ขณะมองไปที่จั่วหาน ซุนเฉียนพูดกับเขาด้วยใบหน้าสงบปราศจากอารมณ์ "ครั้งนี้การแข่งขันกับเทียนหยุนในเมืองจินหลิง มณฑลเจียงซูแห่งนี้ พวกเราหานลู่ถือว่าพ่ายแพ้แบบยับเยินมาก ในเมื่อเรารู้ตัวว่าแพ้ แล้วทำไมยังต้องดันทุรังอยู่อีก"
"ตอนนี้สถานการณ์ของที่นี่กำลังวุ่ยวาย นอกจากสาขาที่เมืองจินหลิงแล้วร้านเสื้อผ้าหานลู่สาขาอื่นๆของเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือรวบรวมความแข็งแกร่งและทำให้มันมั่นคงขึ้นอีกครั้ง"
สีหน้าของจั่วหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เข้ามาทำตลาดที่มณฑลเจียงซู แม้ว่าจะเปิดร้านค้าขึ้นหลายแห่งในเมืองจินหลิง แต่ที่เมืองอื่นๆก็ยังมีร้านสาขาของพวกเขาอยู่เช่นกัน
แต่จินหลิงเป็นสถานที่เดียวที่เขาให้ความสำคัญ และครั้งนี้งานกิจกรรมจับสลากก็จัดขึ้นแค่ในจินหลิงเท่านั้น สำหรับร้านเสื้อผ้าหานลู่ในที่อื่นๆ โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่มีพลังงานและทรัพยากรมากพอที่จะไปดูแลมันได้
"เผชิญหน้ากับศัตรูทั้งๆที่รู้ว่ารับมือได้ยาก เหตุใดเรายังต้องคอยบุกฝ่าเข้าไปตีพวกเขาด้วย? เราต้องสะสมกำลังและค่อยๆค้นหาจุดอ่อนของเทียนหยุนไปพร้อมๆกับการพัฒนาขึ้นอย่างมั่นคง นี่คือวิธีทำธุรกิจที่ถูกต้อง"
ซุนเฉียนกล่าวออกมาโดยไม่มีการไว้หน้าเลย เห็นได้ชัดว่าเธอคิดว่าวิธีการทำการตลาดก่อนหน้านี้ของจั่วหานนั้นเป็นวิธีที่ผิด
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอกล่าว ใบหน้าของจั่วหานก็ยิ่งอัปลักษณ์ขึ้น
เขาเงียบไปสักพัก จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ในเมื่อตอนนี้ผู้อำนวยการซุนเป็นผู้รับผิดชอบหลักของร้านเสื้อผ้าหานลู่ในมณฑลเจียงซู คุณอยากจะทำอะไรก็ทำ ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นผมขอตัวก่อน"
เขาหันหลังกลับและเดินออกไปจากที่นี่ทันที
ซุนเฉียนมองไปที่ด้านหลังของเขา ดวงตาของเธอฉายแววดูถูกเหยียดหยาม เธอมองไปที่หลินหู่อีกครั้งและพูดกับเขาว่า "ผู้จัดการหลิน ทำตามคำสั่งของฉัน แผนของเราคือร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้งสิบเอ็ดสาขาจะปิดร้านลงก่อน เหลือพนักงานบางส่วนไว้ในร้านขายเสื้อผ้าให้คอยจัดการกับปัญหาการคืนสินค้าที่เกิดจากเหตุการณ์นี้"
หลินหู่ไม่กล้าที่จะลังเล เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วพลางกล่าวว่า "ได้ครับ ผู้อำนวยการซุน"
ด้วยคำสั่งดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการจับสลากที่จัดขึ้นเป็นเวลา 8 วันโดยมีค่าใช้จ่ายหลายล้านหยวน หรือแม้กระทั่งร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้ง 11 สาขาที่ร้อนแรงอยู่หลายวัน จู่ๆทั้งหมดก็หยุดกำเนินการทันที
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าในเมืองจินหลิงทั้งหมดก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน
"ไม่น่าเชื่อว่าร้านขายเสื้อผ้าทั้งสิบเอ็ดแห่งของหานลู่ในจินหลิงจะถูกปิดไปทั้งหมด!"
"การแข่งขันระหว่างเทียนหยุนกับหานลู่ ปรากฎว่าสุดท้ายแล้วผู้ที่ชนะก็คือเทียนหยุน!"
"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"
ทุกคนที่ได้ยินข่าวต่างก็ตกใจกับเรื่องนี้
ฝ่ายหนึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้าน และอีกฝ่ายหนึ่งเพิ่งเปิดร้านได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่าฝ่ายหลังอ่อนแอกว่าแน่นอน
สุดท้ายกลับกลายเป็นฝ่ายแรกที่พ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน!
ราวกับว่ากระต่ายกระทืบสิงโตจนตาย มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สายตาของพวกเขาหานลู่ได้ปิดประตูร้านไปเรียบร้อยแล้ว และสิ่งของที่อยู่ข้างในก็ถูกย้ายออกไปทีละอย่าง
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เทียนหยุนเป็นฝ่ายชนะ
...
อาคารสำนักงานของบริษัทจวินชิง เฝิงเทียนจวินและเซียวเฉียนเฉียนกำลังมองดูข้อมูลบางอย่างด้วยสีหน้าตกใจ
"ตามรายงานข้อมูล สิ่งของทั้งหมดในร้านเสื้อผ้าหานลู่ถูกขนย้ายออกไปหมดแล้ว" เฝิงเทียนจวินกล่าวด้วยความตกใจ
เขาให้ความสนใจกับการต่อสู้ระหว่างเทียนหยุนและหานลู่มาตลอด แต่ตอนนี้มันจบลงชั่วคราวด้วยผลลัพธ์ดังกล่าว
เซียวเฉียนเฉียนก็เช่นเดียวกัน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
เธอรู้ว่าสภาพครอบครัวของฉินหยุนเป็นอย่างไร พวกเขาเป็นเพียงครอบครัวเล็กๆในชนบทของเขตชิงอู๋เท่านั้น ไม่ได้มีภูมิหลังอะไรเลย
แต่ตอนนี้หานลู่ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนกำลังเริ่มเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่สร้างโดยฉินหยุน ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินหยุนมาพัวพันกับเซียวหลานน้องสาวของเธอ เธอคิดว่าตัวของฉินหยุนนั้นไม่คู่ควรอย่างยิ่ง และเธอก็ไม่ได้มองในแง่ดีเกี่ยวกับการพัฒนาของเทียนหยุนเลย
เพราะเธอรู้ว่าการเริ่มต้นทำธุรกิจเองนั้นมันยากแค่ไหน! ความเป็นไปได้ที่ฉินหยุนจะทำสำเร็จนั้นแทบจะเป็นศูนย์
แต่ตอนนี้เทียนหยุนได้พัฒนาขึ้นอย่างแท้จริงแล้วภายใต้การปราบปรามของคู่แข่งที่แข็งแกร่ง
นี่คือชายหนุ่มคนที่ถูกเธอดูถูก และก็คือคนเดียวกับที่เหวินหยุนแม่ของเซียวหลานพยายามอย่างเต็มที่ที่จะป้องกันไม่ให้เขาคบกับลูกสาวของเธอ เขาสามารถมาถึงจุดนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น!
...
"พี่สาวจาง"
ในอีกฝั่งหนึ่งของสำนักงานบริษัทจวินชิง ซูซานมองไปที่จางฉินเยว่ เธออ้ำอึ้งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
จางฉินเยว่มีท่าทางนิ่งเงียบ เมื่อตอนที่เทียนหยุนถูกก่อตั้งขึ้น เธอเป็นคนแรกที่ไปสมัครงานที่นั่น แต่ฉินหยุนไม่เห็นด้วยกับเรื่องขอหุ้นเป็นค่าตอบแทน ดังนั้นเธอจึงเข้ามาหาจวินชิง
ในขณะนี้เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม จวินชิงเปิดร้านขายเสื้อผ้าสาขาที่สองเรียบร้อยแล้ว
แต่ในเวลานี้เทียนหยุนก็ได้เปิดร้านค้ามากกว่าสิบแห่งแล้วเช่นกัน แถมยังได้รับชัยชนะจากศึกครั้งสุดท้ายในการแข่งขันกับหานลู่ ซึ่งเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในเครือเสื้อผ้าอีกด้วย
ในเวลานี้ถือว่าเทียนหยุนสามารถตั้งหลักในตลาดของเมืองจินหลิงได้แล้ว และไม่มีแบรนด์เสื้อผ้าใดกล้าที่จะสบประมาทพวกเขาได้ง่ายๆ
เมื่อเทียบกันแล้ว ไม่รู้ว่าร้านเสื้อผ้าจวินชิงจะต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะถึงระดับนี้ได้
ในตอนแรกเธอต้องการนำจวินชิงเพื่อเอาชนะเทียนหยุน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่เป็นเรื่องตลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
...
อุตสาหกรรมเสื้อผ้าในจินหลิงกำลังสั่นสะเทือนไปด้วยความตกตะลึง แต่ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงกำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขากล่าวรายงานออกมาว่า "บอสฉินครับ ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าหานลู่ทั้งสิบเอ็ดแห่งปิดร้านของพวกเขาแล้วครับ และเพราะเรื่องนี้ทำให้ยอดขายของเทียนหยุนเพิ่มขึ้นโดยตรงถึง 20% เลย การต่อสู้ในครั้งนี้แบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงจากทุกคนแล้วครับ"
อันที่แล้วมันเป็นกระบวนการที่ยากมากตั้งแต่การสร้างแบรนด์ไปจนถึงการให้ทุกคนจดจำ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนผ่านการแข่งขันที่ดุเดือดกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ ชื่อของแบรนด์เทียนหยุนก็ได้รับการปักหลักลงในตลาดจินหลิงอย่างสมบูรณ์!
ในความประทับใจของทุกคน นี่เป็นเพียงแบรนด์เสื้อผ้าเล็กๆที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเท่านั้น แต่กลับสามารถฝังรากลึกลงในใจของผู้คนได้ในระดับหนึ่งเลย
ต่อจากนี้คงมีร้านขายเสื้อผ้าเพียงไม่กี่แห่งที่กล้าที่จะจัดการกับเทียนหยุนอีกครั้ง ซึ่งเส้นทางการพัฒนาของพวกเขาก็คงจะราบรื่นขึ้นในทันใด ราวกับว่ามันทะลุผ่านคอขวดไปเรียบร้อยแล้ว
"ปิดร้านแล้วงั้นเหรอ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็คิดกับตัวเองว่า ‘เร็วกว่าที่ฉันคิดไว้นิดหน่อย’
จั่วหานผู้ซึ่งมีเงินทุนอยู่เป็นจำนวนมากและมีความทะเยอทะยานที่ต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง แต่เขากลับทนดิ้นรนอยู่ได้แค่สองเดือนเท่านั้น สุดท้ายก็จบลงในเงื้อมมือของเทียนหยุน
เขายังจำได้ดีว่าจั่วหานปฏิบัติกับเขาอย่างไรเมื่อตอนที่เขามาเพื่อปราบปรามเทียนหยุน
ในสายตาของจั่วหานตอนนั้นคงคาดว่าการปราบปรามเทียนหยุนมันคงง่ายเหมือนกับการบี้มดให้ตาย ฉินหยุนอยากจะไปดูสีหน้าของเขาในเวลานี้จริงๆ
จ้าวเทียนเฉียงรายงานข้อมูลด้วยความตื่นเต้น ผิดกับเมื่อตอนแรกที่เขาได้ยินว่าหานลู่กำลังปราบปรามพวกเขาเลย ในเวลานั้นเขาตื่นตระหนกมาก
แต่ในเวลานี้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ หากหานลู่มาปราบปรามพวกเขาอีกครั้ง เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับมันด้วยความสงบได้อย่างแน่นอน
"แผนการของเราสำหรับร้านขายเสื้อผ้ายังคงเหมือนเดิม ต่อไปก็เป็นงานประชุมประจำปีของบริษัท และร้านสามสาขาที่จะเปิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ จัดการตามลำดับ" ฉินหยุนสั่ง
"ได้ครับ" จ้าวเทียนเฉียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
...
"ฉินหยุน ทำไมนายดูอารมณ์ดีจัง?"
หลินเมิ่งเมิ่งถามอย่างอยากรู้อยากเห็นขณะที่กำลังอยู่ในห้องเรียนของมหาลัยเจียงหยวน
"เจอเรื่องที่มีความสุข แน่นอนว่าฉันก็ต้องมีความสุขสิ" ฉินหยุนยิ้ม
"เป็นเพราะวันหยุดฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ใช่ไหม?" หลินเมิ่งเมิ่งถามด้วยรอยยิ้ม
วันหยุดเป็นวันที่ทุกคนรู้สึกมีความสุขมาก
หลังเลิกเรียนจ้าวคังฮ่าวมาหาเขาและกล่าวว่า "ฉินหยุนนายว่างไหม?"
"มีอะไรเหรอ?" ฉินหยุนถามกลับ
จ้าวคังฮ่าวอธิบายว่า "ทั้งฝั่งหอพักของเรากับฝั่งหอพักของอีอีไปกินข้าวด้วยกันหลายครั้งแล้ว แต่นายไปแค่สองครั้งในช่วงแรกๆเอง ฉันมีคูปองของร้านซินหยางหม้อไฟอยู่มันกำลังจะหมดอายุพอดี เราจะไปกินหม้อไฟด้วยกันที่นั่น นายไปด้วยกันไหม?"
จ้าวคังฮ่าวทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย ทั้งฝั่งหอพักของพวกเขาและหอพักของเจียงอีแบ่งออกเป็นสองทีม ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะไปสังสรรค์กันอยู่หลายครั้ง แต่ฉินหยุนกลับเข้าร่วมเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ซึ่งฉินหยุนก็ไปแค่สองครั้งแรกจริงๆ
ประเด็นก็คือเมื่อมีการแข่งขันระหว่างเทียนหยุนและหานลู่ ช่วงเวลาก่อนหน้านี้มันดุเดือดมาก ฉินหยุนจึงหาเวลาที่จะไปนั่งกินข้าวกับพวกเขาอย่างสบายใจไม่ได้เลย
ฉินหยุนพยักหน้าโดยไม่ลังเลพลางตอบว่า "แน่นอน ฉันว่าง"
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved