ภายในร้าน หูซานซานก็กำลังยุ่งอยู่เช่นกัน
เธอใช้เวลาว่างจากลูกค้าช่วงสั้นๆในการมองออกไปนอกร้าน และได้เห็นด้านข้างของฉินหยุนพอดี
ก่อนหน้านี้เธอต้องการให้ฉินเสี่ยวเทาหางานใหม่โดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนั้นทั้งสองก็เกือบจะได้ทะเลาะกัน
แต่ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนได้เปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว และเธอก็กลับมาทำงานตามปกติ
เธอรู้สึกตกตะลึงมาก โดยไม่รู้ว่าฉินหยุนทำอย่างไรถึงสามารถเปิดร้านขายเสื้อผ้ามากขนาดนี้ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของเธอ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ยังคงเทียบกับร้านเสื้อผ้าหานลู่ไม่ได้ แต่ตราบใดที่เธอยังได้ค่าจ้างจากการทำงานอยู่ เธอก็ไม่สนใจสิ่งอื่น
ท้ายที่สุดแล้วสวัสดิการของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นก็เหนือกว่าร้านอื่นๆมาก
และเมื่อตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าเปิดขึ้นอีกครั้ง ความขัดแย้งระหว่างเธอกับฉินเสี่ยวเทาก็หายไปทันที และแน่นอนพวกเขาทั้งคู่ต่างก็คืนดีกันแล้ว
ขณะที่กำลังมองไปรอบๆร้านเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ จ้าวตงเสวี่ยก็อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าสาขานี้เช่นกัน เมื่อเธอเห็นฉินหยุนกำลังเดินมา เธอจึงอาศัยจังหวะว่างจากลูกค้าเดินเข้าไปหาเขาพลางกล่าวอย่างออดอ้อนว่า "พี่ฉินหยุน"
ขณะนี้จ้าวตงเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ฉินหยุนลูกพี่ลูกน้องของเธอทำอย่างที่เขาพูดไว้จริงๆ ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว
ในเวลานี้เธอรอแทบไม่ไหวที่จะวิ่งไปหาเฉิงซีเพื่อเชิดหน้าใส่อีกฝ่าย
"เวลาทำงานก็ตั้งใจทำงานให้ดี อย่าเอาแต่วิ่งไปวิ่งมา" ฉินหยุนชำเลืองมองเธอ
จ้าวตงเสวี่ยก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และกลับไปทำงานต่อทันที
ไม่ไกลจากตรงนี้ หยูเสี่ยวถิงก็สังเกตเห็นสถานการณ์เช่นกัน และเมื่อเธอได้เห็นว่าหญิงสาวที่ดูราวกับปีศาจใหญ่ในความรู้สึกของเธอ กำลังทำท่าทางเชื่อฟังคำพูดของฉินหยุนเช่นนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจมาก และยกสถานะของฉินหยุนให้เหนือกว่าปีศาจใหญ่ตัวนี้ทันที
เธอกับจ้าวตงเสวี่ยเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก และเธอไม่เคยเห็นจ้าวตงเสวี่ยเชื่อฟังใครแบบนี้มาก่อนเลย
"พี่เสี่ยวเทา สถานการณ์ที่นี่เป็นยังไงบ้าง"
ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองหลังจากไล่จ้าวตงเสวี่ยออกไป
ขณะที่ถามออกมา เขาก็มองไปที่ร้านเสื้อผ้าหานลู่ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเขาก็ได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างในร้านแห่งนั้น
ในเวลานี้จางอี้อี้ก็กำลังมองไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเช่นกัน
"พี่สาวอี้อี้ ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว" ข้างๆจางอี้อี้ หญิงสาวคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
เธอคอยเป็นผู้ช่วยของจางอี้อี้อยู่เสมอ ถ้าหากจางอี้อี้เปลี่ยนงาน แน่นอนว่าเธอก็ต้องทำตามด้วย
อันที่จริงแล้วเธอเป็นคนหน้าบางมาก หลังจากเลิกงานเธอก็รีบออกไปทันทีเพราะกลัวจะเจอคนรู้จักจากฝั่งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
แต่ความรู้สึกกดดันในใจของเธอก็หายไปเมื่อร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกปิดไปเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว
ร้านขายเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลแห่งนั้นก็ยังเฟื่องฟูเหมือนเมื่อก่อน แต่ร้านเสื้อผ้าหานลู่ที่พวกเธออยู่ตอนนี้แทบจะไม่มีลูกค้าเลย
เทียบไม่ได้กับตอนที่กำลังแข่งขันกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
จางอี้อี้ยังคงมองดูด้วยความเงียบ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวล บอสจั่วจะจัดการเรื่องนี้แน่นอน"
เธอไม่เคยคิดเลยว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ปิดตัวลงไปไม่นานก็เปิดร้านใหม่แทบจะในทันที
อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าต่อจากนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ก็จะยังคงปราบปรามเทียนหยุนให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมแน่นอน
ขณะที่เธอคิดอยู่ในใจ จู่ๆจางอี้อี้ก็รู้สึกได้ถึงสายตาของฉินหยุนที่กำลังมองเธออยู่จากที่ไม่ไกล เธอตกใจและก็รีบก้มหัวลงทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้าน
ฉินหยุนยังคงดีกับเธอมาก แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดที่ผู้คนจะก้าวขึ้นไปในที่ๆสูงกว่า
ที่ร้านขายเสื้อผ้า ฉินหยุนกำลังมองไปที่ๆหนึ่ง
‘จางอี้อี้งั้นเหรอ?’ เขากล่าวอย่างเงียบๆอยู่ในใจ
"พี่เสี่ยวเทา เดี๋ยวพี่ดูแลที่นี่ต่อนะ ผู้จัดการจ้าวกับผมจะไปดูที่สาขาต่อไป"
จากนั้นไม่นานฉินหยุนและจ้าวเทียนเฉียงก็ออกจากร้านไป
...
"เสี่ยวหยุน สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?"
ที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้ ฉินลู่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับฉินหยุน
และเมื่อฉินหยุนกล่าวว่าตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าทุกสาขากำลังร้อนแรง เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในขณะนี้เอง จางอวี๋ชิงก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินลู่ก็กล่าวอะไรบางอย่างและกดวางสายโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว
"ฉินลู่ หยางเย่เจิน จ้าวเถียน เธอทั้งสามคนจะไปกับฉัน ตอนนี้สำนักงานกฎหมายของเราจะเริ่มทำคดีที่เรารับมาเมื่อคืนนี้" จางอวี๋ชิงออกคำสั่ง
"ฉินลู่ คดีก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องจัดการแล้วนะ แค่เตรียมข้อมูลที่ลูกค้าต้องใช้ในภายหลังไว้ก็พอ"
หลังจากการปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน คดีฟ้องร้องของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้รับมาก็สิ้นสุดลงทันที ฉินลู่จึงไม่มีอะไรให้ทำ
ดังนั้นจางอวี๋ชิงจึงให้เธอจัดการกับคดีความอื่น
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
"ค่ะพี่สาวจาง" ฉินลู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
"ส่วนคดีที่ฉินลู่เคยรับผิดชอบก่อนหน้านี้ เสี่ยวเยว่ ให้เธอจัดการก็แล้วกัน" จางอวี๋ชิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
"โอเคค่ะ" หญิงสาวคนที่สวมแว่นตาขนาดใหญ่พยักหน้าตกลง
เธอมองไปที่ฉินลู่ แม้ว่าคดีความที่เธอเพิ่งยอมรับมานั้นมันจะซับซ้อนสักเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกได้เช่นกัน
สำหรับคดีความที่ฉินลู่และคนอื่นๆจะต้องรับผิดชอบต่อจากนี้นั้น เป็นคดีความที่ทนายความหลายๆคนไม่เต็มใจที่จะรับมัน
พวกเธอก็เคยรู้เรื่องที่น้องชายของฉินลู่เปิดร้านขายเสื้อผ้ามาก่อนเช่นกัน จากนั้นฉินลู่ก็ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษในสำนักงานกฎหมายแห่งนี้
แต่เพียงไม่นานสิทธิประโยชน์เหล่านั้นก็หมดไป
แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป เพราะนี่คือการปฏิบัติต่อน้องใหม่
ก่อนหน้านี้ฉินลู่ได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าน้องใหม่มาก ซึ่งดีกว่าพนักงานเก่าอย่างพวกเธอด้วยซ้ำ
หลังจากเตรียมพร้อมแล้วจางอวี๋ชิงก็เดินเข้าไปในสำนักงาน ในขณะที่ฉินลู่และหยางเย่เจินกำลังรีบจัดเรียงเอกสารอย่างรวดเร็ว
"เฮ้ออ.. เสี่ยวลู่ ต่อไปนี้เราคงต้องยุ่งกันมากแน่นอน"
หยางเย่เจินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
พวกเธอกำลังจะไปจัดการกับคดีหย่าร้าง
อันที่จริงทนายความส่วนมากมักจะลังเลที่จะยอมรับคดีเกี่ยวกับการหย่าร้าง
เหตุผลประการแรกคือค่าธรรมเนียมต่ำ
คดีฟ้องหย่ามักจะไม่ค่อยมีการเรียกเก็บเงินตามสัดส่วนของเป้าหมายเหมือนกับคดีข้อพิพาททางธุรกิจทั่วไป
ประการที่สองคือมีปัญหามากมาย
ในการที่จะหย่าร้างกันนั้น โดยพื้นฐานแล้วสามีและภรรยาจะต้องกำลังเกลียดชังซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน ทั้งสองเหมือนกับคนที่เป็นศัตรูกัน หากไม่จัดการให้ถูกต้อง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งระเบิดขึ้นมา มันจะต้องมีสถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งมาลงกับทนายความแน่นอน
ในช่วงเวลานี้ทั้งสามีและภรรยาต่างก็อาจจะทำสิ่งที่หุนหันพลันแล่นได้ และมันก็สามารถส่งผลกระทบต่อทนายความได้เช่นกัน
"ทุกวันนี้อัตราการหย่าร้างสูงขึ้นเรื่อยๆเลย" จ้าวเถียนส่ายหัวพลางกล่าว
ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันนี้ได้บดขยี้เหล่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากมาย เมื่อเผชิญกับราคาที่อยู่อาศัยที่สูงลิบลิ่ว คนหนุ่มสาวจำนวนมากต่างก็คาดเดาว่าชีวิตของพวกเขาจะต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันของการผ่อนบ้านไปตลอดชีวิตแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะนอนราบอยู่บนเตียงคนเดียว กินและดื่มเพื่อให้มีชีวิตรอดผ่านไปหลายสิบปีอย่างผ่อนคลายสบายใจ
ราคาที่อยู่อาศัยที่สูงและค่าสินสอดในการแต่งงานที่สูง ยังเป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้น คนหนุ่มสาวในปัจจุบันนี้ต่างก็ถูกเลี้ยงดูมาให้มีนิสัยเสีย ซึ่งพวกเขาไม่สามารถทนต่อความคับข้องใจใดๆได้เลย แค่ปัญหาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่โตได้
เมื่อเจอกับปัญหาก็เริ่มที่จะแตกแยกกัน ต่างจากคนรุ่นเก่าที่จะอดทนและค่อยๆปรับความเข้าใจต่อกัน
หลังจากจ้าวเถียนกล่าวจบ หยางเย่เจินก็ยักไหล่และกล่าวว่า "ยังไงก็เถอะ ฉันจะไม่แต่งงาน ดังนั้นในอนาคตฉันก็จะไม่ประสบกับปัญหาเหล่านี้"
เธอวางแผนว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตของเธอ
"เอาล่ะๆ รีบจัดการให้เรียบร้อยเลย ไม่อย่างนั้นพี่สาวจางออกมาว่าเราแน่"
ฉินลู่เอ่ยเตือนหลังจากได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกล่าว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเย่เจินก็มองไปด้านในสำนักงานและทำหน้ามุ่ยออกมา
ก่อนหน้านี้ฉินลู่เคยได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ และพวกเธอก็เป็นเพื่อนกับฉินลู่ ดังนั้นพวกเธอจึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเล็กน้อยเช่นกัน
แต่ตอนนี้การปฏิบัติเป็นพิเศษเหล่านั้นมันไม่มีอีกแล้ว
ไม่นานจางอวี๋ชิงก็ออกมา จากนั้นเธอก็พาทั้งสามคนออกไปจากสำนักงานกฎหมาย
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเธอก็มาถึงถนนย่านการค้า และหลังจากหาที่จอดรถได้ จางอวี๋ชิงก็เดินนำพวกฉินลู่ทั้งสามคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
แต่เมื่อเธอเดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง จางอวี๋ชิงก็หยุดเดินกะทันหันพลางแสดงสีหน้าประหลาดใจ
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved