ตอนที่ 226 ตัดขาดความเป็นพี่น้อง

ซูเฉียนและเจียงเล่ยคุ้นเคยกันดี ดังนั้นเธอจึงเอ่ยชื่อออกมาได้แทบจะทันที

เฉินกั๋วผิงพยักหน้า ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม

"ในที่สุดมหาลัยของเราก็มีชายหนุ่มที่โดดเด่นปรากฏขึ้นสักที!"

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหดหู่ใจมากที่หวังชิงเยี่ยนจากมหาลัยจินหลิงมาอวดเขาเกี่ยวกับเฝิงเทียนจวิน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนแบบเดียวกันอยู่ในมหาลัยของเขาด้วย แถมคนๆนั้นก็ยังยอดเยี่ยมกว่าเฝิงเทียนจวินเสียอีก!

เทียนหยุนก่อตั้งขึ้นโดยนักศึกษาปีหนึ่ง และถ้าหากข่าวเกี่ยวกับฉินหยุนแพร่กระจายออกไป มันจะกลายเป็นซิกเนเจอร์ของมหาลัยเจียงหยวนอย่างแน่นอน

"ครั้งนี้แบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนจะจัดการเรื่องเครื่องแต่งกายของนักศึกษาให้กับมหาลัยของเราฟรีๆ เราต้องทำเรื่องนี้ให้ดี ก่อนอื่นก็เพื่อเป็นการเพิ่มชื่อเสียงของเทียนหยุนภายในมหาลัย"

เฉินกั๋วผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม "นอกจากนี้ทางมหาลัยก็ควรจะแสดงทัศนคติบางอย่างออกไปสักหน่อย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองที่ข้างนอกนั่นได้ มหาลัยของเราก็ต้องให้การสนับสนุนแก่เขาบ้าง"

"ครับ/ค่ะ รองคณบดี" ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็พยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น

ใครบ้างไม่ต้องการให้มหาลัยของตนมีนักศึกษาที่มีความสามารถและโดดเด่น?

...

เหล่าผู้นำของมหาลัยเจียงหยวนกำลังพูดคุยด้วยความตื่นเต้น สำหรับเจียงเล่ยที่ปรึกษาชั้นเรียนบริหารธุรกิจของนักศึกษาปีหนึ่ง ในเวลานี้เธอกำลังทานอาหารกับหลินเยว่ซาน

"เยว่ซาน หลิวตันน้องสาวของหลิวซินอาการเป็นยังไงบ้าง?" เจียงเล่ยเอ่ยถามขณะมองไปที่เพื่อนสนิทของเธอ

เธอรู้เรื่องที่น้องสาวของหลิวซินป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธอก็เคยขอให้เหล่านักศึกษาในชั้นเรียนช่วยกันบริจาคให้เขาคนละเล็กคนละน้อยด้วย ซึ่งเธอเองก็บริจาคไป 3,000 หยวน

ต่อมาเธอได้รู้ว่าหลิวตันได้รับความช่วยเหลือจากแผนกการกุศลของเทียนหยุน และพวกเขาก็เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งหมด จากนั้นเธอก็ไปที่โรงพยาบาลและได้พบว่าหลินเยว่ซานเป็นผู้รับผิดชอบเคสของหลิวตัน

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องบังเอิญมากจริงๆ

แต่เมื่อเธอต้องการอยากรู้ว่าใครเป็นบอสของเทียนหยุน หลินเยว่ซานกลับเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เธอเอ่ยถาม

เมื่อได้ยินคำถามของเจียงเล่ย หลินเยว่ซานก็ยิ้มและพูดว่า "การรักษาเป็นไปด้วยดีมาก อีกไม่นานเธอก็น่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปพักฟื้นได้แล้ว"

"ดีมากเลย" เจียงเล่ยพยักหน้าพลางถอนหายใจ "เทียนหยุนของเธอนี่เป็นองค์กรที่มีมโนธรรมมากจริงๆ"

เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด หลินเยว่ซานก็กล่าวว่า "แน่นอนอยู่แล้ว เสี่ยวเล่ย ไม่ใช่ว่าเธอจะชวนฉันไปที่อาร์ทีมาร์ทเพื่อซื้อของงั้นเหรอ กินข้าวเสร็จเราไปที่นั่นกันเถอะ"

เมื่อได้ยินเช่นนี้เจียงเล่ยก็รู้สึกหมดหนทางอีกครั้ง เมื่อเธอเริ่มพูดถึงเทียนหยุนทีไรหลินเยว่ซานก็มักจะเปลี่ยนเรื่องตลอด

อย่างไรก็ตาม อันที่จริงหลินเยว่ซานก็ไม่ได้ต้องการทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ถ้าเกิดเธอหลุดพูดออกไป มันไม่ได้หมายความว่าเธอชอบพูดเรื่องลับหลังเจ้านายหรอกเหรอ?

ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง โทรศัพท์มือถือของเจียงเล่ยก็ดังขึ้น

"เลขาจ้าว"

เมื่อมองไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา เจียงเล่ยก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว

แต่หลังจากเอ่ยคำแรกไปได้ไม่กี่วินาที สีหน้าของเจียงเล่ยก็แข็งค้างไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า "เข้าใจแล้วค่ะเลขาจ้าว...ค่ะรับทราบค่ะ...ฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง"

หลังจากที่เธอพูดจบ อีกฝ่ายก็วางสายไป

"เสี่ยวเล่ย ที่มหาลัยของเธอโทรมางั้นเหรอ?" ฝั่งตรงข้าม หลินเยว่ซานถามด้วยความสงสัย

หลังจากจ้องไปที่หลินเยว่ซานสักครู่ จู่ๆเจียงเล่ยก็เอ่ยถามว่า "บอสของเธอที่เทียนหยุน คือฉินหยุนใช่ไหม?"

เมื่อหลินเยว่ซานได้ยินเช่นนี้ เธอก็ตกใจและพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า "เธอรู้ได้ยังไง!?"

แต่เธอก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะเสียงโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ เธอจึงรีบอธิบาย "เสี่ยวเล่ย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังเธอนะ"

"ให้ฉันตั้งสติก่อน"

ในขณะนี้เจียงเล่ยส่ายหัวไปมาพร้อมกับสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อของเธอ

ทางมหาลัยเพิ่งโทรมาบอกกับเธอ บอสของบริษัทเทียนหยุนก็คือฉินหยุน ซึ่งตอนนี้เป็นนักศึกษาปีหนึ่งของคณะบริหารธุรกิจ และเขาวางแผนที่จะบริจาคเครื่องแต่งกายนักศึกษาให้กับทางมหาลัยเป็นจำนวน 10,000 ชุด ทางมหาลัยจึงขอให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบคอยประสานงานกับฉินหยุน

กลายเป็นว่าบอสของเทียนหยุนที่โด่งดังคนนั้น แท้จริงแล้วเป็นลูกศิษย์ของเธอ!

"ไม่น่าแปลกใจที่น้องสาวของหลิวซินจะได้รับความช่วยเหลือจากเทียนหยุน"

เมื่อรู้ถึงตัวตนของฉินหยุนแล้ว เจียงเล่ยก็ตระหนักได้ทันที

ก่อนหน้านี้เธอมักจะรู้สึกว่าสิ่งต่างๆดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป แต่เธอก็หาไม่เจอว่าความบังเอิญแปลกๆนั้นมันอยู่ตรงไหน

แต่เมื่อคิดอีกทีหลิวซินเป็นรูมเมทของฉินหยุน และฉินหยุนก็รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของน้องสาวของเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ที่เขาจะลงมือช่วยในนามของเทียนหยุน

"หลินเยว่ซาน เธอปิดบังฉันได้เนียนมาก"

ด้วยความตกใจที่ยังหลงเหลืออยู่ เจียงเล่ยมองไปที่หลินเยว่ซานและพูดด้วยความโกรธว่า "ความเป็นพี่น้องกันของเราขาดกัน"

...

ฉินหยุนอยู่ในอารมณ์ดีมากขณะที่เขานั่งรถออกจากมหาลัย หลังจากวันนี้เทียนหยุนถือว่าได้รับการสนับสนุนจากมหาลัยเจียงหยวนแล้ว

แม้ว่ามหาลัยเจียงหยวนจะไม่ได้มีระดับสูงเท่ากับมหาลัยจินหลิง แต่ก็ไม่ควรประเมินค่าอำนาจของพวกเขาต่ำเกินไป

"ผู้จัดการจ้าว จากนี้ไปคุณจะเป็นคนรับผิดชอบประสานงานกับทางมหาลัยเจียงหยวน เรื่องเครื่องแต่งกายนักศึกษาและการปรับเปลี่ยนดีไซน์ต่างๆพยายามจัดการให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนเมษายน" ฉินหยุนสั่ง

"ได้ครับบอสฉิน" จ้าวเทียนเฉียงพยักหน้า

เมื่อเขาเดินทางมาถึงร้านขายเสื้อผ้า ตอนนี้ฉินเสี่ยวเทาก็บังเอิญอยู่ที่นี่เช่นกัน

"บอสฉิน" เมื่อเห็นฉินหยุนมาถึง ฉินเสี่ยวเทาก็เดินเข้าไปหา

"พี่เสี่ยวเทา มารับพี่สะใภ้งั้นเหรอ" ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของฉินเสี่ยวเทา และตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาที่หูซานซานเลิกงานแล้ว

"เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะบอกผู้จัดการร้านให้ ว่าถ้าเป็นวันหยุดของพี่ก็ให้พี่สะใภ้หยุดตรงกันกับพี่ด้วย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินเสี่ยวเทาก็รีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดว่า "ไม่เป็นไรเสี่ยวหยุน ซานซานเธอเข้ากะเช้า เดี๋ยวอีกสักพักเธอก็เลิกงานแล้ว"

เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ฉินหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

"ผู้อำนวยการฉิน มารับซานซานอีกแล้วเหรอคะ"

"ผู้อำนวยการฉิน กลับก่อนนะคะ!"

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อถึงเวลาเลิกงาน พนักงานขายบางคนก็พูดกับฉินเสี่ยวเทาด้วยรอยยิ้ม

และท่ามกลางกลุ่มคนหูซานซานก็เดินออกมาเช่นกัน

"เสี่ยวเทา?"

เมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทา หูซานซานก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอจึงเดินเข้าไปหาและพูดกับเขาว่า "ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้ไม่ต้องมารับฉันน่ะ"

ฉินเสี่ยว่าเทาเกาหัวของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม "วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน พอไม่มีอะไรทำฉันก็เลยมาที่นี่น่ะ ฉันซื้อขนมที่คราวที่แล้วเธอบอกว่าชอบมาด้วยนะ อยู่ในรถเลย นอกจากนี้เราไม่ได้ไปกินหม้อไฟจิ่วกงด้วยกันนานแล้ว เราไปที่นั่นกันเถอะ ฉันจองโต๊ะไว้แล้ว"

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวที่ผ่านมา หูซานซานเคยกล่าวว่าเธออยากจะกินอะไรร้อนๆจากร้านหม้อไฟจิ่วกง ดังนั้นวันนี้เขาจึงมาเซอร์ไพรส์หูซานซาน

เมื่อได้ยินเช่นนี้หูซานซานก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เอ่ยว่า "ก็ได้"

ทั้งสองไปกินหม้อไฟด้วยกัน และหลังจากกินเสร็จฉินเสี่ยวเทาก็พูดว่า "ซานซาน ช่วงนี้มีหนังใหม่สองสามเรื่องที่เพิ่งเข้าโรง เราไปดูกันเถอะ"

แต่คราวนี้หูซานซานส่ายหัวและพูดว่า "เอาไว้วันอื่นนะ วันนี้ฉันมีธุระบางอย่าง"

เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดฉินเสี่ยวเทาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาเอ่ยถามว่า "งั้นเธอจะไปไหน? เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง"

"ไม่เป็นไร"

หูซานซานยิ้มและกล่าวว่า "วันนี้เป็นวันหยุดที่หาได้ยากของนาย เพราะงั้นนายควรไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านให้เต็มที่จะดีกว่า"

ทั้งสองออกจากร้านหม้อไฟ ขณะที่เดินไปได้สองสามก้าว จู่ๆหูซานซานก็มองไปที่ด้านข้าง

ที่นั่น ดูเหมือนจะมีพนักงานขายบ้านคนหนึ่งกำลังยืนแจกใบปลิวอยู่

"คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงครับ ตอนนี้บ้านในตึกจงเหลียงหูไท่กำลังจะเปิดขาย ทำเลที่ตั้งสะดวกสบาย สภาพแวดล้อมก็เงียบสงบ… หากว่าสนใจสามารถลองแวะเข้าไปชมก่อนได้นะครับ"

พนักงานขายบ้านสังเกตเห็นสายตาของฉินเสี่ยวเทาและหูซานซาน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเขาจะเดาได้ว่าคนทั้งคู่รู้สึกสนใจเล็กน้อย เขาจึงรีบเดินเข้าไปหาพลางยื่นใบปลิวให้พวกเขาพร้อมกับเอ่ยแนะนำอย่างอบอุ่น

หูซานซานรับใบปลิวมาและค่อยๆดูอย่างระมัดระวัง

ข้างๆเธอ ฉินเสี่ยวเทาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เขาต้องการซื้อบ้านในจินหลิงเช่นกัน แต่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในจินหลิงนั้นแพงมาก แม้แต่บ้านขนาด 100 ตารางเมตรที่ดูธรรมดาๆก็ยังต้องมีเงินดาวน์อย่างน้อย 700,000 ถึง 800,000 หยวน และยังต้องผ่อนค่างวดอีกเดือนละหมื่นกว่า

(จบตอน)