ตอนที่ 148 ปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

ในร้านเสื้อผ้าหานลู่ ขณะนี้จั่วหานกำลังมองเข้าไปในระยะไกลอย่างเงียบๆ

ที่นั่น ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงเปิดทำการอยู่

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังไม่ยอมแพ้อีกงั้นเหรอ?" จั่วหานกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ผ่านมาตั้ง 20 กว่าวันแล้วตั้งแต่ที่เขาดำเนินการเปิดร้านขายเสื้อผ้าหานลู่ และในทุกๆวันที่เขาเปิดร้าน ต่างก็ใช้จ่ายเงินออกไปมากมายจริงๆ

เขาจ้างเหล่าหน้าม้ามาเป็นจำนวนมาก มันทำให้ร้านเสื้อผ้าหานลู่ระเบิดความร้อนแรงมากขึ้นก็จริง แต่เงินในมือของเขาก็เหมือนน้ำที่ไหลลงไปในที่ต่ำ ซึ่งเขาก็ใช้มันอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าจะรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อยก็ตาม

"ใช่ครับบอสจั่ว สถานการณ์ฝั่งร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังไม่มีอะไรที่ส่อแววผิดปกติเลยครับ" ชายวัยกลางคนกล่าว

"ดูเหมือนว่าฉินหยุนยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ และยังคงยึดมั่นอยู่"

จั่วหานครุ่นคิดเล็กน้อย

ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา การเข้าออกของลูกค้าต่อวันในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าหานลู่นั้นสูงมาก ราวกับว่าธุรกิจทั้งถนนย่านการค้าต่างก็ถูกพวกเขาปล้นไป

ถึงตอนนี้จำนวนของลูกค้าในการเข้าออกภายในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะลดลงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน แต่เมื่อเทียบกับร้านขายเสื้อผ้าอื่นๆ เทียนหยุนก็ยังคงมีลูกค้าเข้าไปที่ร้านมากมาย

อันที่จริงราคาเสื้อผ้าในร้านของเขาต่ำมากและดีไซน์ของเสื้อผ้าก็คล้ายกันกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วย เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าจะยังมีลูกค้าที่ไม่ซื้อเสื้อผ้าราคาต่ำของเขา และแม้แต่เข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแทน ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน แต่ในขณะนี้ก็พอจะใช้ร้านของเขาเป็นเกณฑ์คร่าวๆได้

เงินที่เขาสูญเสียไปนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกวัน แต่ฉินหยุนก็น่าจะสูญเสียเงินมากขึ้นเช่นกันแน่นอน

ในขณะนี้เอง ทันใดนั้นโทรศัพท์ของชายวัยกลางคนดังขึ้น

เขารับสายแล้วกล่าวอยู่สองสามคำจากนั้นก็วางสายไป

"บอสจั่วครับ เมื่อกี้คนของเราโทรมา บอกว่าร้านขายเสื้อผ้าขนาด 40 ตารางเมตรของฉินหยุนกำลังจะปิดตัวลงแล้ว" ชายวัยกลางคนกล่าว

"ดูเหมือนว่าเขาจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว" เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจั่วหานทันที

"สามารถอยู่ได้นานขนาดนี้ภายใต้แรงกดดันจากแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ของเรา ฉินหยุนคนนี้ถือว่ามีความสามารถมากทีเดียว"

อันที่จริงก่อนหน้านี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ได้ปราบปรามร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆมาแล้วมากมาย บางร้านนั้นส่วนมากยืนหยัดอยู่ได้แค่สองสามวันก็ปิดร้านหนีไปทันที ซึ่งไม่กล้าที่จะต่อต้านพวกเขาเลยแม้แต่นิด

"นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เดาว่าต่อจากนี้ร้านอื่นๆของเขาก็น่าจะทยอยปิดไป"

แล้วก็เป็นดังที่จั่วหานกล่าว ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมาร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาที่สองของฉินหยุน พวกเขาก็ได้ติดต่อเจ้าของที่โดยมีแผนที่จะยกร้านค้าคืนให้ จากนั้นก็เป็นร้านที่สามและร้านที่สี่...

"ยังไงก็ตาม แม้ว่าจะถอยตอนนี้แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก" จั่วหานยิ้มอย่างชั่วร้าย

หลังจากที่ฉินหยุนติดต่อกับเจ้าของที่เหล่านั้นแล้ว เจ้าของที่ที่ก่อนหน้านี้เต็มใจจะเป็นฝ่ายผิดสัญญาขอยกเลิกการให้เช่าร้าน กลับเปลี่ยนใจและไม่เต็มใจที่จะยกเลิกสัญญาเสียอย่างนั้น

ไม่ใช่แค่ร้านเดียว แต่ทั้ง 6 ร้านต่างก็เป็นแบบเดียวกัน!

"โอ้ บอสฉิน คุณตกลงที่จะคืนร้านให้ผมแล้วงั้นเหรอ? แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รีบร้อนแล้วล่ะ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถคืนเงินให้คุณได้หรอกนะ" เจ้าของที่หลินต้าเฉียงส่ายหัวของเขาพลางกล่าวออกมา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฉินหยุนก็กลายเป็นอัปลักษณ์ทันที เขากล่าวว่า "บอสหลิน ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้คุณต้องการร้านคืนหรอกเหรอ แถมคุณยังมาที่ร้านเพื่อสร้างปัญหาให้ผมอีก"

"ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว"

หลินต้าเฉียงยิ้มพลางกล่าวว่า "ถ้าคุณอยากยกเลิกสัญญา คุณก็หาคนอื่นมาเซ้งต่อได้"

"งั้นผมขอเงินค่าเช่าที่คืนแค่ครึ่งเดียวก็ได้" ฉินหยุนดูเหมือนจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยายามกล่าวต่อรอง

"ผมไม่สามารถยกเลิกสัญญาเช่าให้ได้จริงๆ" หลินต้าเฉียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

คำกล่าวของเขาทำให้ทั้งฉินหยุนและฉินลู่ สีหน้าย่ำแย่กันทันที

"เสี่ยวหยุน ดูเหมือนว่าหานลู่จะสั่งให้พวกเขาบอกกับเราแบบนี้" เมื่อเห็นว่าหลินต้าเฉียงเดินออกไปแล้ว ฉินลู่ก็กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ

เจ้าของที่เหล่านี้ตระหนักถึงการแข่งขันระหว่างร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองแห่งดี แต่แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ได้ซื้อตัวพวกเขาไปนานแล้ว และร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็กำลังจะปิดตัวลงในไม่ช้าก็เร็วนี้แน่นอน พวกเขาจึงไม่ได้กลัวที่จะทำให้ฉินหยุนขุ่นเคืองเลย

"แน่นอนว่าพวกเขาต้องอยู่เบื้องหลัง"

ฉินหยุนพยักหน้าและกล่างอย่างใจเย็น

"แล้วเราจะทำยังไงกันต่อ?" ฉินลู่อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็กล่าวว่า "ร้านเล็กๆทั้งหกร้านปิดไปหมดแล้ว เราไปร้านต่อไปกันเถอะ"

ฉินลู่รู้ความคิดของฉินหยุน เธอจึงไม่ได้กล่าวอะไรมาก

ตอนนี้ฉินหยุนได้ซื้อร้านค้าร้านใหม่ด้วยเงินสดเต็มจำนวนแล้ว และตอนนี้ร้านค้าร้านเก่าก็เริ่มทยอยปิดไป ซึ่งสิ่งของทุกอย่างในร้านเก่าก็พร้อมที่จะขนย้ายไปยังร้านใหม่

หลังจากปิดทั้ง 6 ร้านลงแล้ว ฉินหยุนก็มาถึงร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาที่ถนนย่านการค้า

แม้ว่าในเวลานี้จะยังคงมีลูกค้าจำนวนมากอยู่ภายในร้านขายเสื้อผ้า แต่พนักงานในร้านกลับมีสีหน้าเป็นกังวล

"ช่วงนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่พยายามปราบปรามร้านของเราอย่างหนักเลย ฉันไม่รู้ว่าร้านของเราจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน"

"บอสดีกับเรามาก แถมเงินเดือนก็สูงอีกด้วย ที่สำคัญเขายังทำประกันสังคมให้เราตั้งห้าฉบับและกองทุนที่อยู่อาศัยอีกหนึ่งหลังเลยด้วย สวัสดิการในแต่ละด้านต่างก็สมบูรณ์แบบ ฉันไม่อยากให้ร้านปิดตัวลงเลย"

"ไม่อยากให้ปิดแต่เราจะทำอะไรได้ล่ะ? ด้วยบริษัทใหญ่อย่างแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่นี้เราช่วยอะไรไม่ได้เลย ขนาดผู้จัดการร้านจางอี้อี้ก็ยังออกจากร้านและไปเข้าร่วมกับร้านเสื้อผ้าหานลู่เลย"

"เพื่อนของฉันก็ทำงานอยู่ในร้านสาขาเล็กของเรา เมื่อกี้เธอเพิ่งส่งข้อความมาบอกฉันว่าร้านค้าสาขาเล็กถูกปิดแล้ว และของทุกอย่างในนั้นก็เริ่มขนออกไปแล้วด้วย"

...

พนักงานในร้านขายเสื้อผ้าเหล่านี้กำลังพูดคุยกัน โดยพวกเธอพากันกังวลเกี่ยวกับร้านค้ามาก

หลังจากผ่านมาสักพักพวกเธอก็ได้รู้ว่าร้านขายเสื้อผ้าของพวกเธอกำลังแข่งขันกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่อยู่ และแค่ค้นในไป่ตู้นิดหน่อยก็สามารถหาข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ได้แล้ว

จู่ๆก็มีร้านขายเสื้อผ้าในเครือของบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาปราบปรามร้านขายเสื้อผ้าของพวกเธอ แล้วร้านค้าเล็กๆของพวกเธอจะไปสู้ได้อย่างไร? ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรอนับระยะเวลาที่จะยืนหยัดก่อนจะพ่ายแพ้ได้เลย

ในใจของพวกเธอกังวลมากเกี่ยวกับร้านค้า แต่ที่สำคัญกว่านั้นพวกเธอกังวลเกี่ยวกับงานในอนาคตมากกว่า

ถ้าร้านปิดลงพวกเธอก็จะต้องออกไปหางานใหม่ และร้านขายเสื้อผ้าร้านอื่นๆเทียบไม่ได้กับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเลยในแง่ของค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ

"เอาล่ะๆ ระหว่างทำงานอย่ามัวแต่กระซิบกระซาบกันอยู่" โจวจินหลัน ผู้จัดการร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ขมวดคิ้วพลางกล่าวออกมา

ทันใดนั้นพนักงานในร้านก็ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก

หลังจากที่เธอกล่าวจบ โจวจินหลันก็มองไปที่ประตู และเมื่อเธอเห็นเงาร่างคนๆหนึ่งเธอก็รีบก้าวไปหาทันที

"บอสฉินคะ"

ขณะที่มองไปที่ฉินหยุน เธอก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับงานในอนาคตของเธอมากเช่นกัน

ท้ายที่สุดเธอก็พอใจกับงานที่นี่มาก

ฉินหยุนพยักหน้าให้เธอ จากนั้นรอสักครู่ และภายในไม่กี่นาทีชายวัยกลางคนๆหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านขายเสื้อผ้า

ชายวัยกลางคนๆนี้ก็คือเจ้าของๆที่แห่งนี้

"บอสฉิน คุณต้องการยกเลิกสัญญาเช่าร้านใช่ไหม?" เจ้าของที่บอสหลิวเอ่ยขึ้นทันทีที่เดินเข้ามา

"ใช่แล้วบอสหลิว ผมจะไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานได้ถ้าหากผมไม่ได้เงินค่าเช่าคืน" ฉินหยุนส่ายหัวพลางถอนหายใจออกมา และเขาก็แสร้งทำเป็นว่ามีปัญหามาก

ตอนนี้การเตรียมการของเขาเสร็จสิ้นหมดแล้ว แต่เขายังไม่ได้เปิดเผยมันออกมา ซึ่งเขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เห็นสีหน้าของจั่วหาน เมื่อเขาได้พบว่าร้านค้าทั้ง 12 แห่งของเขาเปิดขึ้นใหม่พร้อมกันติดๆกับร้านเสื้อผ้าหานลู่

สำหรับตอนนี้ เขาจะให้จั่วหานได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขต่ออีกนิดหน่อย

"บอสฉิน คุณก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมหมายถึงอะไร และผมก็ไม่ตกลงที่จะยกเลิกสัญญาเช่ากับคุณ"

หลังจากคุยกันสักพัก บอสหลิวเจ้าของที่ของร้านค้าแห่งนี้ ก็ยังไม่ยอมตกลง

เมื่อผู้จัดการร้านโจวจินหลันและพนักงานคนอื่นๆที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน จิตใจของพวกเธอก็เริ่มจมดิ่งลงไปทันที

"บอสฉินมาถึงจุดจบแล้วงั้นเหรอ"

ก่อนหน้านี้พวกเธอเคยชื่นชมฉินหยุนมาก แต่ภายใต้แรงกดดันของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ ฉินหยุนกลับเตรียมที่จะปิดร้านขายเสื้อผ้าของเขาแล้ว

การเจรจาล้มเหลว เจ้าของที่ก็ออกจากที่แห่งนี้ ซึ่งฉินหยุนก็ไม่ได้รีรออะไร เขาสั่งให้โจวจินหลันปิดร้านและเคลียร์ยอดขายของวันนี้ทันที

ในร้านขายเสื้อผ้า พนักงานมากกว่า 20 คนยืนอยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่ละคนไม่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอย่างที่เคยเลย

"ร้านขายเสื้อผ้ากำลังจะปิดลงจริงๆ"

"ถ้าปิดแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานที่ไหนดี"

"ฉันก็ด้วย"

แม้ว่าคนทั้ง 20 กว่าคนจะกระซิบกันด้วยเสียงเบาๆ แต่เมื่อฟังดูแล้วกลับรู้สึกว่ามันเสียงดังเล็กน้อย

(จบตอน)