ตอนที่ 125 ซื้อร้านค้าด้วยเงินสดเต็มจำนวน

บริษัทตัวกลางหาบ้านที่ปล่อยให้เช่าได้อย่างรวดเร็วมาก และพวกเขาก็โทรหาในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที ซึ่งมีบ้านหลายหลังที่ตรงตามเงื่อนไขและก็กำลังรอให้ฉินลู่ไปเลือก

ส่วนฉินหยุนไปที่ร้านขายรถในตอนเช้าของวันเดียวกัน และในที่สุดเขาก็รับรถพร้อมกับขับออกมา

แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ BMW แต่ก็เป็นรถรุ่นที่พบได้บ่อยที่สุด

สำหรับฉินหยุน รถเป็นเพียงยานพาหนะที่ใช้ขับขี่เท่านั้น หากจำเป็นจริงๆเขาก็สามารถขับรถราคา 1 ล้านหยวนของจ้าวเทียนเฉียงได้โดยตรง

จากนั้นฉินหยุนก็ขับรถคันใหม่พาพี่สาวไปดูบ้านเช่า หลังจากใช้เวลาทั้งเช้า ในที่สุดเธอก็เลือกหนึ่งในนั้นได้ จากนั้นเธอก็เริ่มย้ายของทั้งหมดออกจากหอพักเก่าทันที

เมื่อฉินหยุนไปช่วยฉินลู่ย้ายของจากหอพักเก่า เขายังได้พบกับจางอวี๋ชิงอีกด้วย และท่าทีของเธอนั้นสุภาพมาก แต่ฉินหยุนก็จากไปโดยไม่ได้กล่าวอะไรกับเธอเลยสักคำ

"ว้าว ทำเลที่ตั้งของบ้านหลังนี้ดีมาก!"

"สภาพแวดล้อมเงียบสงบ มีแสงสว่างเพียงพอ แถมการสัญจรก็สะดวกมากด้วย"

ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ฉินหยุนและพี่สาวของเขาเท่านั้นที่กำลังอยู่ในบ้าน แต่หยางเย่เจินและจ้าวเถียนก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ในตอนนี้เองที่หยางเย่เจินกล่าวขึ้น "เสี่ยวลู่ เธอไม่สามารถมีความสุขอยู่คนเดียวในบ้านหลังนี้ได้ เพราะงั้นเราเลยต้องการที่จะมาอยู่กับเธอด้วย และก็จะจ่ายค่าเช่าให้"

นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความปรารถนาในดวงตาของจ้าวเถียนอีกด้วย ตอนนี้เธอกำลังจะจบการศึกษาจากมหาลัยแล้ว ใครจะไปอยากเบียดเสียดอยู่ในหอพักเล็กๆกัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินลู่ก็ยิ้มพลางกล่าวว่า "บ้านที่ฉันเลือกมีสามห้อง แน่นอนว่าพวกเธอสามารถอยู่ในนั้นได้"

ก่อนหน้านี้ทั้งเธอหยางเย่เจินและจ้าวเถียน ต่างก็อาศัยอยู่ในหอพักเล็กๆของสำนักงานด้วยกัน ซึ่งก็มีหญิงสาวอีกคนจากสำนักงานพักอยู่ด้วยกันกับพวกเธอ

สมัยเรียนพวกเธอก็อยู่หอพักเดียวกัน  ถ้าตอนนี้มาอยู่ด้วยกัน บ้านหลังนี้ก็คงจะมีชีวิตชีวามากขึ้น

ฉินหยุนไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังจากทานอาหารกลางวันกันเสร็จ สามสาวก็ไปช้อปปิ้งต่อ ส่วนฉินหยุนไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่กำลังจะเปิดในจินหลิง

"บอสฉิน"

ในขณะนี้เอง ทั้งจ้าวเทียนเฉียงและฉินเสี่ยวเทา ต่างก็อยู่ที่นี่กันทั้งคู่ และเมื่อพวกเขาเห็นฉินหยุนเข้ามาใกล้ พวกเขาก็เดินไปหาทันที

ขนาดของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5,000 ตารางเมตร ซึ่งค่าเช่าก็ตกปีละ 400,000 หยวนเลย! ณ จุดนี้มันว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์

"บอสฉินครับ เครื่องจักรและสิ่งอื่นๆที่จำเป็นในโรงงาน ได้รับการสั่งซื้อมาเรียบร้อยแล้วครับ และพวกมันจะถูกย้ายมาที่โรงงานแห่งนี้ในอีกสองวัน ซึ่งการรับสมัครพนักงานจะเริ่มขึ้นในตอนนั้นด้วย หลังจากการรับสมัครเสร็จสิ้น โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งนี้สามารถเริ่มงานได้เลย" จ้าวเทียนเฉียงกล่าว

ฉินหยุนพยักหน้า

ด้วยประสบการณ์ที่เคยเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้ามาก่อน เขาจึงคุ้นเคยกับขั้นตอนต่างๆของมันเป็นอย่างดี ขณะฟังสิ่งที่จ้าวเทียนเฉียงรายงาน เขาก็จะเสนอความคิดเห็นของตัวเองเป็นครั้งคราว

"แม้ว่าอาคารโรงงานจะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังไม่ต้องรีบรับสมัครพนักงานเข้ามามากนัก ครั้งแรกรับเข้ามาแค่ 50 คนก่อน" เขาสั่งการกับจ้าวเทียนเฉียง

ตอนนี้ในเมืองจินหลิง ฉินหยุนได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าขึ้นมา 9 สาขาแล้ว และอีก 2 สาขาในเขตชิงอู๋ ทำให้เขามีร้านขายเสื้อผ้าทั้งหมด 11 สาขา อันที่จริงแล้วโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนในเขตชิงอู๋ที่มีพนักงาน 200 คน สามารถตอบสนองต่อความต้องการของร้านขายเสื้อผ้าในปัจจุบันได้อย่างเต็มที่ และต่อให้เขาเปิดร้านสาขาใหม่ขึ้นทุกเดือน ภายในโรงงานก็ยังมีสต๊อกเสื้อผ้าอีกเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นในขณะนี้เขาจึงไม่ได้รีบร้อนมากนัก และเขาจะค่อยๆขยายตัวไปอย่างช้าๆ

ถ้าเสื้อผ้าที่ค้างอยู่ในสต๊อกมีมากเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน

"นอกจากนี้ สำหรับร้านค้าสาขาใหม่ของเราที่จะเปิดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ร้านค้าขนาดเล็กที่มีพื้นที่ 40 ตารางเมตรทั้งสองร้าน เราจะเริ่มซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวน" ฉินหยุนสั่งการออกมาอีกครั้ง

"ซื้อที่ด้วยเงินสดเต็มจำนวน?" จ้าวเทียนเฉียงผงะ

"ใช่" ฉินหยุนพยักหน้า

พื้นที่ของร้านค้าต่างๆในเมืองจินหลิง ต่างก็มีราคาแพงมาก แม้ว่าจะมีขนาดแค่ 40 ตารางเมตร แต่คาดว่ามันน่าจะมีราคามากกว่าสองล้านหยวนเลย

ถ้าหากว่าเขาซื้อที่ตั้งร้านค้าด้วยเงินสดเต็มจำนวนนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารากฐานของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อก่อนเขามีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะใช้กับแนวคิดนี้ได้

แต่ตอนนี้เขามีเงินเป็นล้านแล้ว เขาสามารถเริ่มนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้ และเขาก็ไม่ได้ซื้อที่ตั้งร้านขนาดใหญ่ แต่เริ่มซื้อร้านขนาดเล็ก 2 ร้านก่อน เพราะมันซื้อได้ง่ายกว่า

ในอนาคต เมื่อกำไรต่อเดือนของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็จะจ่ายเงินสดเต็มจำนวนเพื่อซื้อร้านค้าขนาดใหญ่ได้อย่างแน่นอน!

หลังจากอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอีกสักพัก ฉินหยุนและจ้าวเทียนเฉียงก็กลับไปที่ร้านขายเสื้อผ้า

ขณะที่ฉินหยุนเพิ่งกลับมาถึง เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากจ้าวคังฮ่าว

เกี่ยวกับเรื่องนี้เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย วันนี้เป็นวันที่จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆออกไปเที่ยวกันไม่ใช่เหรอ? แล้วเขาจะโทรมาทำไม?

แต่ฉินหยุนก็ได้ลังเลอะไร เขากดรับสายทันที

"ฮัลโหล"

ไม่กี่วินาทีหลังจากที่กดรับสาย ฉินหยุนก็ตกตะลึงขึ้นทันที "ห้ะ ถูกหักคะแนนใบขับขี่!?"

จ้าวคังฮ่าวโทรมาเพราะถูกหักคะแนนใบขับขี่ถึง 10 คะแนน และใบขับขี่ของเขาก็ไม่เหลือคะแนนให้หักอีกแล้ว ซึ่งนอกจากเขาในหอพัก ก็มีเพียงแค่ฉินหยุนกับโจวผานเท่านั้นที่มีใบขับขี่ แต่ใบขับขี่ของโจวผานอยู่ที่บ้านเกิดของเขา และเขาก็ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย

ดังนั้นเขาจึงโทรหาฉินหยุน เพื่อขอให้เขาช่วยเอาคะแนนในใบขับขี่ไปหักคะแนนแทน และเขายินดีที่จะจ่าย 300 หยวนต่อคะแนน

จริงๆแล้วการซื้อ-ขายคะแนนในใบขับขี่ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ในหลายๆที่ไม่ได้เข้มงวดกับเรื่องนี้มากนัก

เมื่อทราบสาเหตุแล้ว ฉินหยุนจึงกล่าวว่า "เดี๋ยวฉันจะรีบไป"

หลังจากวางสายแล้ว ฉินหยุนก็มองไปที่สาวๆพนักงานในร้าน จากนั้นเขาก็เรียกผู้จัดการร้านมาหา

"บอสฉิน" ผู้หญิงในวัยสามสิบเดินมา เธอมองไปที่ฉินหยุนและรีบเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว

ผู้จัดการร้านเสื้อผ้าสาขาที่สามที่มีขนาดพื้นที่ 200 กว่าตารางเมตรคือจางอี้อี้ ตอนที่ฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าสามร้านแรก หูเชียนและเธอต่างก็เป็นผู้จัดการร้านขนาดเล็กที่มีพื้นที่ 40 ตารางเมตร แต่ตอนนี้พวกเธอได้เป็นผู้จัดการร้านสาขาขนาดใหญ่กันหมดแล้ว

"ผู้จัดการร้านจาง คุณลองถามสาวๆในร้านให้หน่อยว่ามีใครผ่านการสอบใบขับขี่และในขณะนี้ยังไม่มีรถอยู่บ้าง ผมต้องการให้เธอช่วยจ่ายคะแนนในใบขับขี่ให้หน่อย เดี๋ยวผมจะให้สามร้อยหยวนต่อหนึ่งคะแนน" ฉินหยุนเอ่ยถามเธอทันที

ตอนนี้เขาซื้อรถแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการโดนหักคะแนนใบขับขี่แน่นอน ตอนนี้ภายในร้านมีคนอยู่เยอะ บางทีอาจจะมีสักคนที่ไปสอบใบขับขี่มาแต่ยังไม่ได้ซื้อรถ ถ้าเป็นแบบนี้ก็สามารถขอหักคะแนนได้

"ได้ค่ะบอสฉิน เดี๋ยวฉันจะถามให้ทันที" จางอี้อี้พยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เดินไปที่พนักงานในร้าน

ในไม่ช้าเธอก็เดินกลับมาอีกครั้ง และข้างหลังเธอคือหญิงสาวผมสั้นคนหนึ่ง

ฉินหยุนจำได้ว่าเธอคือโจวเยว่ ลูกพี่ลูกน้องของหูซานซาน ซึ่งคือคนที่ฉินเสี่ยวเทาเคยกล่าวกับเขา

"บอสฉิน" โจวเยว่มองไปที่ฉินหยุน เธอเอ่ยทักทายอย่างแข็งทื่อเล็กน้อย

เธอเพิ่งเริ่มทำงานในร้านขายเสื้อผ้าได้ไม่นาน แต่สิ่งที่เธอได้ยินมากที่สุดคือคำชื่นชมจากพนักงานในร้านเกี่ยวกับฉินหยุน ฉินหยุนเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ และสามารถประสบความสําเร็จมาถึงขั้นนี้ได้ ซึ่งเธอเองเธอก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน

หลังจากเอ่ยทักทายเขาแล้ว โจวเยว่ก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง "บอสฉินคะ ในใบขับขี่ของฉันมีสิบสองคะแนน แต่ตอนนี้ใบขับขี่ของฉันอยู่ในบ้านเช่า"

เธอไม่มีรถ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้พกมันติดตัวมาด้วย

เธอรู้เกี่ยวกับการหักคะแนนในใบขับขี่เช่นกัน ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่มาก แถมการหักไป 3 คะแนนในครั้งนี้ก็ยังแลกกับ 900 หยวนอีก ดังนั้นเธอจึงเต็มใจทำอย่างแน่นอน

"ไม่เป็นไร ผมจะไปที่บ้านเช่ากับคุณ เราจะไปเอาใบขับขี่ จากนั้นก็จะไปสถานีตำรวจกัน" เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว ฉินหยุนก็พยักหน้าพลางกล่าวกับเธอทันที

จากนั้นเขาก็ขับรถพาโจวเยว่ไปที่บ้านเช่า แล้วก็ขับตรงไปที่สถานีตำรวจ

...

ด้านหน้าสถานีตำรวจ จ้าวคังฮ่าวอยู่ที่นี่ เขาชะเง้อมองไปที่ถนนในระยะไกลเป็นครั้งคราว

และในขณะนี้ก็มีหลายคนที่อยู่รอบๆจ้าวคังฮ่าว รวมไปถึงหลี่หานอวี่ในหอพักชายเช่นกัน

มีห้าคนจากหอพักหญิง แฟนสาวของเขา เจียงอี แฟนสาวของหลี่หานอวี่ จางเสี่ยวเยว่ จ้าวฉิง และก็หลินเมิ่งเมิ่ง

จ้าวคังฮ่าวรู้สึกหดหู่ใจมาก ตอนนี้ในเดือนพฤศจิกายน อากาศไม่ได้หนาวเกินไปหรือร้อนเกินไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะออกไปเที่ยวเล่นกัน และเขาก็คุยเรื่องยืมรถกับพ่อของเขาอยู่นานเลย ในที่สุดพ่อของเขาก็ตกลงที่จะให้เขาขับรถออกไป

การขับรถตอนเป็นนักนักศึกษาอยู่นั้นมันเป็นสิ่งที่สุดยอดมาก และมันจะสุดยอดมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณพาแฟนสาว พี่น้องในหอพัก หรือคนในหอพักของแฟนมาด้วย

แต่ประมาณช่วงเที่ยงรถที่เขาขับดันไปจอดในที่ห้ามจอด ซึ่งพวกเขาก็มารู้อีกทีเมื่อตอนที่ทานอาหารเที่ยงกันเสร็จและเดินกลับมาที่รถ พอมาถึงก็เจอเข้ากับใบสั่งที่แปะอยู่หน้ารถแล้ว

ท้ายที่สุดจ้าวคังฮ่าวก็ไม่เคยขับรถแบบจริงๆจังๆมาก่อนสักครั้ง ดังนั้นเขาจึงกังวลและก็รีบโทรหาพ่อของเขาทันที

แต่พ่อของเขาบอกว่าคะแนนในใบขับขี่ไม่พอให้หัก ดังนั้นพ่อจึงบอกให้เขาหาทางแก้สถานการณ์ไปก่อน

ขณะที่กระวนกระวายอยู่ เขาก็นึกถึงฉินหยุน และฉินหยุนก็บอกว่าเขาจะมาถึงในอีกสักครู่ ดังนั้นเขาจึงขับรถมารอที่สถานีตำรวจ

"จ้าวคังฮ่าว อีกนานไหมกว่าฉินหยุนจะมาถึง?" เจียงอีอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

ในเวลานี้มีร่องรอยของความไม่พอใจอยู่บนใบหน้าของเธอ

นี่เป็นครั้งแรกที่แฟนของเธอขับรถพาเธอและเพื่อนๆในห้องพักไปเที่ยว เธอภูมิใจในตัวเองมาก

เมื่อตอนออกจากหอพัก จางเสี่ยวเยว่ จ้าวฉิง และหลินเมิ่งเมิ่ง ต่างก็ชื่นชมเธอมาก โดยกล่าวว่าด้วยฐานะครอบครัวของจ้าวคังฮ่าว จากนี้ไปชีวิตของเธอจะดีมากแน่นอน แถมในอนาคตเธอสามารถนั่งรถไปยังสถานที่ต่างๆกับจ้าวคังฮ่าวได้ด้วย

เมื่อตอนช่วงเช้าเธอยังรู้สึกภูมิใจมากอยู่เลย แต่พอทานข้าวเที่ยงเสร็จก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นทันที

ในเวลานี้เธอจึงรู้สึกขายหน้าเล็กน้อย

(จบตอน)