ตอนที่ 129 วิกฤตของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

"พี่ฉินหยุน" เมื่อเห็นฉินหยุนเดินเข้ามา จ้าวตงเสวี่ยก็รีบเอ่ยทักทายขึ้น

"อืม" ฉินหยุนพยักหน้าให้เธอ

หลังจากเอ่ยทักทายเสร็จ จ้าวตงเสวี่ยก็อ้าปากของเธอขึ้นอีกครั้งราวกับจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

ขณะที่เธอทำงานอยู่ในร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้ เธอรู้สึกได้ว่าฉินหยุนไม่ค่อยสนใจเธอมากนัก เขาเพียงแค่หางานให้กับเธอเท่านั้น

พวกเขาสองคนไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกันเลย ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงไม่ได้แน่นแฟ้นมากขนาดนั้น

และตอนนี้เธอก็ตระหนักได้แล้วว่าคำขอครั้งก่อนของเธอนั้นมันมากเกินไป

ความคิดมากมายผุดขึ้นในใจของเธอ ตอนนี้จ้าวตงเสวี่ยทั้งรู้สึกสับสนและเวิ้งว้างเล็กน้อย

แค่คำเรียก ‘พี่ฉินหยุน’ นั้นไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้เลย มันแค่สามารถบอกได้ว่าเธอกับฉินหยุนรู้จักกันเท่านั้น และเธอก็ไม่สามารถขอให้ฉินหยุนช่วยยืนยันความสัมพันธ์ว่าพวกเขาเป็นญาติกันได้ด้วย

ทันใดนั้นจ้าวตงเสวี่ยก็หยุดชะงักไป โดยที่เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรออกมาดี

เฉิงซีและหญิงสาวอีกคนที่มาด้วยกันก็ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่พวกเธอกำลังรอให้ฉินหยุนออกไปก่อน จากนั้นก็จะเริ่มหัวเราะเยาะจ้าวตงเสวี่ยอีกครั้ง

"เสี่ยวเสวี่ย ลุงรองบอกให้เธอโทรกลับไปหาเขาหน่อย หลังเลิกงานอย่าลืมโทรไปหาเขาล่ะ" ในตอนนี้เอง ฉินหยุนก็มองไปที่จ้าวตงเสวี่ย และจากนั้นเขาก็กล่าวกับเธอ

เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา หัวใจที่สับสนและเวิ้งว้างของจ้าวตงเสวี่ย ทันใดนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นทันที และแววตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้นด้วย

"โอเคพี่ฉินหยุน เดี๋ยวหลังเลิกงานฉันจะโทรหาพ่อทันที" หลังจากที่จ้าวตงเสวี่ยกล่าวจบ เธอก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเฉิงซีและหญิงสาวอีกคน ถ้าหากว่าเธอมีหาง เธอก็คงอดใจไม่ไหวที่จะยกมันขึ้นและส่ายไปส่ายมาแน่นอน

ในเวลานี้ เฉิงซีและหญิงสาวอีกคนทั้งคู่รู้สึกตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ พวกเธอไม่ได้คาดคิดว่าเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะเป็นพี่ชายของจ้าวตงเสวี่ยจริงๆ

...

หลังจากอยู่ในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสักพัก ฉินหยุนก็ออกจากร้านไป

ขณะขับรถอยู่ เขาก็ค่อยๆคิดเกี่ยวกับการพัฒนาร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนต่อไปในอนาคต

ด้วยการมีอยู่ของค่ายกลรวบรวมโชคลาภ เส้นทางการพัฒนาของเขาจึงราบรื่นกว่าผู้ประกอบการคนอื่นหลายเท่าเลย แต่ฉินหยุนก็ยังคงก้าวไปข้างหน้าช้าๆทีละก้าวๆ ค่อยๆพัฒนากิจการในแบบถ่อมตัว และรวบรวมความแข็งแกร่งของตนเองอย่างเงียบๆ

"เห้ย!"

ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

บนถนนที่เขากำลังขับรถอยู่นั้น จู่ๆก็มีรถยนต์คันหนึ่งพุ่งออกมา มันคือรถปอร์เช่ 911 ที่มีสีแดงทั้งคัน

หลังคาของรถคันนั้นถูกเปิดไว้ และก็มีชายหนุ่มผมยาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ฝั่งคนขับ แถมเขายังสวมแว่นกันแดดสีดำอีกด้วย

"เอี๊ยดดด!"

ฉินหยุนกระแทกเบรกแทบจะทันที ดังนั้นรถของเขาจึงไม่ได้ชนกับอีกฝ่าย

"ปัง!"

แต่หลังจากที่เขาเหยียบเบรก เขารู้สึกว่าตัวรถสั่นและเคลื่อนไปข้างหน้าอีกเล็กน้อย ซึ่งเป็นรถคันหลังที่ไม่ทันตั้งตัวชนเข้าจังๆกับรถของเขาแทน

เจ้าของรถปอร์เช่ 911 ก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่รถข้างหลังเขา แต่เขาแค่หันกลับมามองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์และจากนั้นเขาก็ขับรถออกไป

ฉินหยุนสามารถมองเห็นแววตาที่ไม่แยแสของเจ้าของรถคันนั้นได้อย่างชัดเจน

"ให้ตายเถอะ!"

ฉินหยุนสบถออกมา เขาเปิดประตูลงมาจากรถด้วยใบหน้าเย็นชา

ในเวลานี้ ที่ด้านหลังรถของเขาก็มีคนเปิดประตูออกมาเช่นกัน แต่เป็นผู้หญิงสองคนที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบปี

"ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ"

พวกเธอรีบกล่าวขอโทษกันอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฉินหยุนออกมาจากรถ

ในเวลานี้เจียงถิงรู้สึกรู้สึกหดหู่ใจมาก ในที่สุดเธอก็เรียนจบมหาลัยและก็ขอร้องให้พ่อกับแม่ซื้อรถให้เธอได้ แต่ในวันที่สามของการขับรถ เธอดันไปชนเข้ากับรถของคนอื่นเสียอย่างนั้น

แม้ว่าจะเกิดจากการเบรกอย่างกะทันหันของฉินหยุน แต่เธอก็รู้จากการสอบใบขับขี่ว่า คนที่เป็นคนชนท้ายต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด

ตอนนี้เธอได้แต่ภาวนาว่าฉินหยุนจะไม่อ้าปากกัดเนื้อเหมือนกับสิงโต

"คุณคะ เรายินดีจ่ายค่าซ่อมรถของคุณให้ค่ะ" เจียงถิงมองไปที่ฉินหยุนแล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว

"เรียกประกันมาก่อนแล้วกัน" ในตอนแรกฉินหยุนรู้สึกโมโหอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นหญิงสาวสองคนที่เอาแต่ขอโทษไม่หยุด เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรไร้สาระออกมา

สุดท้ายรถของเขาก็ถูกลากออกไป ส่วนเขากับเจียงถิงก็ได้แลกเปลี่ยนวีแชตกันเพื่อรับค่าชดเชยจากเธอ

หลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ฉินลู่ก็โทรมาพอดี

"เสี่ยวหยุน ตอนนี้แกอยู่ไหนน่ะ?" ฉินลู่ถามจากปลายสายด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนไม่ได้กล่าวอะไรมาก เขาเรียกแท็กซี่ทันที จากนั้นไม่นานก็ไปถึงที่ที่ฉินลู่อยู่

ขณะที่เขาลงจากรถแท็กซี่ ฉินลู่และคนอื่นๆก็บังเอิญอยู่ตรงนี้พอดี

"เสี่ยวหยุน?"

เมื่อเห็นน้องชายของเธอนั่งแท็กซี่มาที่นี่ ฉินลู่ก็รู้สึกงงทันที เธอเดินเข้าไปหาและถามเขาว่า "แกไม่ได้เอารถมาเหรอ?"

เมื่อเช้าฉินหยุนยังขับรถของเขาอยู่เลย แต่เธอไม่คิดว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนมานั่งแท็กซี่แทน

"รถผมถูกชนท้ายน่ะ ตอนนี้กำลังถูกลากไปซ่อมอยู่" ฉินหยุนส่ายหัวและกล่าวออกมา

เมื่อเขานึกถึงหน้าเจ้าของรถปอร์เช่คันนั้น เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นทันที พูดตรงๆเลย การที่รถของเขาโดนชนท้ายต้นเหตุมันก็มาจากเจ้าของรถปอร์เช่คันนั้น แต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉินลู่

"แกถูกชนท้ายงั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินลู่ก็ตกใจทันที เธอรีบถามว่า "เสี่ยวหยุน แกไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?"

"ไม่" ฉินหยุนส่ายหัว

ฉินลู่มองดูน้องชายของเธออย่างใกล้ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"เวลาขับรถแกต้องระวังให้มากหน่อยรู้ไหม ขับช้าๆลงบ้าง..." เธออดไม่ได้ที่จะจู้จี้กับเขา

"โอเคๆ ผมเข้าใจแล้ว" เมื่อฉินหยุนเห็นว่าพี่รองของเขา ฉินลู่ กำลังจะกลายเป็นจ้าวเหมยแม่ของเขา เขาก็รีบกล่าวตัดบทเธออย่างรวดเร็ว

"ยังไงก็เถอะพี่รอง พาผมไปดูหน่อยว่าบ้านใหม่ของพี่ตกแต่งกันยังไง" เขาไม่ต้องการให้เธอกล่าวอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีก ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

จากนั้นทุกคนก็ไปที่บ้านของฉินลู่

ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงในช่วงบ่าย ฉินลู่ หยางเย่เจิน และจ้าวเถียน ซื้อของทั้งหมดที่ต้องใช้และจัดการตกแต่งบ้านหลังใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันดูดีขึ้นมาก

"เสี่ยวหยุน เจินเจินกับเสี่ยวเถียนอยากจะขอบคุณเรื่องที่ให้พวกเธออาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นพวกเธอจึงอยากจะเลี้ยงอาหารเย็นแกน่ะ" หลังจากเดินดูสักพัก ฉินลู่ก็กล่าวขึ้น

แม้ว่านี่จะเป็นบ้านที่เธอเป็นคนเช่า แต่ทุกคนก็รู้ว่าฉินหยุนเป็นคนหาที่แห่งนี้ให้

ตอนนี้ทั้งหยางเย่เจินและจ้าวเถียนต่างก็ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเธอต้องการจะเชิญฉินหยุนไปทานอาหารเย็นด้วยกัน

"ว่าไงฉินหยุน นายพอมีเวลาไหม?"

หยางเย่เจินถามด้วยรอยยิ้ม

การเชิญฉินหยุนไปทานอาหารเย็น ประการแรกก็เพื่อเป็นการขอบคุณ และประการที่สองก็เพื่อเพิ่มมิตรภาพต่อกัน

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว น้องชายของเพื่อนร่วมชั้นฉินลู่คนนี้ น่าจะเป็นคนที่ฟ้าลิขิตมาแน่นอน เพราะเขาเพิ่งเริ่มทำธุรกิจปีนี้ปีแรกเอง!

ถ้าคิดจากการพัฒนาระดับนี้ ในอนาคตฉินหยุนจะเติบโตไปได้ไกลแค่ไหนกัน?

พวกเธอโชคดีมาก เนื่องจากพวกเธออาศัยความสัมพันธ์ของฉินลู่ การหาเพื่อนใหม่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องง่ายมาก ซึ่งนี่อาจจะเป็นประโยชน์กับพวกเธอในอนาคต

"ได้สิ" ฉินหยุนคิดอยู่สักครู่ จากนั้นเขาก็พยักหน้า

...

บนถนนย่านการค้าในเมืองจินหลิง ในขณะนี้มีรถคันหนึ่งหยุดลง

"ว้าว ปอร์เช่ 911!"

"รถคันนี้ราคาอย่างต่ำก็หนึ่งล้านหยวนเลยใช่ไหม?"

เมื่อรถจอดสนิท บางคนที่กำลังมองดูอยู่ก็จำแบรนด์ของรถคันนี้ได้ท้นที

มีแม้กระทั่งหญิงสาวรูปร่างสูงและหน้าตาดีสองคนที่เดินเข้าไปหา ยิ้มให้ชายหนุ่มผมยาวสวมแว่นกันแดดที่นั่งอยู่ในรถ จากนั้นเธอก็กล่าวว่า "หนุ่มหล่อ ขอเพิ่มวีแชตหน่อยได้ไหม?"

เมื่อมองไปที่หญิงสาวทั้งสองคนแล้ว ชายหนุ่มผมยาวพยักหน้าพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยว่า "แน่นอน"

หลังจากเพิ่มวีแชตกันแล้วแล้ว เขาก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าที่ค่อนข้างใหญ่ตรงหน้า

"บอสจั่ว"

เมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบปีที่อยู่ในร้านก็เข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยทักทายเขา

ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออก แล้วออกคำสั่งกับเขาทันที "ร้านขายเสื้อผ้าของเทียนหยุนอยู่ที่ไหน พาผมไปดูหน่อย"

ชายวัยกลางคนพยักหน้าทันที จากนั้นก็นำชายหนุ่มไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

นี่คือถนนย่านการค้าในเขตลี่สุ่ย เมืองจินหลิง ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาใหญ่

(จบตอน)