน่นอน

"ยังไงก็เถอะ ตอนนี้เราจะจัดการเรื่องของคุณลุงกับคุณป้ายังไงดี?" หลังจากที่เขากล่าวจบ ฉินหยุนหยุดเล็กน้อย และก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง

เซียวหลานทำได้เพียงเงียบไป ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรเช่นกัน แค่ฟังจากเสียงในโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ ก็รู้ได้เลยว่าเหวินหยุนต่อต้านเรื่องนี้หนักมาก

คาดว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ เหวินหยุนอาจจะมาถึงจินหลิงทันทีอย่างแน่นอน

เมื่อต้องเผชิญกับแม่ของเธอจริงๆ เซียวหลานก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะต้องทำอย่างไร ด้านหนึ่งก็เป็นพ่อกับแม่ของเธอ อีกด้านหนึ่งก็เป็นคนที่เธอชอบ

เมื่อมองเซียวหลานที่จู่ๆก็เงียบไป ฉินหยุนก็เงียบลงเช่นกัน แต่เขาก็กล่าวขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นไม่กี่วินาที "เซียวหลาน ฉันคิดเรื่องนี้ดีแล้ว งั้นเรามาเป็นแค่เพื่อนกันเถอะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวหลานก็ผงะไปทันที เธอมองไปที่ชายหนุ่มด้านหน้าของเธอ ซึ่งเป็นคนที่เธอชอบ

ฉินหยุนมองไปที่เซียวหลาน แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกเศร้ามาก แต่เขาก็กล่าวออกมาว่า "เซียวหลาน สำหรับฉันแล้วการมีแฟนมันเป็นเรื่องง่าย ฉันไม่ต้องแบกรับแรงกดดันจากทั้งพ่อและแม่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็เห็นด้วย นั่นคือความรักที่ฉันจินตนาการไว้"

"แต่ตอนนี้ในสายตาของคุณป้า ฉันไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่เธอต้องการแน่นอน ถ้าหากว่าเราคบกันต่อไป เธอก็ต้องคอยกดดันเราอยู่ตลอด และความกดดันนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราแย่ลงเรื่อย ๆ ดังนั้นตอนนี้ฉันว่าเราคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันหรอก"

เขาเข้าใจความคิดของแม่ของเซียวหลานดี ท้ายที่สุดแล้วครอบครัวของเซียวหลานนั้นมีฐานะดีมาก เป็นเรื่องปกติที่ครอบครัวดังกล่าวหวังว่าจะได้พบกับลูกเขยที่ยอดเยี่ยม

ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนนั้นถือว่าคบกันแล้ว แต่สถานการณ์ของเซียวหลานไม่ค่อยดีสักเท่าไร

เมื่อสักครู่เซียวหลานกับเหวินหยุนก็ทะเลาะกัน หากพวกเขายังคงคบกันต่อไป สถานการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีวันจบ

เซียวหลานมองไปที่ฉินหยุนอย่างว่างเปล่า ในเวลานี้หัวใจของเธอรู้สึกปวดร้าวมาก เธอพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสงบ จากนั้นก็กล่าวออกมาเสียงเบาว่า "ก็ได้ เพื่อนร่วมชั้นฉินหยุน งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ"

"ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว ในฐานะเพื่อน นายช่วยไปส่งฉันหน่อยได้ไหม"

เซียวหลานกล่าวในขณะที่พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

"ได้" ฉินหยุนพยักหน้า

เขาเรียกแท็กซี่และไปส่งเซียวหลานที่บ้านของเธอ

หลังจากเข้าไปในห้องและปิดประตูลงแล้ว เซียวหลานก็ทรุดนั่งลงกับพื้นและร้องไห้ออกมาทันที

ที่ชั้นล่างของอาคาร ฉินหยุนก็กำลังยืนอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจออกมา

แบบนี้มันคืออะไร? แค่เดินจับมือกันเฉยๆ ยังไม่ได้ขอเป็นแฟนเลยแต่ก็ต้องเลิกกันแล้ว?

อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาแล้วเขารู้สึกชอบความรักที่บริสุทธิ์มากกว่า ซึ่งเขาไม่ชอบเอาปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้องกัน

เขาจำฉากที่แม่ของเซียวหลาน เหวินหยุนไม่สนใจเขาตอนที่เขานั่งอยู่ในร้านบาร์บีคิวได้ดี ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เหวินหยุนอาจจะบอกเซียวหลานให้อยู่ห่างจากเขาตั้งแต่ตอนนั้นก็เป็นได้

พ่อแม่คัดค้าน ครอบครัวยากจน หรือสาเหตุอื่นๆ เมื่อไรที่ไม่มีปัจจัยเหล่านี้มาเกี่ยวข้อง เมื่อนั้นเขาก็จะได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่าความรักจริงๆ

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนยืนเงียบๆอยู่หน้าอาคารมาสักพักแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสูงอายุในป้อมยามก็ถอนหายใจออกมา เขานึกถึงตัวเองตอนที่เป็นวัยรุ่น ช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่ดีมาก แม้อารมณ์จะขึ้นๆลงๆ แต่เมื่อนึกถึงความทรงจำเหล่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

หลังจากยืนอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดฉินหยุนก็หันหลังและเดินจากไป

แต่หลังจากที่เขาหันหลังกลับและเพิ่งก้าวขาไปได้ไม่กี่ก้าว โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

หลังจากเอาขึ้นมาดูแล้ว มีสายเข้ามาจากหมายเลขที่ไม่รู้จัก

"ฮัลโหล" ฉินหยุนเอ่ยขึ้นหลังจากกดรับสาย

"ฉินหยุนใช่ไหม?" เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากโทรศัพท์

"ผมเอง นี่ใครพูดอยู่" ฉินหยุนถามอย่างใจเย็น

"ฉันคือแม่ของเซียวหลาน เหวินหยุน" ที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง เหวินหยุนกล่าวออกมา

ก่อนที่เหวินหยุนจะโทรมา เธอได้ไปตรวจสอบเกี่ยวกับฉินหยุนมาแล้วโดยเฉพาะ ด้วยความสามารถของเธอ การจะค้นหาเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขามันไม่ใช่เรื่องยากเลย

เธอโทรหาเซียวหลานก่อนเมื่อสักครู่นี้ แต่ลูกสาวของเธอก็ทะเลาะกับเธออีกครั้ง เมื่อเผชิญหน้ากับลูกสาวที่ดื้อรั้นของเธอ เธอรู้สึกโกรธมาก

การหาแฟนสักคนมันก็เป็นเรื่องดีอยู่หรอก แต่ด้วยฐานะครอบครัวของเธอ เธอจะยอมรับลูกเขยธรรมดาๆมาได้อย่างไร?

ด้วยสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมา เธอไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่น

"สวัสดีครับคุณป้า" เมื่อได้ยินคำกล่าวของเหวินหยุน ฉินหยุนก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยทักทายออกมา

เหวินหยุนกล่าวในสายโทรศัพท์ว่า "ป้าจะโทรมาคุยกับเธอเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหลานหลาน... "

แต่ก่อนที่เธอจะกล่าวจบ ฉินหยุนก็ขัดจังหวะเธอทันที เขากล่าวว่า "คุณป้าครับ ระหว่างผมกับเซียวหลานเราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณป้าไม่ต้องกังวล"

"ไม่ได้เป็นไรกันงั้นเหรอ?"

เหวินหยุนผงะไปทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน

ในความคิดของเธอ เธอจะเริ่มด้วยการบอกว่าครอบครัวของเธอนั้นดีมากแค่ไหน จากนั้นก็จะบอกว่าลูกสาวของเธอต้องคู่ควรกับคนที่ดี แล้วก็จะบอกว่าฉินหยุนนั้นยังไม่ดีพอ

ฉากต่อไปฉินหยุนก็ควรจะกล่าวทำนองว่า ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ดีพอ แต่ในอนาคตเขาจะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอน บลาๆๆ จากนั้นเขาก็จะขอให้เธอให้โอกาสเขา แล้วเธอก็จะปฏิเสธเขาเพื่อให้ฉินหยุนค่อยๆยอมแพ้ไป

แต่สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไร?

ทันใดนั้นคำพูดต่างๆที่เตรียมไว้ของเหวินหยุนก็เหมือนถูกฝ่ามือที่มองไม่เห็นอุดไว้ในปากของเธอทันที และเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรต่อดี

"แค่นี้นะครับคุณป้า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายนะครับ"

เมื่อเห็นว่าเหวินหยุนไม่ได้กล่าวอะไร ฉินหยุนก็เอ่ยขึ้นอีกสองสามคำ โดยไม่รอคำตอบของเธอ ฉินหยุนกดวางสายโทรศัพท์ทันที!

(จบตอน)