ตอนที่ 194 ปิดร้านเสื้อผ้าหานลู่

"เริ่มเปิดร้านได้เลย" มองไปที่โจวจินหลัน ฉินหยุนสั่ง

ด้วยความคิดของเขา จู่ๆดวงแสงของค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองที่อยู่ในจิตใจก็ลอยออกมา มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นก็ครอบคลุมทั้งร้านค้าที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างสมบูรณ์ทันที

หลังจากนั้น ฉินหยุนก็ไปที่สถานที่อีกสองแห่งเพื่อจัดวางค่ายกลรวบรวมโชคลาภ

ร้านค้าเล็กๆทั้งสองแห่งจะเปิดขึ้นในเช้าของวันที่ 2

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินหยุนก็เดินทางกลับไปที่เมืองจินหลิง

"บอสฉิน ของพวกนี้คืออะไรเหรอครับ?" ในขณะนี้เอง จ้าวเทียนเฉียงมองไปที่สิ่งของที่วางอยู่ข้างหน้าเขาพลางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

มีทั้งโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ วางกองรวมกันไว้มากมาย

ประมาณคร่าวๆของทั้งหมดนี้น่าจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านหยวนเลยทีเดียว!

"ของพวกนี้เป็นสิ่งที่จัดเตรียมไว้เพื่องานเลี้ยงเทียนหยุนของเราเอง"

ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม สิ่งของต่างๆเหล่านี้คือสิ่งที่เขาปล้นมาจากหานลู่

"ผู้จัดการจ้าว การเตรียมงานประชุมประจำปีเป็นยังไงบ้าง?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงก็รีบกล่าวออกมาว่า "กำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการครับ แต่เรายังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนเลย"

ฉินหยุนพยักหน้า

ตอนนี้เข้าสู่เดือนมกราคมแล้ว ซึ่งอีกประมาณ 20 วันก็จะถึงวันตรุษจีน และสิ้นปีเทียนหยุนจะทำการสรุปยอดขายประจำปีออกมา แน่นอนว่าจำเป็นจะต้องมีรางวัลให้กับพนักงานด้วย

ถ้าไม่มีแม้แต่อั่งเปาในวันตรุษจีน ก็อาจจะไม่ต้องพูดถึงการสร้างแบรนด์อะไรเลย

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งฉินหยุนก็กล่าวออกมา "งานประชุมประจำปีจะจัดขึ้นวันที่ 5 และในวันนั้นพนักงานจากร้านค้าทั้ง 15 สาขาจะต้องมาเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย"

"นอกจากนี้ เอาเงินจากบัญชีของบริษัทออกมาสัก 500,000 หยวน ไม่นับพนักงานในร้านสาขาใหม่ นับเฉพาะในบรรดาร้านค้าที่เปิดขึ้นก่อนทั้งสิบสองสาขา ร้านค้าสาขาเล็กทั้งแปดร้านให้เลือกพนักงานดีเด่นออกมาสาขาละหนึ่งคน ร้านค้าสาขาใหญ่สี่ร้านเลือกพนักงานดีเด่นออกมาสาขาละสี่คน รวมทั้งหมดยี่สิบสี่คน แบ่งเงินให้พนักงานดีเด่นทั้งหมดคนละ 5,000 หยวน ส่วนของรางวัลและเงินที่เหลือจาก 500,000 หยวนก็ให้พนักงานทั้งหมดจับฉลากแบ่งกัน"

ควรใช้ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เขาไม่ได้ขาดแคลนเงินจนต้องเอาของเหล่านี้ไปขาย

ตอนนี้เทียนหยุนกำลังพัฒนาอย่างมั่นคงและแข็งแรง กำไรของเขาก็สะสมเพิ่มมากขึ้น ยิ่งผ่านไปนานความเร็วในการสะสมของมันก็จะมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

ในท้ายที่สุดอาจจะทำให้ฉินหยุนมีกำไรมากถึงหลายร้อยล้านต่อเดือนเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนสิ่งนี้ยังเป็นเรื่องของอนาคตอยู่

จ้าวเทียนเฉียงพยักหน้า เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า "คนที่มีสิทธิ์จับสลากนับรวมกับพนักงานพาร์ทไทม์ด้วยไหมครับ?"

เทียนหยุนไม่ได้มีเพียงพนักงานประจำเท่านั้น แต่ยังมีพนักงานพาร์ทไทม์อยู่อีกด้วย เมื่อเทียบกับพนักงานประจำแล้วงานพาร์ทไทม์ใช้เวลาไม่นานนัก

"แน่นอน!"

ฉินหยุนกล่าวโดยไม่ลังเล "ใครก็ตามที่ทำงานในเทียนหยุน สามารถที่จะเข้าร่วมการจับสลากได้"

"ได้ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ทันที" จ้าวเทียนเฉียงรับคำ

ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงกำลังมีความสุขมาก

พอสิ้นเดือนเขาก็จะได้รับเงินเดือนตามปกติ และเมื่อถึงสิ้นปีเขาก็จะได้รับโบนัสสิ้นปีด้วย

เมื่อตอนที่เขาสมัครงาน ฉินหยุนตกลงกับเขาว่าจะมีเงินเดือนให้เขาปีละ 200,000 หยวนและโบนัสสิ้นปีอีก 100,000 หยวน แน่นอนว่าโบนัส 100,000 หยวนนั้นต้องเป็นการทำงานครบระยะเวลาหนึ่งปีก่อน แต่เขาเข้าทำงานในเดือนสิงหาคม และมันเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นจำนวนที่เขาจะได้มันก็ขึ้นอยู่กับที่ฉินหยุนจะให้

"ถ้าได้โบนัสสิ้นปีสัก 50,000 ครอบครัวของฉันก็สามารถย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ได้แล้ว"

จ้าวเทียนเฉียงตั้งตารออย่างเงียบๆ

ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆขนาด 70 ตารางเมตรมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ซึ่งเขาต้องการให้ภรรยาและลูกสาวของเขาได้อยู่ในบ้านหลังที่ใหญ่กว่ามาโดยตลอด ตอนนี้ความเร็วในการทำกำไรของเทียนหยุนนั้นสูงมาก และมันก็เร็วกว่าเทียนอี้เตี๋ยที่เขาเคยอยู่ในตอนนั้นอีก ดังนั้นเป้าหมายของเขาอาจจะสามารถสำเร็จได้

...

เทียนหยุนกำลังวางแผนจัดงานประชุมประจำปี ในขณะที่จั่วหานกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีอย่างยิ่ง

ในร้านเสื้อผ้าหานลู่ มีลูกค้าบางคนมาโวยวายเพื่อขอคืนสินค้า

ก่อนหน้านี้มีการถ่ายทอดสดงานจับสลากของหานลู่ขึ้น จากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่คนหลายคนก็นำตั๋วลอตเตอรี่ที่จับได้รางวัลมาขอรับของรางวัลกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ทันที และเรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

มีคนถ่ายวิดีโอไว้ด้วย และคนหนุ่มสาวที่มาเพื่อรับของรางวัลโดยเฉพาะก็เอ่ยปฏิเสธว่า "หยุดถ่ายๆ เราไม่ใช่พนักงานของหานลู่"

วิดีโอดังกล่าวถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตด้วย

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะโกงการจับสลากในงานขนาดใหญ่เช่นนั้น แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏให้เห็นต่อหน้าต่อตาคนมากมายแล้ว โดยเฉพาะกับผู้ที่ซื้อเสื้อผ้าของหานลู่เพื่อต้องการจะลุ้นรางวัล พวกเขารู้สึกโกรธมาก

ซึ่งแม้ว่าหานลู่อาจจะไม่ได้โกงจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้เพื่อหาเหตุผลแล้ว และแทนที่จะคิดเรื่องนี้ พวกเขาเลือกที่จะระบายความคับข้องใจใส่หานลู่ตรงๆเลย

ดังนั้นในช่วงเวลาแค่สั้นๆ จึงมีหลายคนมาขอคืนเสื้อผ้า

"มันเกิดอะไรขึ้นกัน?" หัวใจของจั่วหานเต็มไปด้วยความโกรธ และเขาก็คิดว่าฉินหยุนอาจจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่รับผิดชอบตั๋วลอตเตอรี่เหล่านั้นเอง แล้วฉินหยุนจะไปทำอะไรกับตั๋วพวกนั้นได้อย่างไร?

เดิมทีอีเวนต์นี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ แต่การมาถึงของคนหนุ่มสาวเหล่านั้นกลับทำให้งานจับสลากพังยับเยินลงในที่สุด!

เสื้อผ้าที่ขายไปก่อนหน้านี้ก็ถูกส่งคืนแถมก็ยังเสียเงินไปเปล่าๆอีกสามล้านหยวน ยิ่งไปกว่านั้นคราวที่แล้วชื่อเสียงของหานลู่ก็เคยเป็นกระแสร้อนแรงในอินเทอร์เน็ตมาก่อน แต่มันเป็นชื่อเสียงที่ไม่ดี

คราวนี้ความฉาวโฉ่เรื่องการจับสลากขยายออกไปเป็นวงกว้างอีกครั้ง ซึ่งก็มีการวิจารณ์กันสนั่นโซเชียลเลย

ขณะที่แววตาของเขากำลังมืดมน จู่ๆโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

ไม่ถึง 2-3 วินาทีหลังจากรับสาย สีหน้าของจั่วหานก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดเพิ่มอีกสามสาขาในเมืองหรงหยาง แถมพวกเขายังอยู่ใกล้ร้านเสื้อผ้าหานลู่ของเราด้วย?"

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้งอย่างกะทันหัน ในขณะนี้เขารู้สึกเสียใจมาก เทียนหยุนยังคงกดดันไม่เลิก!

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้สึกสนใจพวกเทียนหยุนมากนัก แต่ในขณะนี้จั่วหานรู้สึกเพียงว่าเขากำลังถูกบีบโดยคู่ต่อสู้ที่เขาไม่เคยให้ความสนใจอยู่ ราวกับว่าอีกฝ่ายใช้มือเล็กๆบีบคอเขาจนหายใจไม่ออก

"เหอะ! ฉันต้องใจเย็นๆเข้าไว้ ระหว่างทางที่หานลู่เติบโตขึ้นมาไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับความยากลำบากมากแค่ไหน เมื่อเทียบกันแล้วอุปสรรคเล็กๆในตอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลย"

จั่วหานบังคับตัวเองให้สงบสติลง พลางคิดอย่างเงียบๆเกี่ยวกับมาตรการที่จะใช้ตอบโต้

ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่สิ้นหวัง ก็ต้องมีหนทางที่จะเผชิญหน้ากับมัน

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้คิด สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

...

ที่หน้าร้านเสื้อผ้าหานลู่ มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอด จากนั้นผู้หญิงวัย 40 กว่าๆก็ลงมาจากรถ ผู้หญิงคนนั้นมีสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมมาก เธอถือเอกสารบางอย่างไว้ในมือ และก็มีผู้ช่วยอีก 2 คนตามติดอยู่ข้างหลังของเธอ

"ผู้อำนวยการซุน" เมื่อมองไปที่บุคคลที่มา จั่วหานก็ออกไปต้อนรับเธอด้วยตัวเอง

ผู้หญิงคนนี้ชื่อซุนเฉียน เธอมาจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทหานลู่ และเธอก็อยู่...ฝั่งเดียวกับพี่ชายของเขาด้วย

"ผู้จัดการจั่ว"

ซุนเฉียนมองไปที่จั่วหาน เธอเปิดเอกสารในมือของเธอออกมาพลางกล่าวว่า "คุณเริ่มรับผิดชอบดูแลสาขาหานลู่ของเราในมณฑลเจียงซูเมื่อตอนต้นเดือนพฤศจิกายน และตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว ในช่วงเดือนธันวาคมสาขาของเราที่เจียงซูโดยเฉพาะในเมืองจินหลิง ใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้ทำกำไรให้กับบริษัทเลย"

"โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมตั้งแต่วันคริสต์มาสจนถึงวันปีใหม่ เราใช้เงินไปหลายล้านหยวนกับสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ใดๆ แถมผลกระทบเชิงลบของร้านเสื้อผ้าหานลู่ก็ยังขยายออกไปอีก"

"หลังจากการตัดสินของคณะกรรมการ คุณจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้รับผิดชอบฝ่ายการตลาดสาขามณฑลเจียงซู ซึ่งฉันจะเป็นคนดูแลที่นี่ต่อเป็นการชั่วคราว!"

ซุนเฉียนกล่าวออกมาด้วยความใจเย็น เห็นได้ชัดว่าทางสำนักงานใหญ่ให้ความสำคัญกับจั่วหานมาก แถมยังให้โอกาสจั่วหานได้แก้ตัวเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย

แค่ให้จัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน กลับมีเหตุการณ์ที่ฝั่งตัวเองถูกแฉ แถมกิจกรรมระหว่างวันคริสต์มาสและวันปีใหม่ก็ยังใช้เงินไปเป็นจำนวนมาก แต่ชื่อเสียงของหานลู่กลับได้รับผลกระทบมากขึ้นเรื่อยๆ

ในที่สุดทางสำนักงานใหญ่ของบริษัทหานลู่ก็ปล่อยวางและเลือกที่จะยอมแพ้ในตัวของจั่วหาน จากนั้นพวกเขาได้ส่งซุนเฉียนมาเคลียร์สถานการณ์ที่นี่ทันที

เมื่อได้ยินคำกล่าวของซุนเฉียง สีหน้าของจั่วหานก็เปลี่ยนไป

เขากำหมัดแน่นจนปลายนิ้วของเขากลายเป็นสีขาวซีด ในที่สุดเขาก็พยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ผมยอมรับคำตัดสินของบริษัท"

ก่อนหน้านี้เขาได้ตัดสินใจที่จะต่อสู้จนตัวตาย แต่เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้ล้มเหลวลงไปเรียบร้อยแล้ว

"หลินหู่"

เมื่อเห็นว่าจั่วหานยอมรับคำตัดสิน ซุนเฉียนจึงมองไปที่ชายวัยกลางคนข้างๆเขา เธอกล่าวกับเขาว่า "ตอนนี้ฉันขอออกคำสั่งให้ร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้งสิบเอ็ดสาขาในเมืองจินหลิงปิดร้านชั่วคราว"

เมื่อได้ยินคำกล่าวของซุนเฉียน หลินหู่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร แต่สีหน้าของจั่วหานก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขากล่าวขึ้นมาว่า "ผู้อำนวยการซุน เทียนหยุนได้แข่งขันกับหานลู่ของเรามานานกว่าสองเดือนแล้ว ถ้าหานลู่ของเราเริ่มที่จะเป็นฝ่ายปิดร้านก่อน ไม่ได้หมายความว่าเรากลัวพวกเทียนหยุนงั้นเหรอ?"

เขาคิดว่าซุนเฉียนมาที่นี่เพื่อต่อสู้กับเทียนหยุนต่อ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะยอมแพ้ในทันทีที่มาถึง

(จบตอน)