ตอนที่ 157 ความประหลาดใจของจางอวี๋ชิง

ภายในร้าน หูซานซานก็กำลังยุ่งอยู่เช่นกัน

เธอใช้เวลาว่างจากลูกค้าช่วงสั้นๆในการมองออกไปนอกร้าน และได้เห็นด้านข้างของฉินหยุนพอดี

ก่อนหน้านี้เธอต้องการให้ฉินเสี่ยวเทาหางานใหม่โดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนั้นทั้งสองก็เกือบจะได้ทะเลาะกัน

แต่ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนได้เปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว และเธอก็กลับมาทำงานตามปกติ

เธอรู้สึกตกตะลึงมาก โดยไม่รู้ว่าฉินหยุนทำอย่างไรถึงสามารถเปิดร้านขายเสื้อผ้ามากขนาดนี้ได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของเธอ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ยังคงเทียบกับร้านเสื้อผ้าหานลู่ไม่ได้ แต่ตราบใดที่เธอยังได้ค่าจ้างจากการทำงานอยู่ เธอก็ไม่สนใจสิ่งอื่น

ท้ายที่สุดแล้วสวัสดิการของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นก็เหนือกว่าร้านอื่นๆมาก

และเมื่อตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าเปิดขึ้นอีกครั้ง ความขัดแย้งระหว่างเธอกับฉินเสี่ยวเทาก็หายไปทันที และแน่นอนพวกเขาทั้งคู่ต่างก็คืนดีกันแล้ว

ขณะที่กำลังมองไปรอบๆร้านเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ จ้าวตงเสวี่ยก็อยู่ในร้านขายเสื้อผ้าสาขานี้เช่นกัน เมื่อเธอเห็นฉินหยุนกำลังเดินมา เธอจึงอาศัยจังหวะว่างจากลูกค้าเดินเข้าไปหาเขาพลางกล่าวอย่างออดอ้อนว่า "พี่ฉินหยุน"

ขณะนี้จ้าวตงเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก ฉินหยุนลูกพี่ลูกน้องของเธอทำอย่างที่เขาพูดไว้จริงๆ ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว

ในเวลานี้เธอรอแทบไม่ไหวที่จะวิ่งไปหาเฉิงซีเพื่อเชิดหน้าใส่อีกฝ่าย

"เวลาทำงานก็ตั้งใจทำงานให้ดี อย่าเอาแต่วิ่งไปวิ่งมา" ฉินหยุนชำเลืองมองเธอ

จ้าวตงเสวี่ยก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และกลับไปทำงานต่อทันที

ไม่ไกลจากตรงนี้ หยูเสี่ยวถิงก็สังเกตเห็นสถานการณ์เช่นกัน และเมื่อเธอได้เห็นว่าหญิงสาวที่ดูราวกับปีศาจใหญ่ในความรู้สึกของเธอ กำลังทำท่าทางเชื่อฟังคำพูดของฉินหยุนเช่นนี้ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจมาก และยกสถานะของฉินหยุนให้เหนือกว่าปีศาจใหญ่ตัวนี้ทันที

เธอกับจ้าวตงเสวี่ยเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก และเธอไม่เคยเห็นจ้าวตงเสวี่ยเชื่อฟังใครแบบนี้มาก่อนเลย

"พี่เสี่ยวเทา สถานการณ์ที่นี่เป็นยังไงบ้าง"

ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองหลังจากไล่จ้าวตงเสวี่ยออกไป

ขณะที่ถามออกมา เขาก็มองไปที่ร้านเสื้อผ้าหานลู่ที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งเขาก็ได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่ข้างในร้านแห่งนั้น

ในเวลานี้จางอี้อี้ก็กำลังมองไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเช่นกัน

"พี่สาวอี้อี้ ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว" ข้างๆจางอี้อี้ หญิงสาวคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

เธอคอยเป็นผู้ช่วยของจางอี้อี้อยู่เสมอ ถ้าหากจางอี้อี้เปลี่ยนงาน แน่นอนว่าเธอก็ต้องทำตามด้วย

อันที่จริงแล้วเธอเป็นคนหน้าบางมาก หลังจากเลิกงานเธอก็รีบออกไปทันทีเพราะกลัวจะเจอคนรู้จักจากฝั่งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

แต่ความรู้สึกกดดันในใจของเธอก็หายไปเมื่อร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกปิดไปเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว

ร้านขายเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลแห่งนั้นก็ยังเฟื่องฟูเหมือนเมื่อก่อน แต่ร้านเสื้อผ้าหานลู่ที่พวกเธออยู่ตอนนี้แทบจะไม่มีลูกค้าเลย

เทียบไม่ได้กับตอนที่กำลังแข่งขันกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

จางอี้อี้ยังคงมองดูด้วยความเงียบ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวล บอสจั่วจะจัดการเรื่องนี้แน่นอน"

เธอไม่เคยคิดเลยว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ปิดตัวลงไปไม่นานก็เปิดร้านใหม่แทบจะในทันที

อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าต่อจากนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ก็จะยังคงปราบปรามเทียนหยุนให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมแน่นอน

ขณะที่เธอคิดอยู่ในใจ จู่ๆจางอี้อี้ก็รู้สึกได้ถึงสายตาของฉินหยุนที่กำลังมองเธออยู่จากที่ไม่ไกล เธอตกใจและก็รีบก้มหัวลงทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เดินเข้าไปในร้าน

ฉินหยุนยังคงดีกับเธอมาก แต่เธอก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดที่ผู้คนจะก้าวขึ้นไปในที่ๆสูงกว่า

ที่ร้านขายเสื้อผ้า ฉินหยุนกำลังมองไปที่ๆหนึ่ง

‘จางอี้อี้งั้นเหรอ?’ เขากล่าวอย่างเงียบๆอยู่ในใจ

"พี่เสี่ยวเทา เดี๋ยวพี่ดูแลที่นี่ต่อนะ ผู้จัดการจ้าวกับผมจะไปดูที่สาขาต่อไป"

จากนั้นไม่นานฉินหยุนและจ้าวเทียนเฉียงก็ออกจากร้านไป

...

"เสี่ยวหยุน สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?"

ที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้ ฉินลู่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับฉินหยุน

และเมื่อฉินหยุนกล่าวว่าตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าทุกสาขากำลังร้อนแรง เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ในขณะนี้เอง จางอวี๋ชิงก็เดินเข้ามา

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินลู่ก็กล่าวอะไรบางอย่างและกดวางสายโทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว

"ฉินลู่ หยางเย่เจิน จ้าวเถียน เธอทั้งสามคนจะไปกับฉัน ตอนนี้สำนักงานกฎหมายของเราจะเริ่มทำคดีที่เรารับมาเมื่อคืนนี้" จางอวี๋ชิงออกคำสั่ง

"ฉินลู่ คดีก่อนหน้านี้เธอไม่ต้องจัดการแล้วนะ แค่เตรียมข้อมูลที่ลูกค้าต้องใช้ในภายหลังไว้ก็พอ"

หลังจากการปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน คดีฟ้องร้องของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่สำนักงานกฎหมายชิงอวี้รับมาก็สิ้นสุดลงทันที ฉินลู่จึงไม่มีอะไรให้ทำ

ดังนั้นจางอวี๋ชิงจึงให้เธอจัดการกับคดีความอื่น

แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปอีกครั้ง

"ค่ะพี่สาวจาง" ฉินลู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

"ส่วนคดีที่ฉินลู่เคยรับผิดชอบก่อนหน้านี้ เสี่ยวเยว่ ให้เธอจัดการก็แล้วกัน" จางอวี๋ชิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง

"โอเคค่ะ" หญิงสาวคนที่สวมแว่นตาขนาดใหญ่พยักหน้าตกลง

เธอมองไปที่ฉินลู่ แม้ว่าคดีความที่เธอเพิ่งยอมรับมานั้นมันจะซับซ้อนสักเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกได้เช่นกัน

สำหรับคดีความที่ฉินลู่และคนอื่นๆจะต้องรับผิดชอบต่อจากนี้นั้น เป็นคดีความที่ทนายความหลายๆคนไม่เต็มใจที่จะรับมัน

พวกเธอก็เคยรู้เรื่องที่น้องชายของฉินลู่เปิดร้านขายเสื้อผ้ามาก่อนเช่นกัน จากนั้นฉินลู่ก็ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษในสำนักงานกฎหมายแห่งนี้

แต่เพียงไม่นานสิทธิประโยชน์เหล่านั้นก็หมดไป

แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป เพราะนี่คือการปฏิบัติต่อน้องใหม่

ก่อนหน้านี้ฉินลู่ได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าน้องใหม่มาก ซึ่งดีกว่าพนักงานเก่าอย่างพวกเธอด้วยซ้ำ

หลังจากเตรียมพร้อมแล้วจางอวี๋ชิงก็เดินเข้าไปในสำนักงาน ในขณะที่ฉินลู่และหยางเย่เจินกำลังรีบจัดเรียงเอกสารอย่างรวดเร็ว

"เฮ้ออ.. เสี่ยวลู่ ต่อไปนี้เราคงต้องยุ่งกันมากแน่นอน"

หยางเย่เจินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ

พวกเธอกำลังจะไปจัดการกับคดีหย่าร้าง

อันที่จริงทนายความส่วนมากมักจะลังเลที่จะยอมรับคดีเกี่ยวกับการหย่าร้าง

เหตุผลประการแรกคือค่าธรรมเนียมต่ำ

คดีฟ้องหย่ามักจะไม่ค่อยมีการเรียกเก็บเงินตามสัดส่วนของเป้าหมายเหมือนกับคดีข้อพิพาททางธุรกิจทั่วไป

ประการที่สองคือมีปัญหามากมาย

ในการที่จะหย่าร้างกันนั้น โดยพื้นฐานแล้วสามีและภรรยาจะต้องกำลังเกลียดชังซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน ทั้งสองเหมือนกับคนที่เป็นศัตรูกัน หากไม่จัดการให้ถูกต้อง ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งระเบิดขึ้นมา มันจะต้องมีสถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งมาลงกับทนายความแน่นอน

ในช่วงเวลานี้ทั้งสามีและภรรยาต่างก็อาจจะทำสิ่งที่หุนหันพลันแล่นได้ และมันก็สามารถส่งผลกระทบต่อทนายความได้เช่นกัน

"ทุกวันนี้อัตราการหย่าร้างสูงขึ้นเรื่อยๆเลย" จ้าวเถียนส่ายหัวพลางกล่าว

ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันนี้ได้บดขยี้เหล่าคนรุ่นใหม่จำนวนมากมาย เมื่อเผชิญกับราคาที่อยู่อาศัยที่สูงลิบลิ่ว คนหนุ่มสาวจำนวนมากต่างก็คาดเดาว่าชีวิตของพวกเขาจะต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันของการผ่อนบ้านไปตลอดชีวิตแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะนอนราบอยู่บนเตียงคนเดียว กินและดื่มเพื่อให้มีชีวิตรอดผ่านไปหลายสิบปีอย่างผ่อนคลายสบายใจ

ราคาที่อยู่อาศัยที่สูงและค่าสินสอดในการแต่งงานที่สูง ยังเป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้น คนหนุ่มสาวในปัจจุบันนี้ต่างก็ถูกเลี้ยงดูมาให้มีนิสัยเสีย ซึ่งพวกเขาไม่สามารถทนต่อความคับข้องใจใดๆได้เลย แค่ปัญหาเพียงเล็กน้อยก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่โตได้

เมื่อเจอกับปัญหาก็เริ่มที่จะแตกแยกกัน ต่างจากคนรุ่นเก่าที่จะอดทนและค่อยๆปรับความเข้าใจต่อกัน

หลังจากจ้าวเถียนกล่าวจบ หยางเย่เจินก็ยักไหล่และกล่าวว่า "ยังไงก็เถอะ ฉันจะไม่แต่งงาน ดังนั้นในอนาคตฉันก็จะไม่ประสบกับปัญหาเหล่านี้"

เธอวางแผนว่าจะไม่แต่งงานไปตลอดชีวิตของเธอ

"เอาล่ะๆ รีบจัดการให้เรียบร้อยเลย ไม่อย่างนั้นพี่สาวจางออกมาว่าเราแน่"

ฉินลู่เอ่ยเตือนหลังจากได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนกล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยางเย่เจินก็มองไปด้านในสำนักงานและทำหน้ามุ่ยออกมา

ก่อนหน้านี้ฉินลู่เคยได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ และพวกเธอก็เป็นเพื่อนกับฉินลู่ ดังนั้นพวกเธอจึงได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเล็กน้อยเช่นกัน

แต่ตอนนี้การปฏิบัติเป็นพิเศษเหล่านั้นมันไม่มีอีกแล้ว

ไม่นานจางอวี๋ชิงก็ออกมา จากนั้นเธอก็พาทั้งสามคนออกไปจากสำนักงานกฎหมาย

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเธอก็มาถึงถนนย่านการค้า และหลังจากหาที่จอดรถได้ จางอวี๋ชิงก็เดินนำพวกฉินลู่ทั้งสามคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

แต่เมื่อเธอเดินมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง จางอวี๋ชิงก็หยุดเดินกะทันหันพลางแสดงสีหน้าประหลาดใจ

(จบตอน)