ได้ยินเช่นนี้รุ่ยเฉินฉีก็ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย เมื่อดูจากท่าทางของหลินเมิ่งเมิ่งเมื่อสักครู่ เธอก็นึกว่าฉินหยุนยอมรับคำสารภาพรักของหลินเมิ่งเมิ่งแล้วเสียอีก
เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา "เมิ่งเมิ่ง เธอนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ ถึงกับเป็นฝ่ายเริ่มสารภาพรักกับผู้ชายคนหนึ่งก่อนเลย"
ถ้าเป็นเธอ ไม่ต้องกล่าวถึงชายหนุ่มที่ตามจีบเธอเลย แม้ว่าเธอจะชอบเขาคนนั้น แต่เธอก็จะไม่ยอมเป็นฝ่ายสารภาพรักก่อนแน่นอน แต่เธอจะบอกด้วยคำใบ้ต่างๆให้ฝ่ายชายรับรู้แทน จากนั้นก็รอให้เขาเป็นฝ่ายสารภาพรักกับเธอเอง
เช่นเดียวกับที่เจียงอีเคยกล่าว ถ้าหากว่าฝ่ายหญิงรุกมากเกินไป เธอก็จะถูกฝั่งผู้ชายดูถูกและไม่คิดที่จะจริงจังด้วย ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ของเจียงอีเป็นอย่างมาก
หลังจากกล่าวจบ รุ่ยเฉินฉีก็ถามขึ้นอย่างสงสัยอีกครั้ง "ทำไมฉินหยุนถึงซื้อรถคันนี้ได้ล่ะ เขาถูกลอตเตอรี่งั้นเหรอ?"
"ไม่รู้สิ"
หลินเมิ่งเมิ่งอธิบายสองสามคำ ซึ่งเธอก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องที่ฉินหยุนซื้อรถ
ทั้งสองเดินคุยกันขณะที่เดินไปทางหอพัก
สำหรับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆรุ่ยเฉินฉีก่อนหน้านี้ เขาถูกเธอไล่ออกไปเรียบร้อยแล้ว
...
หลังขับรถออกจากมหาลัย ฉินหยุนวางแผนว่าจะไปดูที่ร้านขายเสื้อผ้าต่อ
ระหว่างทางขณะที่กำลังขับรถอยู่ เขาได้รับสายโทรศัพท์จากจ้าวเหมย
"เสี่ยวหยุน เสี่ยวเสวี่ยเป็นยังไงบ้าง ลุงรองของลูกโทรมาบอกว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่โทรกลับไปหาเขานานถึงหนึ่งสัปดาห์แล้ว แถมเขาโทรมาเธอก็ไม่รับสายด้วย ลูกลองไปบอกให้เธอโทรกลับหาพ่อของเธอหน่อย"
จ้าวเหมยถามเกี่ยวกับฉินหยุนสองสามคำ จากนั้นก็บอกให้เขาสวมเสื้อผ้ามากขึ้นหน่อยเนื่องจากช่วงนี้อุณหภูมิกำลังลดลง และในที่สุดเธอก็กล่าวถึงเรื่องจ้าวตงเสวี่ยอีกครั้ง
"ครับแม่ ผมเข้าใจแล้ว" ฉินหยุนพยักหน้าพลางกล่าวกับปลายสาย
ในเวลานี้ ภายในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาใหญ่แห่งหนึ่ง มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังแนะนำเสื้อผ้าให้กับลูกค้าอยู่ หญิงสาวคนนี้ดูสวยมาก และเธอก็อยู่ในชุดเครื่องแบบเฉพาะของพนักงานร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน เธอก็คือจ้าวตงเสวี่ย ลูกพี่ลูกน้องของฉินหยุนนั่นเอง
ก่อนหน้านี้จ้าวตงเสวี่ยต้องการให้ลูกพี่ลูกน้องของเธอเพิ่มเงินเดือนให้ แต่ฉินหยุนไม่สนใจเธอเลย
หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆเงียบลงเช่นกัน
เงินเดือนที่นี่คือ 5,000 หยวน ซึ่งสำหรับเธอมันก็ยังถือว่ามากอยู่ดี
และเธอก็เป็นคนชอบนอนตื่นสาย ดังนั้นเธอจึงเลือกเข้างานช่วงกะเย็นเป็นพิเศษ ซึ่งเธอก็ต้องเข้าทำงานในตอนบ่ายโมง
แม้ว่าจะไม่มีสิทธิพิเศษในด้านอื่นๆ แต่เธอก็ไม่มีปัญหาในการเลือกเวลาเข้างาน
การนอนตื่นตอนสายๆและเข้ามาทำงานในตอนบ่าย จ้าวตงเสวี่ยค่อยๆคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบนี้
ข้างๆเธอก็คือหยูเสี่ยวถิง เพื่อนสนิทของเธอที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
"หืม? จ้าวตงเสวี่ย?"
จ้าวตงเสวี่ยกำลังรอลูกค้าที่ดูเสื้อผ้าและกำลังเข้าไปลองในห้องอยู่ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
เมื่อมองไปรอบๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมองมาที่เธอ เธอคนนี้สวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง และเธอก็มีส่วนสูงพอๆกับจ้าวตงเสวี่ย แต่ไม่ได้สวยเท่ากับเธอ
"เฉิงซี" เมื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น คิ้วของจ้าวตงเสวี่ยก็ค่อยๆขมวดเข้าหากัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่เธอมาหางานทำในจินหลิงครั้งแรก เธอพบร้านขายเสื้อผ้าที่กำลังรับสมัครพนักงานอยู่ เธอจึงเข้าไปทำในนั้น
ซึ่งในร้านนั้นก็มีพนักงานคนอื่นที่ทำงานอยู่เช่นกัน รวมถึงเฉิงซีที่มีนิสัยไม่ดีคนนี้ด้วย คนอื่นๆบอกกับเธอว่าเฉิงซีอาจจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับบอสของร้าน ดังนั้นอย่าไปยั่วยุเธอจะเป็นการดีกว่า
อย่างไรก็ตาม จ้าวตงเสวี่ยไม่ใช่คนที่มีความอดทนมากนัก ดังนั้นทั้งสองคนจึงมักจะทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ
เนื่องจากเหตุการณ์หนึ่งก่อนหน้านี้ เพราะเฉิงซีเป็นฝ่ายเริ่มลงมือกับเธอก่อน ดังนั้นเธอจะยอมทนได้อย่างไร จ้าวตงเสวี่ยจึงเริ่มสู้กลับเธอทันที
ต่อมาเธอถูกบอสเรียกตัวไปคุยและก็เริ่มด่าทอเธออย่างรุนแรง
ตอนนั้นเองที่เธอรู้ว่าเฉิงซีเป็นลูกสาวของผู้จัดการร้าน และก็แน่นอน หลังจากนั้นเธอก็ถูกไล่ออก
หลังจากนอนเฉยๆอยู่ในบ้านเช่าสองสามวัน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อของเธอ และจากนั้นก็เข้ามาทำงานในร้านของฉินหยุน
เธอคิดว่าทั้งเธอและอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอหน้ากันอีกที่นี่
"หลังจากโดนไล่ออกจากร้านเสื้อผ้าของฉัน เธอก็มาทำงานที่ร้านเสื้อผ้าอีกร้านงั้นเหรอ?" เฉิงซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ใช่เรื่องของเธอ" จ้าวตงเสวี่ยเหลือบมองเธอด้วยหางตา จากนั้นก็กล่าวออกมาอย่างห้วนๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความโกรธของเฉิงซีก็เพิ่มขึ้นทันที
ก่อนหน้านี้เธอได้ไปฝึกงานที่ร้านของตัวเอง และก็ได้พบกับจ้าวตงเสวี่ย หญิงสาวที่สามารถทำให้เหล่าชายหนุ่มตกตะลึงได้ในพริบตา
จ้าวตงเสวี่ยสวยมาก เธอไม่มีจุดด่างดำบนใบหน้าเลยสักนิด แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งหน้า แต่เธอก็ยังดูสวยอยู่ดี ซึ่งเธอเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้เลย เธอจึงรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
เธอนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็ก และเธอก็เป็นคนอารมณ์ร้ายด้วย ดังนั้นเธอจึงมักจะเลือกจ้าวตงเสวี่ยเป็นเป้าหมายของเธอ
แต่อารมณ์ของจ้าวตงเสวี่ยกลับร้ายยิ่งกว่าเธอเสียอีก ดังนั้นทั้งสองคนจึงมักทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆอยู่เป็นประจำ
ในที่สุดก็มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น และตอนนั้นเธอก็รู้โกรธมาก
"จ้าวตงเสวี่ย ฉันไม่ได้เจอหน้าเธอมาเดือนกว่าแล้ว แต่เธอยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะ"
เฉิงซียังไม่ได้กล่าวอะไร แต่ในขณะนี้หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอก็ยิ้มขึ้นพลางเอ่ยว่า "แต่ปากดีไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ตอนนี้เสี่ยวซีไม่จำเป็นต้องทำงานแล้ว เธอสามารถซื้ออะไรก็ได้ที่เธอต้องการ แถมยังไปเที่ยวได้ทุกที่ แต่เธอกลับยังต้องทำงานเพื่อหาเงินซื้อของต่างๆไปวันๆ"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวข้างๆเธอกล่าว อารมณ์ของเฉิงซีก็ดีขึ้นอีกครั้ง
ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าจ้าวตงเสวี่ยจะสวยกว่าเธอ ดูดีกว่าเธอ แต่แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้เธอก็ยังต้องทำงานหนักอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นเธอที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า
ตอนนี้ทางครอบครัวซื้อบ้านและรถไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้วด้วย
"นี่คือโทรศัพท์ Apple เครื่องใหม่ของฉัน จ้าวตงเสวี่ย เธอคิดว่ามันดูดีไหม?" เฉิงซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็จงใจหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาอวด
จ้าวตงเสวี่ยมองดู แต่สีหน้าของเธอไม่ได้มีความอิจฉาอย่างที่เฉิงซีต้องการจะเห็นเลย เธอกล่าวอย่างใจเย็นว่า "ใครบอกว่าฉันทำงาน?"
"จ้าวตงเสวี่ย ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในชุดทำงาน ถ้าเธอไม่ได้กำลังทำงานอยู่ งั้นเธอทำอะไร?"
เฉิงซีกล่าวออกมาโดยแสร้งทำเป็นประหลาดใจ
ในตอนนี้เองที่จ้าวตงเสวี่ยยิ้มและกล่าวว่า "เธอเห็นใช่ไหมว่าตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแห่งนี้กำลังร้อนแรงมาก มันใหญ่กว่าร้านของเธออีก"
"แล้วความนิยมของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?"
เฉิงซีกล่าวด้วยท่าทางเหยียดหยาม "จะบอกว่าญาติของเธอเป็นคนเปิดร้านนี้งั้นเหรอ?"
"เธอพูดถูกแล้ว"
ในเวลานี้ ใบหน้าของจ้าวตงเสวี่ยเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เธอกล่าวว่า "ร้านนี้เปิดขึ้นโดยพี่ชายของฉัน ไม่ใช่แค่ที่นี่ ในที่อื่นๆเขาก็ยังเปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแบบนี้อีกหลายสาขาเลยด้วย"
"ฮ่าฮ่า จ้าวตงเสวี่ย เธอล้อเล่นหรือเปล่า ถ้าเธอมีญาติแบบนี้ ทำไมเธอยังต้องไปทำงานในร้านของฉันล่ะ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉิงซีก็หัวเราะออกมาและกล่าวโดยไม่เชื่อเลยสักนิด
"ฉันรู้ว่าที่เธอพูดออกมาแบบนี้ก็เพราะกำลังพยายามรักษาหน้าเอาไว้ ฉันเข้าใจๆ"
เธอกล่าวเสริมราวกับว่าเธอเข้าใจจริงๆ
"ไม่เชื่องั้นเหรอ?" จ้าวตงเสวี่ยเหลือบมองเธอพลางแสร้งทำเป็นสงบ
ถ้าเป็นที่อื่นเมื่อเผชิญกับการยั่วยุของเฉิงซีเช่นนี้ เธอจะต้องลงไปทะเลาะกับอีกฝ่ายแน่นอน แต่ที่นี่เป็นร้านของเธอเอง และในนี้ก็ยังมีลูกค้าอยู่มากมายด้วย เธอจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังโกรธมาก แต่เธอทำได้เพียงอดทนข่มความรู้สึกไม่พอใจนี้เอาไว้ในใจ
"บอสฉิน"
ในขณะนี้เอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในร้านจากที่ไม่ไกล เมื่อผู้จัดการร้านจางอี้อี้เห็นฉินหยุนกำลังเข้ามา เธอจึงรีบเอ่ยทักทายขึ้นอย่างรวดเร็ว
จ้าวตงเสวี่ยได้ยินและก็เห็นฉากนี้ทั้งหมด ไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น แม้แต่เฉิงซีก็ได้ยินเช่นกัน
"จ้าวตงเสวี่ย เจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน พี่ชายของเธอมาแล้วนี่ ทำไมเธอยังไม่รีบทักทายเขาล่ะ" เฉิงซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เธอรู้เกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนดี หลังจากที่ร้านของพวกเขาเปิดขึ้น ธุรกิจของร้านเธอก็ซบเซาลงไปมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนได้เปิดไปแล้วหลายสาขาเลย ซึ่งร้านของเธอเทียบไม่ได้เลยสักนิด
หลังจากที่เธอกล่าวจบ ฉินหยุนดูเหมือนจะสังเกตเห็นสถานการณ์ด้านนี้ เขาจึงเดินตรงเข้ามา
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved