"ทุกคน" จู่ๆฉินหยุนก็เอ่ยขึ้น
ทันใดนั้นทั้งร้านขายเสื้อผ้าก็เงียบลงทันที
"ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าจะปิดทำการชั่วคราว พวกคุณกลับไปก่อนและรอประกาศจากทางร้านอีกที ช่วงที่ทุกคนหยุดอยู่บ้านก็จะถือว่าเป็นการทำงานด้วย"
ฉินหยุนมองไปที่ทุกคนขณะกล่าวออกมา
ผู้คนประมาณ 20 กว่าคนมองไปที่ฉินหยุนซึ่งก็คือบอสหนุ่มของพวกเธอ แต่ไม่มีใครกล่าวอะไรออกมาเลย
"อย่างช้าสุดจะมีการแจ้งกลับไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ กรุณาอย่าเปลี่ยนเบอร์มือถือ ผมจะได้ติดต่อกับพวกคุณได้ตลอดเวลา"
"เอาล่ะ ทุกคนกลับไปได้เลย" พนักงานในร้านหลายคนถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า ใบหน้าของพวกเธอไม่มีรอยยิ้มเหลืออยู่เลย
"เฮ้อ.. เราไปกันเถอะ"
"กลับไปรอบอสประกาศกัน ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ ฉันหวังว่าร้านขายเสื้อผ้าของเราจะกลับมาเปิดได้อีกครั้ง"
พนักงานในร้านเหล่านี้ทยอยออกไปทีละคน
"ผู้จัดการร้านโจว คุณก็ควรกลับไปก่อน ผมจะติดต่อไปหาคุณอย่างช้าสุดภายในสามวัน" ฉินหยุนมองไปที่โจวจินหลันพลางกล่าวออกมา
"ค่ะ บอสฉิน" โจวจินหลันพยักหน้า
และเมื่อโจวจินหลันเดินออกจากร้านไป เหลือแค่เพียงฉินหยุนเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในร้านขายเสื้อผ้าตามลำพัง
เขาไม่ได้แตะต้องเสื้อผ้าในร้านหรือทำอย่างอื่นเลย แต่ปิดประตูร้านทันทีและเอาป้ายที่เขียนไว้ว่า ‘ปล่อยเซ้ง’ มาติดไว้ที่หน้าประตู
หลังจากนั้นฉินหยุนก็เดินทางไปที่ร้านค้าอีกสองแห่งโดยต้องการยกเลิกสัญญาเช่าเช่นกัน
เช่นเดียวกับที่ฉินหยุนคาดไว้ เจ้าของที่ทั้งสองคนที่เหลือก็ถูกซื้อตัวไปแล้วเรียบร้อย พวกเขาตั้งใจที่จะไม่คืนค่าเช่าให้ฉินหยุน ถ้าเขาอยากได้เงินส่วนนี้คืนเขาก็ต้องหาคนอื่นมาเซ้งต่อ
ในช่วงบ่ายของวันนั้น ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้ง 3 สาขาใหญ่ต่างก็ปิดทำการพร้อมกัน แต่สิ่งของภายในนั้นยังไม่มีสิ่งใดที่ถูกขนย้ายออกไป และที่หน้าประตูร้านทั้งสามแห่งก็มีคำว่าปล่อยเซ้งเขียนติดไว้เหมือนๆกัน
จนถึงตอนนี้ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้ง 9 สาขา ได้ทำการปิดร้านทั้งหมดลงแล้ว และดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไปร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เป็นที่นิยมอย่างมากจะปิดกิจการลงอย่างถาวร
...
"ปิดร้านหมดแล้วงั้นเหรอ?"
ในร้านเสื้อผ้าหานลู่ จั่วหานยิ้มพลางมองไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่ตั้งอยู่ไกลออกไป ซึ่งในขณะนี้ปิดร้านไปแล้ว
ในเวลาเพียง 20 วัน ร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุนก็ปิดตัวลง และแม้ว่าตอนนี้จะยอมปิดไปแล้ว แต่เจ้าของที่ก็ปฏิเสธที่จะคืนเงินค่าเช่าภายใต้สัญญาห้ามละเมิดข้อตกลงของเขาเอง ฉินหยุนจึงทำได้เพียงอธิษฐานให้คนมาเซ้งร้านต่อจากเขา
ทั้งเสื้อผ้าที่ค้างอยู่ในสต๊อก เงินเดือนของพนักงานที่ต้องจ่าย และค่ายใช้จ่ายอื่นๆภายในร้าน ตลอดจนความยากลำบากในการขอค่าเช่าร้านคืน นี่จะเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับฉินหยุนแน่นอน และตอนนี้เงินในมือของเขาก็น่าจะมีไม่เพียงพอ
ร้านค้าหลายๆแห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากปัญหาหลายอย่าง เช่นสิ่งของในร้านค้างสต๊อกอยู่มากเกินไป ค่าเช่าร้านที่ต้องจ่ายถึงแม้จะขายของไม่ได้ และสุดท้ายเพราะพวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าแรงให้พนักงาน จากนั้นพวกเขาก็หนีไปทันทีพร้อมกับเงินที่เหลืออีกบางส่วน นี่ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติ
อย่างไรก็ตาม จั่วหานไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจกับเรื่องเหล่านี้เลย
ยิ่งสถานการณ์ของฉินหยุนยากลำบากมากเท่าไร เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากจั่วหานแล้ว จางอี้อี้ก็กำลังเฝ้ามองอยู่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้เธอทรยศร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเพื่อมาที่นี่ ดังนั้นเธอจึงถูกคนอื่นๆในร้านเสื้อผ้าหานลู่ดูถูกอย่างเห็นได้ชัด และเธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยที่จะเผชิญหน้ากับคนของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน
อย่างไรก็ตาม เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลงแล้ว ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
"คิดถูกจริงๆที่เลือกแบบนี้" จางอี้อี้แอบคิด
เมื่อร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปิดตัวลง พนักงานในร้านก็ต้องตกงานแน่นอน ทั้งโจวจินหลัน หูเชียนและคนอื่นๆก็ต้องเริ่มหางานใหม่อีกครั้ง และแม้ว่าพวกเขาจะหางานใหม่ได้ เงินเดือนของพวกเขาก็น่าจะไม่ดีเท่าเธออย่างแน่นอน
"จางอี้อี้"
ในตอนนี้เอง จู่ๆจั่วหานก็เอ่ยขึ้น
"บอสจั่วคะ" จางอี้อี้ยืนด้วยความเคารพ
"ตอนนี้การแข่งขันระหว่างร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองร้านถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้เราจะเริ่มธุรกิจกันตามปกติ เริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้เลย ทั้งเสื้อผ้าและสินค้าอื่นๆในร้านจะกลับสู่ราคาปกติและจะไม่มีการจ้างหน้าม้ามาที่ร้านอีกต่อไป"
คำสั่งของจั่วหานออกมาอย่างต่อเนื่อง และในเวลานี้ ผู้ที่เฝ้าสังเกตดูสถานการณ์การต่อสู้ของร้านขายเสื้อผ้าทั้ง 2 แห่ง ก็ได้รู้ผลแพ้ชนะแล้วเช่นกัน
"ตามคาดเลย แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ได้รับชัยชนะในเวลาเพียงแค่ยี่สิบวันเท่านั้น"
"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ร้านของพวกเขาได้ยึดครองตลาดไว้คนเดียวมาจนถึงตอนนี้เลย แม้ว่าพวกเขาจะพยายามกันอย่างเต็มที่ แต่ท้ายที่สุดก็จบลงในลักษณะนี้ อยู่ได้เพียงแค่สามเดือนเท่านั้นเอง"
"อันที่จริง ตั้งแต่ตอนที่หานลู่ถูกแย่งลูกค้า เทียนหยุนก็ถึงคราวซวยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว"
"แม้ว่าจะไม่มีเทียนหยุนอีกแล้ว แต่ในครั้งนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะต้องเริ่มขยายสาขาขนาดใหญ่ในซูโจวแน่นอน และธุรกิจของเราก็จะยากยิ่งขึ้นเหมือนเดิม"
เจ้าของร้านขายเสื้อผ้ารอบๆต่างก็พูดคุยสนทนากัน หลังจากที่ได้ดูการแสดงที่ดีนี้
...
"เข้าใจแล้วค่ะป้าสะใภ้รอง เดี๋ยวหนูจะคุยกับหลานหลานเรื่องนี้เอง" เซียวเฉียนเฉียนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในอาคารสำนักงานของบริษัทจวินชิง
หลังจากคุยกับปลายสายได้สักพัก โทรศัพท์ก็ถูกวางสายไป
มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอ เซียวเฉียนเฉียนส่ายหัวพลางกล่าวว่า "ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปิดตัวลงแล้ว และร้านเสื้อผ้าหานลู่บนถนนย่านการค้าที่เขตเจียงหนิงก็กำลังกำหนดเป้าหมายใหม่เป็นเรา"
ระหว่างการแข่งขันทางธุรกิจ ไม่มีคำว่ามิตรไมตรีต่อกันและกัน ไม่ว่าความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายจะเป็นอย่างไร แต่ตราบใดที่ยังเป็นคู่แข่งกัน ก็ต้องปราบปรามกันจนกว่าจะได้ผู้ชนะ
"ไม่ต้องห่วง แม้ว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่นั้นจะทรงพลังมาก แต่กำลังหลักของพวกเขาก็อยู่ในมณฑลเจ้อเจียง และที่จินหลิงนี่ พวกเขาก็น่าจะใช้ความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ไม่มากนัก" เฝิงเทียนจวินยิ้มพลางกล่าวออกมา
"นอกจากนี้ เราก็ไม่เหมือนกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วย"
เขากล่าวด้วยเสียงเบาๆว่า "มีสองสาเหตุที่ทำให้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนล้มลงในครั้งนี้ หนึ่งคือ มันขยายตัวเร็วเกินไป พวกเขากล้ามากที่จะเปิดร้านติดต่อกันเก้าสาขาในเวลาแค่สามเดือน เท่าที่ผ่านมาฉันยังไม่เคยเห็นใครที่กล้าทำแบบนี้เลย อย่างที่สองคือ เมื่อเผชิญกับการปราบปรามของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ พวกเขาเลือกที่จะต่อสู้แบบประจันหน้า ถ้าเป็นฉัน ฉันจะพยายามหลีกเลี่ยงแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ให้เร็วที่สุด และค่อยๆรวบรวมพลังของตัวเองอย่างเงียบๆ ถึงยังไงก็ไม่สามารถแข่งกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ได้อยู่ดี"
เมื่อเผชิญกับการกดขี่เช่นนี้ ฉินหยุนนั้นก็อ่อนแอมากอยู่แล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะต่อสู้แบบประจันหน้าในแนวสนามรบเสียอย่างนั้น มันคงจะเป็นเรื่องแปลกถ้าหากว่าไม่ล้มเหลวแบบนี้
เซียวเฉียนเฉียนยิ้มและกล่าวว่า "น่าเสียดายที่ฉินหยุนไม่ได้เลือกทำเช่นนี้"
"ใช่ แต่สำหรับเขา คิดได้ตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว"
เฝิงเทียนจวินยิ้มพลางกล่าวขึ้นต่อ "แต่ว่า เมื่อสามารถสร้างธุรกิจเหล่านั้นขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้โดยพึ่งแค่ตัวเอง เราก็ไม่ควรประเมินความสามารถของฉินหยุนต่ำเกินไป บางทีในอนาคตเขาอาจจะฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวเฉียนเฉียนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอกล่าวว่า "คุณค่อนข้างมองฉินหยุนในแง่ดีเลยนะ"
เฝิงเทียนจวินยิ้ม เขาเองก็ทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นทีละขั้นจากจุดเริ่มต้นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะพึ่งพาความสามารถของครอบครัวบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาใช้ความสามารถของตัวเองในการมาถึงจุดนี้เหมือนกัน
"ยังไงก็ตาม แม้ว่าเขาจะกลับมาได้ แต่ก็น่าจะเป็นในอุตสาหกรรมอื่น ไม่ใช่อุตสาหกรรมเสื้อผ้า"
เฝิงเทียนจวินมองออกไปในระยะไกล และกล่าวขึ้นเบาๆว่า "เพราะแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะไม่ยอมให้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน"
ถ้ามันปรากฏขึ้น สิ่งที่รออยู่ก็คือการปราบปรามจากแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่อีกครั้ง!
...
"พี่สาวฉินเยว่ โชคดีที่เราไม่ได้ไปทำงานที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ไม่อย่างนั้นตอนนี้เราคงต้องตกงานกันแน่นอน"
ในเวลานี้ จางฉินเยว่ก็อยู่ที่อาคารสำนักงานของบริษัทจินชิงเช่นกัน และหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอ ซูซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในตอนแรกจางฉินเยว่ไปสมัครงานที่เทียนหยุน โดยต้องการหุ้นเป็นค่าตอบแทน แต่เธอกลับถูกฉินหยุนปฏิเสธแทบจะทันที จากนั้นเธอจึงเข้าร่วมกับบริษัทจวินชิง
สำหรับการที่ฉินหยุนปฏิเสธจางฉินเยว่และเลือกจ้าวเทียนเฉียงนั้น หญิงสาวที่ชื่อซูซานไม่พอใจกับเรื่องนี้มาก แต่หลังจากนั้นเมื่อเทียนหยุนขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความมั่นใจของเธอจึงลดน้อยลงเรื่อยๆ
แต่ตอนนี้เทียนหยุนซึ่งเต็มไปด้วยความนิยมกลับปิดตัวลงแล้ว!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเธอ ใบหน้าของจางฉินเยว่ก็ไม่ได้มีคลื่นอารมณ์ใดๆ เธอกล่าวว่า "ซูซาน การทำธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ ความเจริญรุ่งเรืองแค่ชั่วคราวนั้นไม่มีอะไรให้พูดถึงเลย เมื่อไปถึงจุดสิ้นสุดจริงๆได้ต่างหาก จึงจะถือว่าเป็นผู้ชนะ"
"ฉันรู้แล้วค่ะ" ซูซานกล่าวตอบรับพลางพยักหน้าอย่างจริงจัง
ในเวลานี้จางฉินเยว่มองออกไปในระยะไกล และแอบกล่าวอยู่ภายในใจของเธอว่า ‘เดาว่าตอนนี้ฉินหยุนน่าจะต้องเผชิญกับปัญหามากมายแน่นอน’
ร้านค้าทั้งหมดต้องปิดตัว ไม่ว่าจะเป็นเฝิงเทียนยวิน จั่วหาน หรือแม้แต่จางฉินเยว่ พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีความคิดที่เหมือนกันว่า ในเวลานี้ฉินหยุนน่าจะต้องกำลังหงุดหงิด ทำอะไรไม่ถูกและเสื่อมโทรมลงแน่นอน
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved