ที่มหาลัยเจียงหยวน ในห้องทำงานของอาคารแห่งหนึ่ง ชายวัย 50 ปีคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกับชายอีกคนที่อายุไล่เลี่ยกัน
"หวังชิงเยี่ยน ตอนนี้คุณมีเวลาว่างมากจริงๆ พอไม่มีอะไรให้ทำคุณก็ไปที่มหาลัยนู่นบ้างมหาลัยนี่บ้าง" ชายคนนั้นมองไปที่อีกฝ่ายแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาคือเฉินกั๋วผิง รองคณบดีสาขาวิชาบริหารธุรกิจที่มหาลัยเจียงหยวน
"เฮ้อ.. ตอนนี้นักศึกษาในมหาลัยต่างๆมีคนที่โดดเด่นน้อยลงจริงๆ และคนที่สามารถประสบความสําเร็จได้ในตอนที่ยังอยู่มหาลัยก็ยิ่งน้อยลงไปอีก ฉันเดินทางไปที่มหาลัยต่างๆก็เพื่อวางแผนที่จะให้คนเก่งๆของมหาลัยเหล่านั้นได้แลกเปลี่ยนความคิดกัน ถ้าเป็นแบบนี้มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างแน่นอน คุณว่าดีไหม?" หวังชิงเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินกั๋วผิงก็มองค้อนใส่เขา "ไม่ใช่ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมามหาลัยจินหลิงของคุณผลิตแต่นักศึกษาที่โดดเด่นออกมาหรือไง อย่างตอนนี้ก็มีเฝิงเทียนจวินคนนั้น เขาได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานของมหาลัยของคุณแล้ว คุณยังไม่พอใจอีกงั้นเหรอ"
หวังชิงเยี่ยนคือบุคคลสำคัญในมหาลัยจินหลิง และก็เป็นเพื่อนของเขามาหลายปีแล้ว
หลังจากพูดคุยกันเป็นเวลานานหวังชิงเยี่ยนก็ออกจากที่นี่ไป ปล่อยให้เฉินกั๋วผิงก็นั่งดื่มชาอย่างหดหู่ใจอยู่คนเดียว
"ชายชราคนนี้ เขามาเพื่ออวดฉันอีกแล้ว" เฉินกั๋วผิงรู้สึกหดหู่ใจมาก
อันที่จริงแต่ละมหาลัยมักจะชอบเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีนักศึกษาที่โดดเด่นในมหาลัย มันนับเป็นเกียรติของมหาลัยนั้นๆเลย
เฝิงเทียนจวินปรากฏตัวที่มหาลัยจินหลิง ซึ่งเขาสามารถสะสมทรัพย์สินได้หลายสิบล้านภายในระยะเวลาสามปีของการเริ่มต้นธุรกิจ กลายเป็นมาตรฐานของมหาลัยจินหลิง และได้รับการยอมรับให้เป็นต้นแบบของใครหลายๆคน
สิ่งนี้ทำให้นักศึกษาของมหาลัยจินหลิงรู้สึกภาคภูมิใจอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานักศึกษาของมหาลัยเจียงหยวนจะทำผลงานได้ค่อนข้างดี แต่ในความเห็นของเขา ที่ดีที่สุดก็เป็นเพียงการละเล่นเท่านั้น ซึ่งไม่มีอะไรที่โดดเด่นเป็นพิเศษเลย
สำหรับมหาลัยแห่งหนึ่ง พรสวรรค์คือรากฐานของมหาลัย! การปรากฎตัวของบุคคลที่โดดเด่นสามารถดึงดูดนักศึกษาที่โดดเด่นเข้ามาในมหาลัยได้มากขึ้น ซึ่งความสำคัญของบุคคลนั้นก็ชัดเจนในมันตัวเองอยู่แล้ว
"เฮ้อ.. หวังว่าในอนาคตจะปรากฏตัวขึ้นสักคน" เฉินกั๋วผิงถอนหายใจออกมา เขากำลังเฝ้ารออย่างมีความหวัง
"รองคณบดีเฉิน"
ในขณะนี้เองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นก็มีคนเดินเข้ามา
"มีอะไร?" เฉินกั๋วผิงเอ่ยถาม
คนที่มารีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "เมื่อสักครู่จ้าวเทียนเฉียงผู้จัดการแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนติดต่อเรามา เขาบอกว่าต้องการจะมอบชุดเสื้อผ้าให้กับทางมหาลัยของเราฟรีๆโดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ"
"จ้าวเทียนเฉียงผู้จัดการแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุน?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินกั๋วผิงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เขายังรู้เกี่ยวกับแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่บ้าง รู้ว่าเทียนหยุนและหานลู่เคยต่อสู้กันมาก่อน แต่มหาลัยของพวกเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทียนหยุนเลย แล้วทำไมตอนนี้ผู้จัดการแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนถึงจะมามอบของให้พวกเขากัน?
หรือว่าจะเป็นเพราะต้องการสร้างความสัมพันธ์?
แต่แม้ว่าเขาอยากจะสร้างความสัมพันธ์จริงๆ เขาก็สามารถติดต่อมหาลัยจินหลิงหรือไม่ก็มหาลัยอื่นๆได้นี่นา?
"คุณได้ถามไหมว่าเพราะอะไร" เฉินกั๋วผิงเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากหลุดจากภวังค์
"ผมถามแล้วครับ"
คนที่เคาะประตูเข้ามารีบพูดว่า "จ้าวเทียนเฉียงผู้จัดการของเทียนหยุนกล่าวว่า เทียนหยุนเป็นแบรนด์ที่สร้างขึ้นโดยนักศึกษาในมหาลัยของเรา และเสื้อผ้าที่พวกเขาจะมอบให้ฟรีนี้ ก็เป็นความต้องการของนักศึกษาคนนั้นที่อยากจะมอบให้กับทางมหาลัยของเราด้วยตัวเอง"
"โอ้! เป็นนักศึกษาจากมหาลัยของเรางั้นเหรอ?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเฉินกั๋วผิงก็สว่างขึ้นทันที
อย่างไรก็ตามมหาลัยเจียงหยุนก่อตั้งขึ้นมาหลายปีแล้ว เขาไม่รู้ว่ามีกี่คนที่จบออกไป และก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีบางคนเติบโตขึ้นแล้วนึกถึงมหาลัย
"คิดไม่ถึงเลยว่าเทียนหยุนที่เพิ่งได้รับความสนใจเมื่อเร็วๆนี้ จะถูกสร้างขึ้นโดยนักศึกษาจากมหาลัยของเรา ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร เป็นนักศึกษาเก่าจากรุ่นไหน"
เฉินกั๋วผิงกล่าวพลางยิ้ม เขาไม่ได้รู้จักตัวตนของฉินหยุน และเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจบการศึกษาไปนานแล้ว
ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ เขากังวลเกี่ยวกับการบ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์ในมหาลัย มากกว่าการสืบหาตัวตนของบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเทียนหยุนและคนอื่นๆมาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เฉินกั๋วผิงก็ถามว่า "พวกเขาจะมาเมื่อไร?"
คนที่มาแจ้งข่าวกับเขาพูดว่า "อีกประมาณครึ่งชั่วโมงครับ"
"เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปต้อนรับพวกเขาเอง" เฉินกั๋วผิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อผู้มีพรสวรรค์ได้รับการบ่มเพาะจนเติบโตขึ้น ผู้มีพรสวรรค์เหล่านั้นก็จะกลับมาตอบแทนมหาลัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางมหาลัยหวังที่จะเห็นมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเร็วๆนี้เทียนหยุนยังได้รับความสนใจจากคนจำนวนมาก และแม้แต่หานลู่ก็ยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการแข่งขันกับพวกเขาไปชั่วคราว ดังนั้นเขาจึงต้องการจะพบคนๆนั้นแน่นอน
...
ในบริเวณรอบๆอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งในมหาลัย ในเวลานี้มีหญิงสาวสองคนกำลังเดินมาที่นี่
ผู้หญิงคนหนึ่งมีรูปร่างสูง เธอแต่งกายด้วยการสวมแจ็กเก็ตขนสัตว์สีแดงและกางเกงยีนส์ ซึ่งมันขับเน้นให้เห็นรูปร่างของเธอชัดมากยิ่งขึ้น ใบหน้าของเธอทั้งสวยงามและก็ดูคุ้นตา
เธอก็คือหวังฉิน หัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภานักศึกษา และก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของจางหยานด้วย
ในเวลานี้จางหยานก็อยู่ข้างๆผู้หญิงคนนี้เช่นกัน
"ลูกพี่ลูกน้อง เธอยังจำฉินหยุนที่เธอเคยเจอครั้งก่อนได้ไหม?" ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินคุยกัน จู่ๆจางหยานก็ถามขึ้นมาทันทีโดยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
"อืม มีอะไรเหรอ?" เมื่อได้ยินชื่อ หวังฉินก็ถามกลับ
เธอจำได้ว่าตอนนั้นแม้หลินชิงจะเป็นรองประธานสภานักศึกษาของมหาลัย แต่หลินชิงก็สุภาพกับฉินหยุนมาก ซึ่งพวกเธอแต่ละคนมีความสามารถมากกว่านักศึกษาทั่วไปและก็มีความคิดที่ลึกซึ้งกว่า
ดังนั้นเธอจึงพาจางหยานเข้าไปขอโทษอีกฝ่ายทันที โดยที่เธอไม่ต้องการให้เกิดปัญหาอะไรที่เธอไม่รู้จัก
แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่เห็นฉินหยุนอีกเลย ภายในมหาลัยมีคนอยู่มากมายโอกาสที่จะพบใครสักคนจึงมีน้อยมาก
จางหยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ก่อนหน้านี้ฉันเห็นฉินหยุนยืนแจกใบปลิวโปรโมทร้านหม้อไฟอยู่ที่หน้าประตูมหาลัยด้วย พอมีคนถามฉินหยุนก็บอกว่าเขาทำงานพาร์ทไทม์อยู่ในร้านหม้อไฟ"
"แจกใบปลิวงั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังฉินก็รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย
"ใช่แล้วลูกพี่ลูกน้อง ฉันเพิ่งพูดไปเองว่าฉินหยุนไม่ได้มีภูมิหลังพิเศษอะไร เขาแค่รู้จักกับหลินชิงรองประธานสภานักศึกษาเฉยๆ เธอคิดมากไปเอง"
เธอเกลียดฉินหยุน และในใจของเธอก็ไม่ต้องการให้ฉินหยุนมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร
และถ้าฉินหยุนมีภูมิหลังที่พิเศษจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไปยืนแจกใบปลิว นี่เป็นสิ่งที่เธอคิดได้ง่ายๆ
หวังฉินไม่ได้เอ่ยอะไร เธอมองไปข้างหน้าและพูดว่า "เธอรอที่นี่ก่อน ฉันจะไปหาอาจารย์ซูที่เป็นคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชนเพื่อขอข้อมูลบางอย่าง"
"โอเค ลูกพี่ลูกน้อง" จางหยานพยักหน้าทันที
จากนั้นหวังฉินก็เดินมาที่สำนักงานของซูเฉียน ซูเฉียนเป็นผู้รับผิดชอบของคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชนของสภานักศึกษา
หลังจากนำเอกสารบางอย่างออกมาและมอบให้หวังฉินแล้ว ซูเฉียนก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "หวังฉิน ก่อนหน้านี้เธอสมัครขอชุดยูนิฟอร์มของฝ่ายศิลปวัฒนธรรมไป เรื่องนี้น่าจะได้รับการอนุมัติเร็วๆนี้แหละ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของหวังฉินก็สว่างขึ้น เธอพูดว่า "อาจารย์ซู ฝ่ายประชาสัมพันธ์จัดการให้แล้วเหรอคะ?"
"ไม่ใช่หรอก"
ซูเฉียน อาจารย์ที่ปรึกษาของคณะกรรมการสันนิบาตเยาวชนยิ้มและพูดว่า "บริษัทเทียนหยุนจะมอบชุดเสื้อผ้าให้กับมหาลัยของเราฟรีๆ และจำนวนของมันก็ไม่น้อยเลย หลังจากนี้ก็น่าจะแจ้งให้สภานักศึกษาและนักศึกษาจากทุกชั้นเรียนได้ทราบกันแล้ว"
"บริษัทเทียนหยุน?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจของหวังฉินก็กระตุกขึ้นทันที "ใช่เทียนหยุนที่เคยแข่งขันกับหานลู่ไหมคะ?"
ก่อนหน้านี้สตรีมเมอร์บางคนในจินหลิงเคยถ่ายทอดสดสถานการณ์ของเทียนหยุนและหานลู่ลงในโต่วอินจนโด่งดังไปทั่ว ซึ่งพวกเธอก็เป็นคนที่อยู่ในเมืองจินหลิง ดังนั้นแน่นอนว่าต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์เหล่านี้ด้วย
"ใช่แล้ว ผู้ก่อตั้งบริษัทเทียนหยุนเป็นคนจากมหาลัยของเรา" ซูเฉียนพยักหน้าพลางกล่าวเสริม
"จากมหาลัยของเรา?"
หวังฉินแสดงสีหน้ายินดีพลางพูดว่า "เป็นคนที่จบไปแล้ว หรือว่าเป็นรุ่นพี่ปีไหนเหรอคะ"
"ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"
ซูเฉียนส่ายหัว จากนั้นเธอก็พูดว่า "แต่อีกไม่นานก็น่าจะรู้แล้ว"
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved