ตอนที่ 209 โจวซินหยาและถังเซี่ยวเซี่ยว

แต่ละคนต่างก็รู้สึกตกใจมาก ในขณะที่อู๋หมิงเฟิงยิ้มและพูดว่า "ฉินหยุน คิดไม่ถึงเลยว่านายจะทำธุรกิจได้เก่งขนาดนี้ ฉันไม่ได้เจอนายแค่ปีเดียวเอง แต่นายกลับสร้างกิจการที่ใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นมาได้"

เขากล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฉินหยุนก็ยิ้มและพูดว่า "มันแค่บังเอิญน่ะพี่หมิงเฟิง"

เขารู้ดีถึงนิสัยชอบอวดของฉินเซี่ยหลันป้าใหญ่ของเขา แต่จริงๆแล้วเธอไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่พูดทำนองว่าจะช่วยหางานให้หรอก

"เอาล่ะๆ ครอบครัวเดียวกันก็ต้องสมานฉันท์กัน เสี่ยวหยุนมีความสามารถ และก็เป็นเรื่องดีที่ได้ช่วยเกื้อหนุนคนในครอบครัว"

ในขณะนี้เองผู้เฒ่าฉินกล่าวขึ้นมา

ตอนนี้เขาพอใจมาก เมื่อก่อนทั้งครอบครัวของลูกชายและลูกสาวของเขาต่างก็มีความทุกข์ยาก เขาหวังอยู่เสมอว่า ครอบครัวของลูกชายและลูกสาวของเขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้นและคอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

ตอนนี้ฉินหยุนเริ่มทำธุรกิจของเขาเอง ทุกคนต่างก็ได้รับความช่วยเหลือจากเขาในระดับหนึ่ง และแต่ละคนก็เริ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว

แม้ว่าเขาจะหลับไปตอนนี้ เขาก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไป

"พ่อพูดถูก เสี่ยวหยุนมีความสามารถ ต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน"

ป้ารองฉินตงเหมยก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นคนทั้งตระกูลก็นั่งทานอาหารกลางวันด้วยกัน และฉินหยุนก็เป็นศูนย์กลางของหัวข้อสนทนาอย่างไม่ต้องสงสัย ลุงเขยอู๋ข่ายถึงกับเข้ามานั่งคุยกับฉินหยุนอยู่เป็นเวลานาน จนล่วงเลยถึงช่วงบ่ายทุกคนจึงค่อยๆแยกย้ายกันกลับ

...

ในวันที่ 2 ฉินหยุนขับรถพาพ่อกับแม่และพี่รองฉินลู่ไปที่บ้านของลุงรองอีกครั้ง

"พี่ฉินหยุน"

จ้าวตงเสวี่ยก็อยู่ที่บ้านเช่นกัน เมื่อเธอเห็นฉินหยุนเดินเข้ามา เธอก็วิ่งออกไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ป้าเล็ก ลุงเขย"

จากนั้นเธอก็เอ่ยทักทายฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยด้วยความเชื่อฟัง

"โอ้ กั๋วตงกับเสี่ยวเหมยเองเหรอ เข้ามาก่อนๆ" ป้าสะใภ้รองกระตือรือร้นมากเมื่อเธอเห็นคนสองสามคนเดินเข้ามา

ก่อนหน้านี้ลุงรองจ้าวเจียฝูเดินทางไปที่จินหลิงด้วยตัวเอง และเธอก็ได้รู้สถานการณ์ของฉินหยุนจากเขา ในเมืองจินหลิง ธุรกิจของหลานชายของเธอกำลังใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ แถมเขายังมีร้านสาขาอยู่ที่นั่นมากถึงสิบกว่าแห่งเลยด้วย!

เธอยังได้ยินจากลูกสาวของเธออีกว่า เมื่อตอนที่หลานชายของเธอจัดงานเลี้ยงบริษัท เขาได้เอาเงินออกมา 500,000 หยวนเพื่อให้เหล่าพนักงานจับฉลากแบ่งกัน!

เมื่อสามารถนำเงินออกมาได้มากขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าธุรกิจของเขาไปได้ดีขนาดไหน

ในเวลานี้ทั้งลุงๆป้าๆจากที่อื่นก็มาที่นี่ด้วยความกระตือรือร้นเช่นกัน

เมื่อพ่อแม่ของหยูเสี่ยวถิงเพื่อนสนิทของจ้าวตงเสวี่ย รู้ว่าฉินหยุนและคนอื่นๆกำลังจะมา และพวกเขาก็มาที่นี่พร้อมกับสิ่งของต่างๆของพวกเขา พวกเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอบคุณฉินหยุนสำหรับการดูแลหยูเสี่ยวถิง

หลังจากไปเยี่ยมบ้านลุงรองเพื่ออวยพรปีใหม่แล้ว ในวันที่ 3 ครอบครัวของฉินซวนพี่ใหญ่ของฉินหยุนก็มาหาที่บ้าน

"พี่ใหญ่ พี่เขย" ฉินหยุนเข้าไปช่วยพวกเขายกของลงจากรถ

"คุณน้า!"

หลี่จุนหลานชายตัวน้อยรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความมีชีวิตชีวา

เขาได้ยินจากพี่ใหญ่ว่าหลี่จุนกลายเป็นหัวหน้าของเด็กๆที่โรงเรียนไปแล้ว และเขาก็ทำให้พวกคุณครูปวดหัวกันหนักมาก

"เสี่ยวหยุน" ฉินซวนพูดด้วยรอยยิ้ม "พรุ่งนี้ทุกคนต้องไปที่บ้านของพี่นะ"

ในเวลานี้ฉินซวนเป็นผู้รับผิดชอบโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่มีพนักงานอยู่ 200 คนและร้านค้าอีก 4 แห่ง เงินเดือนของเธอคือ 30,000 หยวน

สิ่งเหล่านี้เป็นน้องชายที่มอบให้เธอ

"พรุ่งนี้น่าจะไม่ได้ ลุงรองกับคนอื่นๆบอกว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะมาที่นี่" ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

หลายปีที่ผ่านมาพวกเขามักจะเป็นฝ่ายไปหาที่บ้านของลุงรอง แต่ครั้งนี้ลุงรองบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะมาที่นี่แน่นอน

ในช่วงตรุษจีนปีนี้ ทั้งครอบครัวของฉินหยุนมีชีวิตชีวากว่าปีที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด มีหลายๆคนจากหมู่บ้านแวะมาหาที่บ้านเป็นครั้งคราวเพื่อส่งคำอวยพรปีใหม่

ประเด็นสำคัญคือมี 7-8 ครอบครัวเลยที่มีคนในบ้านไปทำงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เป็นของฉินหยุน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสวัสดิการที่ดี ค่าจ้างที่สูง และชั่วโมงการทำงานก็สั้นกว่าโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอื่นๆมาก

ดังนั้นคนเหล่านี้จึงมาอวยพรปีใหม่ในช่วงวันตรุษจีนโดยเฉพาะ

สำหรับคนอื่นๆในหมู่บ้าน แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้เข้าไปทำงาน แต่ตระกูลฉินก็ถือว่ามีฐานะขึ้นมาแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเหมาะสมสำหรับพวกเขาที่จะมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีไว้ บางทีในอนาคตพวกเขาอาจจะมีโอกาสเข้าไปทำงานในโรงงานก็ได้

ในวันที่ 4 พวกลุงรองกับป้าสะใภ้รองมาเยี่ยมที่บ้าน และในวันที่ 5 เขาก็ไปที่บ้านของพี่ใหญ่ฉินซวน ...

ในช่วงตรุษจีนทั้งหมด ทุกๆคนต่างก็ต้องแวะไปเยี่ยมเยียนเหล่าญาติๆของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าญาติๆเหล่านั้นจะอาศัยอยู่ที่เดียวกันทั้งหมด ตรุษจีนในวันที่ 4 หรือ 5 ก็ต้องไปเยี่ยมญาติฝั่งพ่อ วันที่ 6 ก็ต้องเดินทางไปเยี่ยมญาติฝั่งแม่ หรือไม่ก็ต้องรอต้อนรับพวกลุงๆป้าๆที่จะมาเยี่ยมที่บ้าน ต้องทำสิ่งเดิมๆแบบนี้ทุกๆปี เพราะว่านี่คือธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติตาม

...

"เฮ้อ! ตรุษจีนนี่โคตรเหนื่อยเลยจริงๆ"

หลังจากจากการเยี่ยมญาติๆจบลงแล้ว โจวหยางก็ชวนฉินหยุนออกมาเที่ยว เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า "เมื่อก่อนฉันเคยมีความสุขมากในช่วงตรุษจีน แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินหยุนก็หัวเราะ เขายิ้มและพูดว่า "นั่นเป็นเพราะว่านายโตขึ้นไง เด็กๆน่ะจะมีความสุขที่สุดก็ในช่วงปีใหม่นี่แหละ"

"ให้ตายเถอะ นายพูดมีเหตุผลมากจนฉันเถียงไม่ออกเลย" โจวหยางบ่น

"ยังไงก็เถอะ คนในห้องเรียนสมัยมัธยมของเราคุยกันว่าจะนัดรวมตัวกัน นายจะไปไหม?" เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจู่ๆก็ถามออกมา

"นัดรวมตัว?"

หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ฉินหยุนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ล่ะ ฉันจะกลับไปที่จินหลิงแล้ว ช้าสุดก็วันพรุ่งนี้"

เมื่อตอนที่เขาอยู่มัธยมปลายเขาไม่ได้โดดเด่นมากนัก ก่อนการสอบเข้ามหาลัยผลการเรียนของเขาก็มีคะแนนเฉลี่ยอยู่แค่ระดับทั่วไปเท่านั้น และผู้ที่โดดเด่นที่สุดก็มักจะมีผลการเรียนที่ดีที่สุดเสมอ

ในช่วงมัธยมปลาย คนที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็มีแค่โจวหยาง จางเสี่ยวหยา และเซียวหลานเท่านั้น

คนอื่นๆในห้องต่างก็เป็นแค่เพื่อนทั่วไป

การพบปะสังสรรค์ ทานอาหารร่วมกัน จากนั้นก็ต่างคนต่างแยกย้าย มันไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจสำหรับฉินหยุนสักเท่าไร

"สุดยอด!"

เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุน โจวหยางก็ยกนิ้วขึ้นและพูดว่า "บอสฉินนี่ขยันจริงๆ!"

เขารู้ว่าการที่ฉินหยุนรีบกลับไปที่จินหลิง ก็เพราะว่ารีบไปจัดการเรื่องงานของเขา

ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกันพวกเขาก็เดินผ่านซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งภายในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มีคนกำลังซื้อของอยู่มากมาย และเมื่อหนึ่งในนั้นสังเกตเห็นฉินหยุน เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างยินดีว่า "บอสฉิน"

ฉินหยุนมองไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียง จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา หญิงสาวคนนี้มีใบหน้าสวยงาม ใบหน้าเล็กๆของเธอกำลังแสดงท่าทางประหลาดใจออกมา ข้างๆเธอมีผู้สูงอายุคู่หนึ่งยืนอยู่ ดูเหมือนว่าคนชราทั้งสองจะมีสุขภาพไม่ดีเท่าไร แต่ใบหน้าของพวกเขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ดูแล้วสภาพจิตใจดีมาก

"โจวซินหยา?"

เมื่อมองไปที่คนที่มา ฉินหยุนก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเขากลับมาในช่วงตรุษจีน โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าก็ปิดทำการไปแล้วเพราะเป็นวันหยุด แต่ตอนนี้ขณะที่เขามาเดินเล่นเขากลับไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับหัวหน้าดีไซน์เนอร์ของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนในเขตชิงอู๋

"บอสฉิน สวัสดีปีใหม่นะคะ!"

เห็นได้ชัดว่าโจวซินหยารู้สึกดีใจมากที่ได้เจอฉินหยุน และเธอก็ได้เอ่ยสวัสดีปีใหม่กับเขาไป

จากนั้นเธอก็แนะนำฉินหยุนให้พ่อกับแม่ของเธอรู้จัก "พ่อคะแม่คะ นี่คือคุณฉิน เจ้าของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่หนูทำงานอยู่"

พ่อแม่ของเธอยิ้มและขอบคุณฉินหยุนสำหรับการดูแลโจวเสี่ยวหยา

"ซินหยา เธอกำลังคุยกับใครอยู่เหรอ?" ทันใดนั้นก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น และก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต

เธอคือหญิงสาวหน้าตาสวยหวานที่มีรูปร่างเล็กและใบหน้าอ่อนเยาว์คนหนึ่ง ใบหน้าของเธอดูคุ้นเคยมาก เธอก็คือถังเซี่ยวเซี่ยวนั่นเอง

"ฉิน...ฉินหยุน"

หลังจากที่เดินออกมาแล้วเห็นฉินหยุน ถังเซี่ยวเซี่ยวก็จำเขาได้ทันที สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าต้องการออกจากที่นี่โดยไม่รู้ตัว

ตอนแรกเธอกับโจวซินหยาไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนเพื่อสัมภาษณ์งานด้วยกัน แต่สุดท้ายเธอก็ปล่อยนกพิราบของฉินหยุนแล้วไปที่หงซู่หลินแทน ซึ่งเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในฝันที่มีพนักงานนับพันคน

และโจวซินหยาก็ได้เข้าสู่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนที่มีพนักงานเพียง 20 คน

ตอนนี้เธอทำงานมานานกว่า 5 เดือนแล้ว แต่เธอยังคงมีตำแหน่งแค่ผู้ช่วยดีไซน์เนอร์ในหงซู่หลินเท่านั้น และเงินเดือนของเธอก็ได้มากกว่า 2,000 หยวนนิดหน่อย

ส่วนโจวซินหยาที่ได้เข้าสู่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของฉินหยุน ตอนนี้เธอกลายเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบไปแล้ว ได้เงินเดือน 15,000 หยวนต่อเดือน และแม้กระทั่งโบนัสสิ้นปีอีก 40,000 หยวน

ทางเลือกที่ต่างกันในตอนนั้น กลายเป็นสองชะตากรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

(จบตอน)

——————————————————————————————

放鸽子 ถ้าแปลตรงๆก็จะหมายถึง "ปล่อยนกพิราบ" แต่จริงๆแล้วมันมีความหมายอื่นแฝงอยู่ นั่นคือ 放鸽子 แปลว่า "ผิดสัญญา,ไม่รักษาสัญญา,เบี้ยว,ผิดนัด"