ตอนที่ 221 ลงทุนในร้านหม้อไฟ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยูเล่อเหยาก็กล่าวว่า "ค่าเช่ายังขาดอยู่อีกหนึ่งแสน และสิ่งอื่นๆที่จำเป็นต้องซื้อด้วย ทั้งหมดนี้รวมแล้วก็ประมาณสามถึงสี่แสนหยวน"

"นายถามทำไมเหรอ หรือว่าบอสฉินต้องการจะลงทุนในร้านหม้อไฟด้วย?" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม

อันที่จริงเธอพาฉินหยุนมาที่นี่เพื่อดูร้านหม้อไฟแห่งนี้เท่านั้น สำหรับการลงทุน เธอไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ซึ่งวันนี้เธอก็บังเอิญได้พบกับหูกงหรงและคนอื่นๆเช่นกัน

หากเธอตั้งใจอยากจะได้เงินลงทุนในส่วนของฉินหยุนจริงๆ เธอสามารถขอเงินศาสตราจารย์จ้าวผู้เป็นย่าของเธอได้โดยตรง

ฉินหยุนผงกหัวพลางยิ้ม เขากล่าวว่า "เอาล่ะ ฉันจะเป็นคนจ่ายเงินในส่วนที่เหลืออีก 400,000 หยวนเอง โดยแลกกับผลกำไรของร้านส่วนหนึ่ง"

ก่อนหน้านี้เขาได้ชิมเบสน้ำซุปหม้อไฟที่ทำขึ้นโดยหยูเล่อเหยาแล้ว ซึ่งรสชาติของมันก็ดีมากจริงๆ และเมื่อตอนนี้เขามีเงินมากขึ้นเรื่อยๆถึงอย่างไรในอนาคตเขาก็จะต้องเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นแน่นอน

ร้านหม้อไฟแห่งนี้ก็น่าลงทุนเช่นกัน

"ถ้าอย่างนั้นเงินทุนของร้านเราก็จะมีครบพอดี" เมื่อหยูเล่อเหยาได้ยินว่าฉินหยุนต้องการที่จะลงทุน 400,000 หยวน เธอก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

"ไปคุยกับพวกพี่สาวหูกันเถอะ"

ทั้งสองเดินกลับมาที่ที่หูกงหรงและคนอื่นๆอยู่อีกครั้ง

"เล่อเหยา พาฉินหยุนไปเดินเล่นเป็นไงบ้าง" หลินอวี่พูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าคนอื่นไม่ได้เอ่ยอะไร

เธอและหยูเล่อเหยารู้จักกันมานานแล้ว เมื่ออีกฝ่ายตั้งใจพาฉินหยุนมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าในใจของหยูเล่อเหยานั้นฉินหยุนต้องไม่ได้อยู่ในสถานะธรรมดาๆแน่นอน

อีกสองสามคนไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ในใจของพวกเขากำลังกังวลเรื่องเงินทุนกันอยู่ นอกจากค่าเช่าที่ต้องจ่ายแล้ว เงินทุนที่ใช้ซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบต่างๆก็ต้องหาทางเช่นกัน

วิธีที่ดีที่สุดคือหานักลงทุนรายอื่นเพิ่มเข้ามา

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถหาพวกเขาได้ง่ายๆ ไม่ว่าในธุรกิจใดๆก็ตาม ความเป็นไปได้ของความล้มเหลวก็มักจะมีมากกว่า

หลายๆคนเคยลองเปิดร้านหม้อไฟแบบนี้เช่นกัน แต่พวกเขาก็ต้องปิดตัวลงหลังจากเปิดได้แค่สองสามเดือน แม้จะผ่านช่วงแรกมาได้ส่วนใหญ่ก็ปิดตัวลงในภายหลัง

หลังจากเปิดร้านไปแค่ไม่กี่เดือน การลงทุนอย่างน้อยหลายแสนหยวนหรือแม้แต่หลายล้านหยวนก็อาจสูญเปล่า

นี่จึงเป็นเรื่องยากในการหาคนมาลงทุน เมื่อยังไม่ได้เห็นผลตอบแทนที่แน่นอน จะมีสักกี่คนที่กล้าลงทุนจริงๆ?

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินอวี่หยูเล่อเหยาก็ยิ้มออกมา จากนั้นเธอก็ถามว่า "ปัญหาเรื่องเงินทุนของเราเป็นยังไงบ้าง?"

หลังจากที่คำพูดของเธอจบลง ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็ส่ายหัวกันทันที

"มันยากมาก แม้ว่าเราจะหาค่าเช่าได้ แต่ก็ยังต้องหาเงินทุนสำหรับของอย่างอื่นอีก"

"ฉันจะลองไปคุยกับอีกสักสองสามคน เผื่อจะชวนพวกเขามาลงทุนได้"

ทุกคนต่างก็ร่วมปรึกษากัน

กุญแจสำคัญคือพวกเขายังมีทัศนคติที่ดีต่อร้านหม้อไฟแห่งนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะขอเงินจากครอบครัวเพื่อมาลงทุน ดังนั้นพวกเขาควรจะพานักลงทุนรายอื่นมาร่วมรับความเสี่ยงด้วยดีกว่า

"เล่อเหยา เธอมีความคิดเห็นอะไรไหม?"

หูกงหรงมองไปที่หยูเล่อเหยาและถามออกมาทันที

ในเวลานี้ท่าทางของหยูเล่อเหยาดูไม่มีความกังวลเลย และดูเหมือนว่าเธอจะมีวิธีแก้ปัญหาแล้ว

"มีค่ะ"

เมื่อมองไปที่กลุ่มคน หยูเล่อเหยาก็พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันเพิ่งคุยกับฉินหยุนเกี่ยวกับร้านหม้อไฟของเรา ฉินหยุนเขาคิดว่าร้านหม้อไฟของเราจะสามารถพัฒนาขึ้นได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะใช้เงิน 400,000 หยวนลงทุนในร้านหม้อไฟแห่งนี้"

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทุกคนที่อยู่รอบๆก็ผงะไป

"ฉินหยุนจะลงทุน 400,000 หยวน!?"

สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

เมื่อพวกเขาได้แนะนำตัวกันก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ได้รู้ว่าฉินหยุนยังเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง

คนส่วนใหญ่ที่เป็นนักศึกษาปีหนึ่งต่างก็กำลังกังวลกับเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะงั้นฉินหยุนจะเอาเงินจำนวนมากออกมาใช้จ่ายทีเดียวแบบนี้ได้อย่างไร?

"หรือว่าฉินหยุนจะเป็นคนรวยรุ่นที่สอง?" ทันใดนั้นความคิดมากมายก็ปรากฏขึ้นในใจของทุกคน

หลังจากคำพูดของหยูเล่อเหยาจบลง ดวงตาของหูกงหรงก็สว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอมองไปที่ฉินหยุนพลางถามว่า "ฉินหยุน นายจะใช้เวลานานแค่ไหนในการนำเงินก้อนนี้มา?"

ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "ตอนนี้เลยก็ได้"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของทุกคนก็ยิ่งเปลี่ยนไปมากขึ้น

ทีแรกพวกเขาต่างก็คิดว่าฉินหยุนเป็นพวกความคิดตื้นเขินเล็กน้อยและชอบที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อื่น แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะซ่อนฐานะของตัวเองไว้ลึกขนาดนี้

"ว้าว คิดไม่ถึงเลยว่าฉินหยุนจะร่ำรวยขนาดนี้" หลี่ตันตันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

พวกเขาทุกคนเอาเงินออกมารวมกันได้ทั้งหมด 450,000 หยวน แต่ฉินหยุนคนเดียวกลับสามารถเอาเงินออกมาได้ถึง 400,000 หยวน! แถมยังไม่ต้องขออนุญาตจากครอบครัวอีก

จากมุมมองนี้ ฐานะครอบครัวของฉินหยุนจะต้องดีมากอย่างแน่นอน

ในความคิดของเธอ ฉินหยุนเป็นคนประเภทที่ชอบดึงดูดความสนใจและพอมีเงินอยู่บ้าง

แต่ในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง บุคลิกเช่นนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

"งั้นก็ดีเลย เมื่อมีเงินทุน 400,000 หยวนก้อนนี้แผนทั้งหมดของร้านหม้อไฟของเราสามารถดำเนินการต่อได้"

หลังจากฉินหยุนพูดจบ หูกงหรงก็มีความสุขมากอย่างเห็นได้ชัด เธอกล่าวว่า "เมื่อฉินหยุนเข้าร่วมกับเราในฐานะหุ้นส่วน ปัญหาทางด้านเงินทุนของเราก็จะได้รับการแก้ไขทันที ตอนนี้มีเงินทุนเพียงพอแล้ว ดังนั้นร้านหม้อไฟของเราจะเปิดขึ้นโดยเร็วที่สุด! นอกจากนี้ยังต้องเริ่มโปรโมทและโฆษณาร้านด้วย!"

"ร้านของเราตั้งอยู่ใกล้กับมหาลัย ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นเหล่านักศึกษา เพราะงั้นทุกคนต้องช่วยกันโฆษณาในมหาลัยของตัวเองให้ดีที่สุด"

ดูเหมือนว่าหูกงหรงจะวางแผนจัดการเรื่องต่างๆไว้เรียบร้อยแล้ว เธอกล่าวออกมาอย่างรวดเร็วและชัดเจน

"ยังมีเวลาอีกสามหรือสี่วันก่อนที่มหาลัยจะเปิด เดี๋ยวฉันค่อยเอาใบปลิวโฆษณาร้านให้ทุกคน..."

หลังจากอยู่ที่นี่ต่อสักพัก ฉินหยุนและหยูเล่อเหยาก็จากไป

ฉินหยุนไม่คาดคิดว่าเมื่อเขามาที่นี่เพื่อดูร้านหม้อไฟ เขาจะได้ลงทุนกับมันโดยตรง

"ฉินหยุน ดูแล้วนายค่อนข้างมั่นใจในร้านหม้อไฟของเราเลยนะ" หยูเล่อเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนพูดอย่างจริงจัง "ฉันได้ชิมเบสน้ำซุปที่เธอทำแล้ว และมันก็ดีมาก ฉันคิดว่าหลังจากเปิดร้านแล้วลูกค้าก็ต้องบอกว่ามันอร่อยแน่นอน"

"ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น" หยูเล่อเหยากล่าวด้วยความคาดหวัง

...

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และภายในไม่กี่วันมหาลัยที่ว่างเปล่าก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เหล่านักศึกษาที่พากันกลับบ้านเนื่องจากวันหยุดฤดูหนาวก็เริ่มทยอยกลับมาที่มหาลัย

ฉินหยุนกลับไปที่หอพักชายห้อง 305 ของมหาลัยเจียงหยวน

ห้องพักสะอาดมาก เห็นได้ชัดว่ามีคนทำความสะอาดไปแล้วรอบหนึ่ง ในเวลานี้หลิวซินกำลังทำความสะอาดโต๊ะให้เขาอยู่

เมื่อเห็นเช่นนี้ฉินหยุนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า "หลิวซิน เดี๋ยวฉันทำต่อเอง"

หลิวซินพยักหน้า น้องสาวของเขายังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่อาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว

ด้วยความช่วยเหลือจากเทียนหยุน ความตึงเครียดของเขาจึงลดลงอย่างมาก และเขาก็กลับมาที่มหาลัยเพื่อเริ่มเรียนตามปกติแล้ว

"ฉันจะบอกพวกนายให้ ตอนตรุษจีน ฉันจัดการคนไปเยอะมาก ทั้งพ่อ แม่ พี่สาว ลุงและป้าของฉันเสียเงินกันทั้งหมด และฉันก็เป็นคนเดียวที่ชนะ" จ้าวคังฮ่าวกำลังคุยโม้อยู่

ข้างๆเขาเฉิงต้าสงกำลังถามเขาว่าเขาชนะได้เงินมาเท่าไร ในขณะที่โจวผานพูดว่าพี่จ้าวสุดยอดมาก ต้องดูแลเขาด้วยอาหารดีๆสักมื้อ

ในขณะที่กำลังโม้ จ้าวคังฮ่าวก็เห็นฉินหยุนเดินเข้ามา เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ฉินหยุน นายถืออะไรมาน่ะ?"

ฉินหยุนวางของในมือลงและพูดว่า "ใบปลิวของร้านหม้อไฟชิงอู้"

"ร้านหม้อไฟชิงอู้? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย"

"ฉินหยุน นายทำงานพาร์ทไทม์แจกใบปลิวงั้นเหรอ?"

เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉินหยุน จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆก็พากันพูดขึ้น

สำหรับโจวผานและเฉิงต้าสง พวกเขากำลังคิดไปถึงก่อนหน้านี้ที่ฉินหยุนจับสลากได้รางวัลรถยนต์ จากนั้นก็ขายแล้วไปเช่าบ้านพร้อมกับซื้อรถใหม่ ตอนนี้คงไม่ใช่ว่าเขากำลังขาดเงินใช่ไหม?

อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าเช่าบ้านและค่าผ่อนรถที่ต้องจ่ายในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปได้มากจริงๆว่าเงินพวกนั้นมันจะถูกใช้จนหมดแล้ว

พวกเขาต่างก็คิดกับตัวเองว่าฉินหยุนนี่ไม่รู้จักวิธีใช้เงินเลย เจียงอีและสาวๆคนอื่นในห้องพักของจางเสี่ยวเยว่ก็กล่าวเช่นกันว่าฉินหยุนใช้จ่ายเงินมากเกินตัว

สุดท้ายตอนนี้ก็มีเงินไม่พอจนได้

(จบตอน)