"เสี่ยวลู่ นี่น้องชายของเธองั้นเหรอ?"
ในเวลานี้ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆฉินลู่รู้สึกประหลาดใจที่เห็นฉินหยุนขับรถมาจอดตรงหน้า
เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉินลู่ และพวกเธอก็เพิ่งบังเอิญพบกันระหว่างทาง
ตอนนี้เป็นช่วงฝึกงานของเหล่านักศึกษาปีสุดท้าย ซึ่งเธอก็ได้เข้าสู่สำนักงานกฎหมายขนาดใหญ่ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน โดยอาศัยความช่วยเหลือจากความสัมพันธ์บางอย่าง ในขณะที่สำนักงานกฎหมายที่ฉินลู่ไปฝึกงานนั้นเป็นเพียงแค่สถานที่เล็กๆเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเธอไม่มีเส้นสายอะไรเลย
แต่น้องชายของเธอกลับมีรถ?
ตอนที่เธออยู่ในมหาลัย เธอไม่เคยได้ยินเลยว่าครอบครัวของฉินลู่นั้นจะมีฐานะร่ำรวย
"ใช่แล้ว"
ฉินลู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า "เสี่ยวอวี่ ฉันไปก่อนนะ พอดีมีธุระบางอย่างที่ต้องไปจัดการ"
เธอเดินไปที่รถพลางเปิดประตู จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงธนาคาร และก็ได้พบหลินเสวี่ยหย่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีจากครั้งที่แล้ว
"คุณฉินคะ จากสถานการณ์ในปัจจุบันของร้านขายเสื้อผ้าของคุณ ในขณะนี้คุณสามารถกู้เงินสิบล้านหยวนได้ค่ะ" หลินเสวี่ยหย่ากล่าวออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มของมืออาชีพ
ตอนนี้ยอดขายรายวันของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งกำไรในเดือนนี้ก็คาดว่าน่าจะได้อย่างน้อย 7 ล้านหยวน ดังนั้นฉินหยุนจึงต้องการกู้เงินเพียง 10 ล้านหยวนเท่านั้น
แน่นอนว่าตอนนี้มันยังเป็นช่วงต้นเดือนธันวาคม ดังนั้นเงินที่ได้จากการขายเสื้อผ้าจึงยังไม่ได้มา แต่ถ้าเขาซื้อร้านค้าด้วยการจ่ายเงินสดเต็มจำนวน เขาก็สามารถจ่ายบางส่วนก่อนได้ แล้วจึงค่อยชำระยอดที่เหลือหลังจากที่ได้รับเอกสารต่างๆทั้งหมดแล้ว
ใบหน้าของหลินเสวี่ยหย่ามีรอยยิ้มประดับไว้อยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ธนาคารของพวกเธอเคยตรวจสอบสถานการณ์ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมาก่อน และก็รู้ว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังแข่งขันกับร้านเสื้อผ้าหานลู่อยู่ แต่ตอนแรกเธอไม่รู้เรื่องนี้
ตอนนี้ฉินหยุนมีร้านค้าจำนวนมากที่จำนองไว้กับธนาคาร สิ่งเหล่านี้เป็นทรัพย์สินมูลค่าสูงมาก และพวกเธอไม่กังวลเลยสักนิดว่าฉินหยุนจะไม่สามารถชำระเงินกู้คืนได้
ขั้นตอนต่างๆเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งใช้เวลาไม่นานเงินกู้ก็จะถูกโอนไปยังบัญชีของฉินหยุน
"ตอนนี้ฉันเป็นหนี้ธนาคารมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว" ฉินหยุนกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
บวกกับเงิน 10 ล้านที่เขาเพิ่งกู้มาตอนนี้เขาเป็นหนี้ธนาคารไป 40 ล้านแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะมีหนี้อยู่มากมาย แต่ฉินหยุนก็มีร้านค้าที่เขาซื้อมาด้วยเงินสดเต็มจำนวนถึง 12 แห่งภายใต้การครอบครองของเขา และตอนนี้มันก็กำลังจะกลายเป็น 15 แห่ง!
ด้วยสิ่งเหล่านี้ที่เป็นทุนทรัพย์ รากฐานของฉินหยุนจึงแข็งแกร่งมาก!
หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง ฉินหยุนและฉินลู่ก็เดินออกมาจากธนาคาร ซึ่งพวกเขาก็บังเอิญเดินผ่านหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังข้ามถนนมาพอดี
หญิงสาวคนนี้สวยมาก เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ดสีขาวไว้ท่อนบน ซึ่งมันช่วยขับเน้นให้เธอดูรูปร่างดีมาก
"ฉินหยุน?"
เมื่อเห็นฉินหยุนเดินใกล้เข้ามา หญิงสาวก็ชะลอความเร็วลงโดยไม่รู้ตัว
ฉินหยุนไม่ได้จ้องมองเธอตรงๆ เพียงแค่มองเธอแบบผ่านๆและก็เดินจากไปทันที พวกเขาไม่ได้รู้จักกัน
"เสี่ยวชิง" เมื่อมองเห็นหลานสาวของเธอ หลินเสวี่ยหย่าก็กวักมือพลางเอ่ยเรียก
จากนั้นหลินชิงก็เดินมาหาหลินเสวี่ยหย่า เธอถามด้วยความสงสัยว่า "คุณอาคะ คุณฉินเขามาขอกู้เงินอีกเหรอคะ?"
"ใช่แล้ว"
หลินเสวี่ยหย่าพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "คุณฉินคนนี้เขาเป็นคนหนุ่มที่สุดยอดจริงๆ ถ้าอาเดาไม่ผิด คาดว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอาจจะกำลังขยายสาขาอีกครั้ง"
เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา พลางคาดเดาจุดประสงค์ของฉินหยุน
"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน?" หลินชิงคิดกับตัวเอง
ก่อนหน้านี้เธอได้สอบถามหลินเสวี่ยหย่าเกี่ยวกับเรื่องของฉินหยุนโดยเฉพาะ และจากนั้นเธอก็ได้พบว่ามีร้านค้ามากกว่าสิบร้านที่ถูกซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวนภายใต้ชื่อของฉินหยุน!
มูลค่าของร้านค้าเหล่านี้มีมากกว่า 35 ล้านหยวน!
สำหรับเธอแล้ว นี่เป็นเงินก้อนโตอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากนี้ ชื่อของผู้ครอบครองร้านค้าเหล่านั้นที่มีมูลค่ามากกว่า 35 ล้านหยวน ล้วนเป็นชื่อของฉินหยุนทั้งหมด
เขาก็เหมือนกับคนรวยรุ่นที่สองคนอื่นๆ แต่อันที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นๆก็ล้วนเป็นของพ่อแม่ของพวกเขา และแม้ว่าฉินหยุนจะเป็นคนรวยรุ่นที่สองเช่นกัน แต่เขาก็ถือว่าเป็นผู้ครอบครองร้านค้าเหล่านั้นอย่างสมบูรณ์
หลินเสวี่ยหย่ารู้สึกปลงอยู่ภายในใจ แม้ว่าเงินเหล่านั้นของฉินหยุนจะเป็นเงินที่ยืมไปจากเธอ แต่นั่นก็ยังถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับเธออยู่ดี
เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีของธนาคาร ไม่มีใครทราบว่าเดือนๆหนึ่งเธออนุมัติเงินกู้ให้ผู้อื่นไปมากมายเท่าไร แต่เงินเหล่านั้นก็เป็นของธนาคาร ซึ่งเธอมีสิทธิ์แค่อนุมัติให้คนอื่นยืมไปใช้ แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินเหล่านั้นเอง
อันที่จริงแล้วหลินเสวี่ยหย่าไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเลย
"เฮ้อ.. น่าเสียดายจริงๆ อาไม่มีโอกาสแนะนำให้หลานได้รู้จักกับคุณฉินเลย" หลินเสวี่ยหย่ากล่าวอย่างเสียใจ
เธอรู้ว่าหลินชิงเป็นคนที่สามารถเก็บความลับได้ดี ดังนั้นเธอจึงบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับข้อมูลของฉินหยุน และเธอก็เชื่อว่าหลินชิงจะไม่แพร่งพรายมันออกไป
เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลินเสวี่ยหย่า ใบหน้าของหลินชิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอายเล็กน้อย เธอกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจว่า "คุณอากำลังพูดเรื่องอะไร หนูไม่ได้อยากรู้จักกับเขาสักหน่อย"
"เอาล่ะๆ ไม่พูดถึงมันแล้ว คืนนี้อาจะไปทานอาหารที่บ้านของหลาน ไปคุยกับพ่อของหลานด้วย" หลินเสวี่ยหย่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
"โอเคค่ะ" หลินชิงพยักหน้าทันที
...
หลังจากได้รับเงิน 10 ล้านหยวน ฉินหยุนก็เริ่มดำเนินการซื้อร้านค้าแห่งใหม่ทันที
ในขณะนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาใหม่จะไม่ได้อยู่ในเมืองจินหลิงอีกต่อไป แต่จะไปเปิดอยู่ที่เมืองหรงหยาง ซึ่งอยู่ติดกับเมืองจินหลิงแทน
นอกจากนี้ การเลือกตำแหน่งที่ตั้งร้านค้าของฉินหยุน ก็มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเช่นกัน
ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาใหม่ทั้ง 3 ร้าน จะถูกเปิดขึ้นใกล้ๆกับร้านเสื้อผ้าหานลู่
เวทีที่ฉินหยุนพูดถึงก่อนหน้านี้ ไม่ได้หมายถึงแค่ในฝั่งของเมืองจินหลิงเท่านั้น!
เขามีค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้อผูกมัดในการเลือกสถานที่ตั้งของร้านค้าเลย ตราบใดที่มีการสัญจรของผู้คนมากเพียงพอ เขาก็จะสามารถทำเงินได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น ที่ๆร้านเสื้อผ้าหานลู่ตั้งอยู่จึงช่วยให้เขาระบุตำแหน่งที่เหมาะสมได้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องออกไปค้นหาด้วยตังเองเลย
‘ฉันสงสัยว่าสีหน้าของจั่วหานจะเป็นยังไง เมื่อเขาได้เห็นร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสามแห่งที่ฉันเพิ่งเปิดใหม่?’ ฉินหยุนคิดกับตัวเอง
เขามองไปที่จ้าวเทียนเฉียงที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขา จากนั้นก็ถามว่า "ผู้จัดการจ้าว เจ้าของที่ของร้านค้าทั้งเก้าแห่งนั้นเป็นยังไงบ้าง?
แม้ว่าในขณะนี้เขาจะเปิดร้านค้าร้านใหม่ขึ้น 12 แห่งแล้ว แต่ค่าเช่าของร้านค้าร้านเก่าทั้ง 9 แห่งก็ยังไม่ได้ถูกคืนให้
"บอสฉินครับ เจ้าของที่เหล่านั้นยังคงไม่ยอมที่จะคืนเงินค่าเช่าให้เรา ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการฟ้องร้องต่อศาล และอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อรอผลเลยครับ" จ้าวเทียนเฉียงกล่าวออกมา
เกี่ยวกับปัญหาเจ้าของที่ไม่คืนเงินค่าเช่า มันเป็นเรื่องยากที่จะใช้กฎหมายแก้ไขเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องใช้เวลาจัดการกับมันนานถึงสองสามเดือน
ฉินหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าเทียนหยุนจะยังไม่สามารถทำให้พวกเขากลัวได้"
เหตุใดเจ้าของที่เหล่านั้นจึงยืนหยัดที่จะอยู่ข้างหานลู่? ก็เพราะว่าแบรนด์หานลู่นั้นเปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมีมูลค่าตลาดที่เทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน และแม้แต่ในไป่ตู้ก็ยังสามารถพบข้อมูลของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งไม่ว่าใครก็คงจะรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบริษัทขนาดใหญ่เช่นนี้
สำหรับเทียนหยุน แม้ว่าฉินหยุนจะมั่นใจว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่ในอนาคตจะเอาชนะหานลู่ได้ แต่ในขณะนี้เขาก็ยังไม่มีเวลามากพอที่จะพัฒนาไปถึงขั้นนั้น
เขาเพิ่งมีประสบการณ์ในการเริ่มทำธุรกิจแค่เจ็ดเดือนกว่าๆ และเทียนหยุนก็เป็นเพียงร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดขึ้นได้เจ็ดเดือนกว่าๆเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะมีร้านสาขาค่อนข้างมาก แต่ในสายตาของคนอื่นมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันก็ไม่มีความน่าเกรงขามอะไร
ก่อนหน้านี้ตอนที่เทียนหยุนแข่งขันกับหานลู่เป็นครั้งแรก ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าเทียนหยุนจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
นี่ก็คือภูมิหลัง และไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆด้วยยอดกำไรที่สูงกว่าเลย
นอกจากนี้ แม้ว่าจะมองในอีกมุมมองหนึ่ง รากฐานของฉินหยุนนั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อเขาซื้อร้านค้าด้วยเงินสดเต็มจำนวน และด้วยค่ายกลรวบรวมโชคลาภ มองเผินๆสิ่งนี้แทบจะไม่มีข้อบกพร่องเลย
แต่ในทางกลับกัน รากฐานของฉินหยุนนั้นก็ไม่ได้ลึกมากนัก เพราะนอกจากร้านค้าที่ถูกซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวนแล้ว ก็อาจจะมีผลกำไรที่สูงกว่าคนอื่นเล็กน้อย แต่ก็แค่นี้ ซึ่งไม่มีอะไรที่สามารถทำให้คนอื่นๆกลัวได้เลย
ถ้าเขาอยากจะทำให้บริษัทมีชื่อเสียงและมีความน่าเกรงขาม เขาก็จะต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายบนเส้นทางแห่งการเติบโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เสียก่อน
และตอนนี้หานลู่ อุปสรรคแรกของเขาก็ปรากฏขึ้นแล้ว ซึ่งหานลู่สองและหานลู่สามก็อาจจะปรากฏขึ้นตามหลังมาติดๆ
วิธีการต่างๆที่ใช้ปราบปรามผู้อื่นขององค์กรเหล่านี้ก็มีมากมายเช่นกัน และการเติบโตของเทียนหยุนก็อาจจะไม่ราบรื่นนัก
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved