ตอนที่ 138 ปฏิกิริยาจากทุกฝ่าย

"โถ่ที่รัก ผมแค่พูดไปอย่างนั้นเอง" เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านลอตเตอรี่เป็นคนเกรงใจภรรยา(กลัวเมีย)เล็กน้อย เขาจึงกล่าวออกมาอย่างเขินอาย

แน่นอนว่าเขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นจริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีภรรยา เขาก็อาจไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงินถึง 80,000 หยวนเพื่อซื้อลอตเตอรี่

ตอนนี้เขามีรายได้มากกว่า 30,000 หยวนแล้ว อันที่จริงเขาแค่ต้องควักเงินออกมาอีกเพียง 50,000 หยวนเท่านั้น แต่เขาจะไม่ยอมควักเงิน 50,000 นี้ออกมาอย่างแน่นอน

...

"ไม่รู้ว่าฉันจะถูกลอตเตอรี่ไหม"

หลังจากออกจากร้านลอตเตอรี่ ฉินหยุนก็แอบตั้งตารอ

ครั้งที่แล้วที่เขามีค่ายกลรวบรวมโชคลาภแค่ระดับที่หนึ่ง เขาใช้เงิน 10,000 หยวนไปกับการซื้อลอตเตอรี่ และก็ถูกรางวัลได้เงินมามากกว่า 100,000 หยวน!

ตอนนี้ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองถูกเปิดใช้งานแล้ว และเขาก็ใช้เงิน 400,000 หยวนเพื่อซื้อลอตเตอรี่อีกครั้ง!

จากการวิเคราะห์ของฉินหยุนเกี่ยวกับค่าโชคดีของเขา การซื้อลอตเตอรี่แล้วถูกรางวัลมันก็ขึ้นอยู่กับความน่าจะเป็นด้วย ไม่ได้หมายความว่าเขาใช้เงินแค่ 2 หยวนแล้วจะถูกรางวัลได้เงินถึง 20,000 หยวนอยู่ทุกครั้ง

แม้ว่าเขาจะเคยเก็บตั๋วลอตเตอรี่ได้ฟรีๆ แต่เขาก็เก็บได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และส่วนมากก็มักจะไม่ถูกรางวัลอีกด้วย

ดังนั้นยิ่งคุณใช้เงินมากเท่าไรในการซื้อลอตเตอรี่ คุณก็จะยิ่งมีโอกาสในการถูกรางวัลลอตเตอรี่มากขึ้นเท่านั้น

ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เสียเงินไปเปล่าๆอย่างแน่นอน

ซึ่งก็แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ฉินหยุนจะใช้เงินทั้งหมดที่มีเพื่อซื้อลอตเตอรี่ ในความคิดของเขา 400,000 หยวนก็ถือว่ามากพอแล้ว

และจากการคำนวณจากค่าโชคดีของเขา อย่างแย่ที่สุดเขาก็น่าจะถูกรางวัลที่ 2 เป็นอย่างต่ำ ถ้าเขาถูกรางวัลขึ้นมาจริงๆทั้ง 5 เท่าของ 15 บวก 8 คู่ นั่นก็เท่ากับว่าเขาจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 2 มากถึง 40 เท่า!

แน่นอนว่าเขาก็ยังหวังว่าตัวเองจะถูกรางวัลที่หนึ่ง

"ไม่รู้ว่าดวงจะเฮงได้เท่ากับผู้อำนวยการศูนย์สลากหรือเปล่า"

ตอนนี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับวงการสลากกินแบ่งแพร่ออกมา ว่าคนที่ถูกรางวัลใหญ่ 2 งวดติดต่อกันเป็นพนักงานของศูนย์สลากกินแบ่งสวัสดิการเอง ซึ่งก็เป็นคนเดียวกันกับคนที่มีไฝที่คอ..

แต่นอกเหนือจากเรื่องตุกติกภายในแล้ว ฉินหยุนยังเชื่อในโชคของเขามากกว่า

"คืนนี้ผลสลากกินแบ่งจะออกตอนเวลาสามทุ่มสิบห้านาที เพราะงั้นก็มารอดูกันอีกสักหน่อย!"

...

หลังจากนั้น ฉากแปลกๆก็เริ่มปรากฏขึ้นในพื้นที่ทั้งสามแห่งบนถนนย่านการค้าภายในเมืองจินหลิง

ลูกค้าในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน และร้านเสื้อผ้าหานลู่ก็เกือบจะมีจำนวนเท่ากันอยู่ตลอด มีลูกค้าอยู่ในร้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ในขณะที่ร้านเสื้อผ้าร้านอื่นๆแทบจะไม่มีคนเลย

ไม่ใช่แค่ที่เดียว แต่ยังเป็นร้านค้าทั้งสามสาขาที่สถานการณ์เกือบจะเหมือนกันทุกประการ ซึ่งแม้แต่ร้านเสื้อผ้าจวินชิงก็ได้รับผลกระทบจากพวกเขาด้วย

"บ้าไปแล้วจริงๆ"

ขณะที่เฝิงเทียนจวินกำลังเดินอยู่บนถนน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นลูกค้าจำนวนมากที่อยู่ในร้านเสื้อผ้าทั้งสองแห่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกัน

บนท้องถนนก็มีการพูดคุยกันของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นครั้งคราว

"เกิดอะไรขึ้นกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าหานลู่? เสื้อผ้าที่พวกเขาขายดีไซน์มันคล้ายกันมากเลย แต่ที่ร้านเสื้อผ้าหานลู่ราคาถูกกว่า"

"เห็นได้ชัดว่าทั้งสองร้านนี้กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด"

"บ้าไปแล้ว! ทั้งสองร้านต่างก็มีลูกค้าเข้าไปในร้านกันเป็นจำนวนมาก ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาใช้เงินไปมากขนาดไหน"

"ถือว่าโชคร้ายจริงๆที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนไปยุ่งกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่"

"ใช่ ที่จริงเสื้อผ้าของพวกเขาดีมากเลยนะ ฉันซื้อเสื้อผ้าที่ร้านของพวกเขาเป็นประจำ วันก่อนฉันซื้อเสื้อไปตัวหนึ่ง หลังจากผ่านไปสามวันแล้วฉันรู้สึกว่ามันใส่ไม่สบาย ดังนั้นฉันจึงนำมันกลับไปที่ร้านทันที ทางร้านก็ทำการตรวจสอบเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว จริงๆมันมีร่องรอยของเด็กๆอยู่บนเสื้อสองสามรอยด้วย แต่ถึงกระนั้นร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ยังคืนเงินเต็มจำนวนให้ฉันโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ แค่ทัศนคติในการบริการแบบนี้ฉันก็หวังว่าพวกเขาจะเปิดร้านต่อไป"

"โชคร้ายอะไรล่ะ? ก่อนหน้านี้ธุรกิจของร้านเขาดีมาก พวกเราต่างหากที่โชคร้ายน่ะ"

ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่รอบๆก็กำลังเฝ้าดูสถานการณ์นี้อยู่ บ้างก็รู้สึกเสียดาย บ้างก็รู้สึกสะใจ บ้างก็รู้สึกแปลกใจ และก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกต่างกันออกไป

เฝิงเทียนจวินก็กำลังเฝ้าดูอยู่เช่นกัน และข้างๆเขา เซียวเฉียนเฉียนก็อยู่ที่นั่นด้วย

"ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังแข่งขันกับร้านเสื้อผ้าหานลู่อย่างเต็มกำลังเลย ไม่มีใครรู้ว่าจำนวนคนที่เป็นลูกค้าจริงๆที่เข้าไปในร้านของพวกเขานั้นเป็นอย่างไร ฉันเดาว่ามีเพียงแค่ฉินหยุนและจั่วหานเท่านั้นแหละที่รู้"

ตอนนี้ทั้งสองร้านกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเลยก็ว่าได้ หานลู่ได้ส่งลูกเรือหน้าม้าจำนวนมากออกไป แต่ลูกเรือหน้าม้าของเขาก็ไม่สามารถปราบปรามเทียนหยุนได้อย่างสมบูรณ์เลย และในมุมมองของคนภายนอกเช่นพวกเขา เทียนหยุนก็น่าจะมีกองทัพลูกเรือหน้าม้าอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน

"ไม่รู้ว่าเทียนหยุนจะทนอยู่ได้นานแค่ไหน"

เซียวเฉียนเฉียนกล่าวขึ้นอย่างกระทันหัน

แม้ว่าร้านเสื้อผ้าหานลู่จะเสียเปรียบในตอนนี้ แต่พวกเขาก็มีเงินทุนมากกว่า

ตัวอย่างเช่น ถ้าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจ่ายเงินออกไป 10,000 หยวน ร้านเสื้อผ้าหานลู่ก็จะจ่ายเงินออกไป 20,000 หยวน และถ้าเทียนหยุนมีเงินทุนให้ใช้ได้แค่เพียง 100,000 หยวน พวกเขาก็จะปิดกิจการลงทันทีที่เงินทุนหมดลง แต่กลับกัน หานลู่มีเงินทุนจำนวนมากถึงหนึ่งล้านหยวนที่สามารถใช้จ่ายได้ตามสบาย

เฝิงเทียนจวินยิ้มพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าฉินหยุนนี่มีบางอย่างไม่ปกติ บางทีเขาคงอยู่ได้นานกว่านั้น"

หลังจากที่เขากล่าวจบ เขาก็เอ่ยถามต่อทันที "ยังไงก็เถอะ คุณบอกป้าสะใภ้รองของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือยัง?"

"ฉันบอกแล้ว"

เซียวเฉียนเฉียนก็พยักหน้าพลางกล่าวว่า "ป้าสะใภ้รองบอกให้ฉันให้ความสนใจกับหลานหลานและฉินหยุนคนนี้ ตอนนี้เมื่อมีเหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เปิดขึ้นโดยฉินหยุน ยังไงฉันก็ต้องบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้"

แม้ว่าฉินหยุนกับเซียวหลานจะเลิกกันแล้ว แต่เหวินหยุนยังคงรู้สึกกังวลเล็กน้อย

"คุณบอกป้าของคุณ ซึ่งก็หมายความว่าป้าของคุณก็ต้องบอกเรื่องนี้กับเซียวหลาน น้องสาวของคุณด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนอาจจะแย่ลงกว่าเดิมก็ได้" เฝิงเทียนจวินส่ายหัวพลางกล่าวออกมา

"ฉันก็ช่วยไม่ได้"

เซียวเฉียนเฉียนกล่าวอย่างหมดหนทาง "หลานหลานเธอซื่อเกินไป เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ถึงแม้ตอนนี้เธอจะยังไม่เข้าใจ แต่อีกไม่กี่ปีเธอก็จะได้รู้ว่าเราหวังดีกับเธอจริงๆ"

เธอก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับเหวินหยุน ฉินหยุนนั้นไม่เหมาะสมกับเซียวหลาน

...

ในเวลานี้ เหวินหยุนก็กำลังคุยโทรศัพท์กับเซียวหลานอยู่

"แม่คะ แม่พูดว่าอะไรนะ?"

เซียวหลานผงะและเธอก็ถามซ้ำในสิ่งที่เหวินหยุนเพิ่งกล่าวไป "แม่บอกว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เปิดโดยฉินหยุนกำลังถูกร้านเสื้อผ้าของแบรนด์หานลู่ปราบปรามอย่างงั้นเหรอ!?"

ตอนนี้เธอใช้เวลาส่วนใหญ่หลังจากที่เลิกเรียนในทุกวันอยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็ชวนจางเสี่ยวหยาออกไปเที่ยวข้างนอก เธอไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

"ใช่แล้วหลานหลาน"

เหวินหยุนพยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า "แม่เพิ่งบอกไปเองใช่ไหมว่าร้านขายเสื้อผ้าที่ฉินหยุนเปิดนั้นเขาก้าวเร็วเกินไป และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไปได้ไกลมากกว่านี้"

เธอใช้โอกาสนี้เพื่อโน้มน้าวลูกสาวอีกครั้ง "ร้านเสื้อผ้าหานลู่นั้นเป็นแบรนด์ของบริษัทเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนในหางโจว แม้ว่าฐานลูกค้าของพวกเขาในมณฑลเจียงซูจะไม่ใหญ่มาก แต่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมันก็เทียบไม่ได้แน่นอน หลังจากนี้เหลือเวลาอีกไม่นานหรอกที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์"

ก่อนหน้านี้ฉินหยุนไม่มีอะไรให้พูดถึงเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเหวินหยุน แม้ว่าเธอจะได้ยินที่เซียวเฉียนเฉียนกล่าวในภายหลังว่าเขาเปิดร้านเสื้อผ้าในเมืองจินหลิงไป 9 สาขาแล้ว แต่เธอก็แค่รู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งเท่านั้น และก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

ในเวลาเพียงแค่สองเดือน ร้านขายเสื้อผ้า 9 สาขาถูกเปิดขึ้น แม้แต่บริษัทใหญ่ๆก็ยังไม่กล้าที่จะขยายตัวเร็วเช่นนี้เลย

หากคุณก้าวเร็วเกินไป แค่คุณประมาทเพียงเล็กน้อย คุณก็อาจจะตีลังกาล้มลงแบบไม่ทันตั้งตัว

มีหลายบริษัทมากมายที่พอจะทำเงินได้บ้างในช่วงแรกของการก่อตั้ง และเพื่อที่จะได้เงินมากขึ้นพวกเขาก็จะกระตือรือร้นที่จะขยายตัว และในที่สุดก็ประสบปัญหาบางอย่างในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วก็เริ่มปิดตัวลงทีละแห่งๆ เหลือไว้แค่หนี้สินก้อนโต

ก่อนหน้านั้นเธอคิดว่าวันที่ฉินหยุนทำพลาดจะต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็วแน่นอน แต่ในเวลาเพียงแค่สิบวันเขาก็โดนแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เล่นงานเข้าจนได้

เมื่อบริษัทใหญ่เช่นนี้เข้าปราบปรามร้านขายเสื้อผ้าร้านเล็กๆ ไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะทำพลาดเลย

การเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ

"เป็นไงล่ะหลานหลาน ก่อนหน้านี้ลูกคิดว่าฉินหยุนเป็นคนเก่งและยอดเยี่ยมมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาใกล้จะไม่เหลืออะไรแล้ว"

เธอพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวของเธอ

"หนูเข้าใจแล้วค่ะแม่" เซียวหลานกล่าวออกมา

"โอเคค่ะแม่ หนูยังต้องไปเรียนอีก งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ" หลังจากกล่าวจบ เซียวหลานก็กดวางสายโทรศัพท์ไป

เธอถือโทรศัพท์อย่างเงียบๆอยู่สองสามวินาที แล้วก็ตัดสินใจกดโทรออกไปที่เบอร์ๆหนึ่ง

(จบตอน)