"ด้วยความเร็วระดับนี้ ภายในวันที่ 1 ธันวาคม ยอดคงเหลือของฉันน่าจะสามารถเกินสิบล้านได้อย่างง่ายดาย!" ฉินหยุนกล่าวอย่างเงียบๆ
อันที่จริงเขามีเงินทุนมากกว่าสิบล้านที่สามารถใช้ได้ แต่ในวันที่ 3 เงินส่วนใหญ่จะถูกจ่ายออกไปเป็นค่าจ้างของพนักงาน
ตอนนี้เขามีพนักงานจำนวนมาก ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่เขตชิงอู๋มีพนักงานทั้งหมด 200 คน ในโรงงานผลิตรองเท้า 20 คน รวมกับพนักงานในร้านขายเสื้อผ้า 8 ร้านที่มีพื้นที่ 40 ตารางเมตร และอีก 2 ร้านที่มีพื้นที่ 200 กว่าตารางเมตร
รวมแล้วจำนวนพนักงานที่อยู่ภายใต้ชื่อของเขานั้น มีมากกว่า 400 คน! ลำพังแค่จ่ายเงินเดือนอย่างเดียวก็ต้องหักไป 2 ล้านหยวนแล้ว!
ซึ่งอันที่จริงจริงจำนวนค่าจ้างที่ต้องจ่ายออกไปนี้มากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด ท้ายที่สุดแล้วยอดขายของร้านค้าทั้งสิบแห่งของเขาก็ยังได้แค่ 7 ล้านกว่าหยวน
ซึ่งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่มีพนักงาน 200 คนนั้น ก็คิดเป็นครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมดเลย!
ในเวลานี้ กำลังการผลิตของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเกินความต้องการอย่างมาก แม้ว่าตอนนี้ทางโรงงานจะไม่ได้ผลิตเสื้อผ้าออกมา แต่เสื้อผ้าที่สะสมอยู่ตอนนี้ก็เพียงพอสำหรับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่จะใช้ขายในร้านต่อไปได้อีกสองสามเดือนเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดร้านสาขาเพิ่มขึ้น จำนวนเสื้อผ้าที่ต้องขายต่อวันก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และสต๊อกเสื้อผ้าเหล่านี้จะหมดไปอย่างรวดเร็ว!
เมื่อมองไปที่ร้านขายเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ข้างหน้าเขา หัวใจของฉินหยุนก็กระตุก ทันใดนั้นดวงแสงในจิตใจของเขาซึ่งเป็นตัวแทนของค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองก็ลอยออกมา จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดดวงแสงจุดเล็กๆก็กลายเป็นโดมแสงขนาดใหญ่ เข้าครอบคลุมร้านขายเสื้อผ้าขนาด 240 ตารางเมตรตรงหน้าเขาอย่างสมบูรณ์
และแล้วฉินหยุนก็เปิดร้านขายเสื้อผ้าสาขาที่เจ็ดในเมืองจินหลิงเสร็จเรียบร้อย
ภายใต้อิทธิพลของค่ายกลรวบรวมโชคลาภ ร้านขายเสื้อผ้าทั้งร้านก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว
ลูกค้าพากันเข้ามาที่ร้านอย่างต่อเนื่อง และตอนนี้จากในระยะไกล เฝิงเทียนจวินและคนอื่นๆก็มาถึงที่นี่แล้ว
"ไปกันเถอะ เราเข้าไปดูกัน" เฝิงเทียนจวินกล่าวพลางยิ้มออกมา
เขากับเซียวเฉียนเฉียนเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า โดยมีจางฉินเยว่เดินนำอยู่ข้างหน้าพวกเขา
"จางฉินเยว่?"
เมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจากระยะไกล สีหน้าของจ้าวเทียนเฉียงที่ยืนอยู่ข้างๆฉินหยุนก็เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Nike Adidas Anta หรือว่าแบรนด์อื่นๆอีกสองสามแบรนด์ เหล่านี้ต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีอย่างแพร่หลาย เขาเคยทำงานที่เทียนอี้เตี๋ยมาก่อน โดยพื้นฐานแล้วมันจำกัดอยู่แค่ในขอบเขตของเมืองซูโจวเท่านั้น ถ้าไปที่เมืองอื่นก็แทบจะไม่มีใครรู้จักเลย แม้ว่าจะพอมีชื่อเสียง แต่ก็เทียบกับแบรนด์ที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้แน่นอน
เฉพาะผู้ที่มีตำแหน่งสูงๆในบริษัทเหล่านี้เท่านั้น ถึงจะนับว่าเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมเสื้อผ้าอย่างแท้จริง
แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ความมั่นใจของเขาก็กลับมาทันที
"บอสฉิน" จางฉินเยว่เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ เธอกล่าวว่า "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ"
ขณะที่เธอมองไปที่ฉินหยุน ในใจของจางฉินเยว่รู้สึกซับซ้อนนิดหน่อย ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอกำลังขยายสาขาตามที่เขาได้วางแผนเอาไว้จริงๆ เขาสามารถมาถึงจุดนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
เธอผายมือไปที่เฝิงเทียนจวินที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "นี่คือคุณเฝิงเทียนจวิน เจ้าของร้านเสื้อผ้าจวินชิงของฉันค่ะ"
เฝิงเทียนจวินมองไปที่ฉินหยุน เขายิ้มพลางกล่าวว่า "ฉินหยุน เราเคยเจอกันมาก่อน แต่ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นบอสใหญ่ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน"
"สวัสดี" ฉินหยุนพยักหน้า
เขามองไปที่เซียวเฉียนเฉียนซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆเฝิงเทียนจวินด้วยใบหน้าราบเรียบ ปราศจากอารมณ์อื่นใด จากนั้นเขาก็มองไปทางอื่นอีกครั้ง
ในเวลานี้ในใจของเซียวเฉียนเฉียนไม่ได้สงบเหมือนภายนอกที่แสดงออกมาสักเท่าไร ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่เธอได้เห็นฉินหยุนกับเซียวหลานอยู่ด้วยกัน เธอนั้นคิดว่าฉินหยุนไม่ได้คู่ควรกับเซียวหลานเลยสักนิด แต่ในเวลาแค่เพียงหนึ่งวัน เธอกลับได้เห็นอีกตัวตนของฉินหยุนทันที
สามารถเปิดร้านขายเสื้อผ้าได้ตั้ง 9 สาขาในเวลาสั้นๆ ไม่ว่าจะนั่งคิดหรือนอนคิด เขาก็เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน ไม่ใช่คนฐานะธรรมดาอย่างที่เหวินหยุนบอกเลย
หลังจากทำความรู้จักกันสักครู่ เฝิงเทียนจวินก็อยู่ในร้านต่อไม่นาน เขาออกไปจากที่นี่พร้อมกับเซียวเฉียนเฉียนและจางฉินเยว่
เขามาที่นี่เพื่อทำความรู้จักกับฉินหยุนและสร้างความสัมพันธ์เท่านั้น
ฉินหยุนมองไปที่ด้านหลังของพวกเขาพลางครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า "ผู้จัดการจ้าว ร้านใหม่อีกสองสาขาเป็นยังไงบ้าง?"
เมื่อได้ยินฉินหยุนเอ่ยถาม จ้าวเทียนเฉียงจึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า "พนักงานในร้านทั้งหมดได้รับสมัครเข้ามาแล้วครับ พวกเธอกำลังรอให้ร้านเปิด"
"โอเค"
ฉินหยุนพยักหน้าและกล่าวว่า "ทั้งสองร้านที่เหลือจะเปิดขึ้นในตอนเที่ยงของพรุ่งนี้"
ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว ซึ่งเขาไม่ได้เลือกที่จะเปิดร้านสาขาใหม่ในวันเดียวกันอีกต่อไป
ในตอนแรกฉินหยุนไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับการเลือกวันหรือเวลาในการเปิดร้านสาขาใหม่ เขามักจะคิดแค่ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะใช้ค่ายกลรวบรวมโชคลาภให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดเท่านั้น หลังจากที่เขาเปิดร้านสาขาใหญ่สุดในเวลา 12.00 น. เขาก็จะรีบไปเปิดร้านที่สองต่อทันที โดยจัดการวางค่ายกลให้เสร็จและเริ่มเปิดร้านขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลาที่ใช้เปิดร้านก็อาจจะเรทไปสักเที่ยงครึ่งหรือตอนบ่ายโมงโดยประมาณ ซึ่งเขาไม่ยอมให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็จะค่อยๆปรากฏขึ้นสู่สายตาของทุกคน และจะต้องมีบางคนที่เริ่มประหลาดใจกับพฤติกรรมนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงวางแผนที่จะเปิดร้านสาขาใหม่เป็นเวลา 12.00 น.เหมือนเดิม แต่ต่างกันที่วัน
สำหรับเขาในตอนนี้ ไม่สำคัญว่าเขาจะได้รับเงินได้น้อยลงหรือไม่ ความลับของเขาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ด้วยเหตุนี้ ก่อนหน้านี้เขาจึงสั่งให้จ้าวเทียนเฉียงปล่อยข่าวออกไปอย่างตั้งใจ โดยเปิดเผยว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนใช้เงินเพื่อจ้างหน้าม้าเข้ามาในร้าน ทำให้การเข้าออกร้านของลูกค้าอยู่ในสถานการณ์ที่ร้อนแรงอยู่เสมอ
ซึ่งเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ อันที่จริงแล้วจ้าวเทียนเฉียงก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินหยุนได้จ้างหน้าม้ามาจริงๆหรือเปล่า
"เข้าใจแล้วครับ" เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน จ้าวเทียนเฉียงก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นฉินหยุนก็ออกจากที่นี่ไป และเขาก็นั่งแท็กซี่ต่อไปยังร้านเสื้อผ้าอีก 2 สาขา แม้ว่าทั้งสองร้านนั้นจะยังไม่ได้เปิด
...
มหาลัยเจียงหยวน หอพักนักศึกษาชายอาคาร 3 ห้องพัก 305 ฉินหยุนเดินเข้ามา
ในเวลานี้ จ้าวคังฮ่าวกำลังนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง หลี่หานอวี่และโจวผานกำลังพิมพ์ข้อความลงบนคอมพิวเตอร์ ส่วนเฉิงต้าสงกับหลิวซินไม่ได้อยู่ในห้องพัก
ฉินหยุนรู้ว่าหลิวซินออกไปทำงานพาร์ทไทม์ แต่เขาไม่รู้ว่าเฉิงต้าสงไปไหน
"ฉินหยุน นายมาแล้วเหรอ?"
เมื่อเห็นฉินหยุนเดินเข้ามา จ้าวคังฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นทันที เขารีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้จ้าวคังฮ่าวรู้สึกหดหู่ใจมาก ก่อนหน้านี้โจวผานกับเฉิงต้าสงมักจะเล่นเกมด้วยกันกับเขา แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เล่นเกมแล้ว และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะลงแรงค์คนเดียวด้วย ดังนั้นเขาจึงหันมาเล่นเกมมือถือแทน
"นายไม่มีเวลาว่างเลยหรือไงฉินหยุน ถ้าไม่มีเรียนนายก็จะไม่เข้ามาหาพวกเราเลยสินะ" โจวผานมองไปที่ฉินหยุน เขากล่าวพลางฉีกซองขนมที่ฉินหยุนนำกลับมา
"ขนมมันอุดปากของนายไม่ได้หรือไง?" ฉินหยุนกล่าวอย่างไม่พอใจ
บางครั้งเมื่อเขากลับมา เขาก็จะนำอาหารหรือขนมบางอย่างติดมือมาที่ห้องพักด้วย
"ชั้นเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว พวกนายจะไม่เข้าเรียนกันเหรอ?" ฉินหยุนกล่าวพลางมองไปที่คนไม่กี่คนที่อยู่ข้างหน้าเขา
"เวรแล้ว เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว!"
"ไป ไป ไป ไปที่ห้องเรียนกัน!"
"ช่วยเอาหนังสือไปให้ต้าสงกับหลิวซินด้วย พวกเขาส่งข้อความมาบอกแล้ว"
ทั้งสี่คนในห้องพักออกเดินทางพร้อมกันจนมาถึงที่ห้องเรียน
เมื่อเห็นคนสี่คนเดินเข้ามา หยูเล่อเหยาหัวหน้าชั้นเรียนซึ่งกำลังนั่งอยู่แถวหน้าของห้องเรียนก็มองไปที่พวกเขาทันที กล่าวให้ชัดก็คือ เธอน่าจะมองไปที่ฉินหยุนมากกว่า
หยูเล่อเหยารู้สึกว่าตอนนี้จิตใจของเธอสับสนเล็กน้อย สำหรับฉินหยุน ครั้งแรกที่เธอให้ความสนใจเขาก็คือระหว่างการฝึกทหาร ในเวลานั้นมีผู้ชายคนหนึ่งในชั้นเรียนเป็นลม ซึ่งคนอื่นๆไม่สามารถแบกเขาขึ้นหลังได้เลย แต่ฉินหยุนกลับทำได้อย่างง่ายดาย ในเวลานั้นเธอรู้สึกว่าฉินหยุนค่อนข้างแข็งแรงเลย
หลังจากนั้นก็เป็นตอนที่ฉินหยุนได้รับรางวัลเป็นรถยนต์
เธอต้องการเปิดร้านหม่าล่าทั่ง ดังนั้นเธอจึงต้องการให้ฉินหยุนช่วยลงทุนกับเธอ แต่เขากลับปฏิเสธเธอไป
ในตอนนั้นเธอให้ความสนใจกับฉินหยุนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เธอพบว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเงียบๆ เพื่อนๆหลายคนในชั้นเรียนต่างก็กระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆกันอย่างแข็งขัน แต่ฉินหยุนไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลย ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็ตั้งใจฟังขณะอยู่ในชั้นเรียนและไม่เคยเล่นโทรศัพท์ระหว่างเรียน
และเขาก็จะออกจากมหาลัยทันทีที่หมดชั่วโมงเรียน ซึ่งเธอก็ได้ยินมาว่าเขาเช่าบ้านอยู่ข้างนอกมหาลัย
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved