ตอนที่ 159 ซื้อด้วยเงินสด

หลังสี่ทุ่ม ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ปิดร้านลง

"บอสฉินครับ ยอดขายของวันนี้คำนวณออกมาแล้วครับ"

จากนั้นยอดขายของสินค้าต่างๆในร้านขายเสื้อผ้าก็ถูกจ้าวเทียนเฉียงรายงานออกมา

วันนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเริ่มเปิดกิจการขึ้นเวลา 8.30 น.และปิดร้านในเวลา 22.00 น. ตลอดทั้งวันที่ผ่านมายอดขายของร้านขายเสื้อผ้าทั้ง 4 สาขาที่มีพื้นที่ขนาด 200 กว่าตารางเมตร แต่ละร้านมียอดขายประมาณ 80,000 หยวน เมื่อนับรวมกันมันเป็นเงินมากกว่า 300,000 หยวน!

นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้าขนาด 40 ตารางเมตรอีก 8 สาขา และแต่ละสาขาก็ทำยอดขายได้มากกว่า 13,000 หยวน ซึ่งยอดขายรวมกันของร้านค้าทั้ง 8 แห่งนี้มีมากกว่า 100,000 หยวน!

ดังนั้นในเมืองจินหลิงแห่งนี้ ยอดขายรวมของร้านขายเสื้อผ้าทั้ง 12 สาขาจึงพุ่งทะลุเป้าไปถึง 400,000 กว่าหยวน!

นอกจากนี้ ถ้านับรวมกับร้านค้าอีก 4 แห่งในเขตชิงอู๋ เท่ากับว่ายอดขายรวมของร้านค้าทั้งหมดมีประมาณ 450,000 หยวนเลย!

นี่แค่วันเดียวเท่านั้น!

ค่ายกลรวบรวมโชคลาภของฉินหยุนเพิ่งเปิดขึ้นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ตอนนั้นต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเลยกว่าจะสามารถทำยอดขายให้ได้ 400,000 หยวน แต่ตอนนี้กลับได้มากกว่าภายในเวลาแค่หนึ่งวัน

ฉินหยุนได้นำเงินบางส่วนออกมา เพื่อเตรียมที่จะใช้ซื้อหุ้นตัวที่เขาเล็งไว้

และเกือบทุกๆวันหลังจากนั้น เขาจะหยิบเงินบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาเพื่อนำซื้อหุ้น

...

ที่ถนนย่านการค้าในเมืองจินหลิง ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เพิ่งเปิดใหม่กำลังเฟื่องฟูมาก มีลูกค้าอย่างน้อย 30 คนอยู่ในร้านเกือบตลอดเวลา ซึ่งทำให้ภายในร้านดูแออัดเล็กน้อย

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว ก่อนหน้านี้มันเคยเปิดอยู่ที่อื่น แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนมาอยู่ที่นี่แล้ว"

"ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ตาม แต่เสื้อผ้าในร้านก็ยังคุณภาพดีเหมือนเดิม"

"พูดตามตรง เสื้อผ้าของเทียนหยุนนั้นใส่สบายมาก เมียฉันบอกว่าถ้าจะซื้อเสื้อผ้าให้มาซื้อที่ร้านนี้เท่านั้น"

หลายๆกำลังพูดคุยสนทนากัน

ถัดจากร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เพิ่งเปิดใหม่ เป็นร้านขายของเล็กๆที่มีพื้นที่เพียงไม่กี่สิบตารางเมตรแห่งหนึ่ง นี่คือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็ก

"ร้านพวกเขาขายดีกันจริงๆ"

เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กถอนหายใจออกมา

ตอนนี้ธุรกิจของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังเฟื่องฟู และร้านของเขาที่ตั้งอยู่ข้างๆก็ได้ผลพลอยได้ไปด้วย

เมื่อลูกค้าที่มาเลือกซื้อเสื้อผ้าบางคนเห็นร้านของเขาตั้งอยู่ข้างๆ ลูกค้าเหล่านั้นจึงมาซื้อของบางอย่างในร้านของเขาด้วย

"เถ้าแก่ จ่ายบิลหน่อย" ในขณะนี้เองชายวัย 30 ปีก้าวมาที่ด้านหน้าของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม

การชำระเงินเสร็จอย่างรวดเร็ว แต่ชายคนนั้นยังไม่ได้จากไปทันที เขากลับชี้ไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่ตั้งอยู่ข้างๆแล้วถอนหายใจออกมา "ร้านเสื้อผ้านั่นขายดีจริงๆ"

"ใช่" เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กยิ้มและพยักหน้า "ฉันยังไม่เคยเห็นร้านขายเสื้อผ้าที่ไหนเป็นที่นิยมขนาดนี้มาก่อนเลย"

เขากล่าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งในใจของเขาก็หวังว่าร้านข้างๆเขาจะยังคงเป็นที่นิยมต่อไป

สาเหตุที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หรือร้านค้าที่อยู่ใกล้ศูนย์การค้าบางแห่งมีค่าเช่าที่สูง นั่นเป็นเพราะผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามา

เมื่อสถานที่ใดมีการสัญจรผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเวลา สถานที่แห่งนั้นก็จะมีคนมาคอยซื้อของอยู่เสมอ

คนเยอะไม่กลัว กลัวไม่มีคนมากกว่า

ชายคนนี้ต่อบทสนทนากับเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กด้วยวิธีนี้

หลังจากพูดคุยกันสักพัก ชายคนนั้นก็หันหน้ามาและเอ่ยถามว่า "ยังไงก็เถอะ ผมจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ตรงนี้ไม่ใช่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนี่นา พวกเขาเพิ่งมาเปิดใหม่ใช่ไหม"

"อืม ร้านขายเสื้อผ้าที่เคยเปิดนั่นขายไม่ค่อยดีเท่าไร พวกเขาก็เลยปิดตัวลง" เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"โอ้ ถ้าอย่างนั้นค่าเช่าที่นี่ก็ไม่น่าจะต่ำแน่นอน เจ้าของที่ของร้านนี้คงทำเงินได้มากมาย" ชายคนนั้นกล่าวต่อ "พูดก็พูดเถอะ คนที่มีร้านค้าเป็นของตัวเองนี่หาเงินได้สบายจริงๆ แค่ปล่อยให้คนอื่นมาเช่าที่ จากนั้นก็รอรับเงินค่าเช่า"

เขามองไปที่เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กพลางกล่าวว่า "คุณก็น่าจะรู้สถานการณ์ที่นี่ดี เถ้าแก่ คุณอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้วล่ะ?"

"ห้าปีแล้ว ค่อนข้างนานเลย"

"แล้วคุณรู้จักเจ้าของที่ของร้านขายเสื้อผ้าข้างๆไหม?"

"รู้จักสิ อวี๋ฮ่าวจื่อ เขาเป็นคนมีเงิน ทุกคนที่อยู่แถวๆนี้ต่างก็รู้จักเขากันทั้งนั้น"

หลังจากพูดคุยกันสักพัก ชายคนนั้นก็ค่อยๆถามเป็นนัยๆถึงข้อมูลของเจ้าของที่คนปัจจุบันที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนตั้งอยู่ และในที่สุดเขาก็ได้รับข้อมูลการติดต่อกับบุคคลนั้น

จากนั้นเขาก็หลบออกไปในที่แห่งหนึ่ง และกดโทรศัพท์โทรออก

"ฮัลโหล มีอะไร" เมื่อปลายสายกดรับสาย เสียงที่ดูห้าวๆก็เอ่ยขึ้นมา

"สวัสดีครับบอสอวี๋ ตอนนี้ผมอยู่บนถนนย่านการค้าในเขตจินหยาน คุณให้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเช่าร้านของคุณใช่ไหมครับ พอดีเราอยากจะขอพบและพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านนี้กับคุณหน่อยครับ" ชายคนนั้นกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว โดยอธิบายถึงสาเหตุที่เขาโทรไป

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสียงที่ดูห้าวๆก็กล่าวว่า "ฉันได้ขายร้านค้าที่อยู่บนถนนย่านการค้าในเขตจินหยานให้กับเทียนหยุนด้วยเงินสดไปแล้ว หากคุณต้องการเจรจาอะไร ให้ไปติดต่อกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนได้โดยตรง"

"เอาล่ะ ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ แค่นี้แหละ ตู้ดๆ.."

หลังจากกล่าวจบ อวี๋ฮ่าวจื่อก็วางสายโทรศัพท์ทันที

ตอนนี้ร้านค้าแห่งนั้นถูกขายไปแล้ว และเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมัน

แต่เมื่อชายคนนั้นได้ยินคำกล่าวเมื่อสักครู่นี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

"ร้านค้าถูกซื้อโดยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ด้วยเงินสดเต็มจำนวน? เป็นไปได้ยังไง?"

ตอนนี้ร้านค้าทั้ง 9 แห่งที่เช่าโดยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกำลังถูกติดป้ายปล่อยเซ้งไว้อยู่ และเจ้าของที่ของร้านค้าเหล่านั้นก็ไม่เต็มใจที่จะคืนเงินค่าเช่าให้

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนยังคงมีความสามารถในการซื้อร้านค้าแห่งใหม่ด้วยเงินสดเต็มจำนวน

ในใจของเขารู้สึกตกตะลึงมาก จากนั้นชายคนนี้ก็เดินทางไปสถานที่แห่งอื่นด้วยรถยนต์ และเขาก็มาถึงร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกสาขาหนึ่งที่เพิ่งเปิดใหม่เช่นกัน ซึ่งธุรกิจที่นี่ก็ยังคงเฟื่องฟูมาก

หลังจากสอบถามร้านค้าหลายๆแห่งที่อยู่ใกล้กับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ชายคนนั้นก็โทรไปสอบถามเจ้าของที่ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแห่งนี้ด้วย

"ร้านนั้นฉันขายไปแล้ว..."

ชายคนนั้นก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม

"ร้านนี้ก็ซื้อด้วยเงินสดงั้นเหรอ? ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนไปเอาเงินมาจากไหนกัน?" ในเวลานี้ใบหน้าของชายคนนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความตกใจ

พื้นที่ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้งสองแห่งที่เขาเพิ่งสืบเอาข้อมูลมา มีขนาดมากว่า 200 ตารางเมตรเลย ในแง่ของราคา ไม่ว่าร้านไหนก็ต้องมีราคามากกว่า 12 ล้านหยวน!

ถ้าจะซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวน ก็ต้องใช้เงินอย่างน้อย 24 ล้าน!

แม้แต่ในแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ มันก็ยังถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก และพวกเขาก็ไม่ม่ทางที่จะนำเงินออกมาใช้จ่ายแบบนี้ในเมืองจินหลิงเลย

"ยังเหลืออีกเก้า!"

ชายคนนั้นระงับความตกใจเอาไว้ในใจและเริ่มสืบข้อมูลอีกครั้ง

เขาสอบถามเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนแห่งที่สาม แต่เขาไม่ได้รับข้อมูลใดๆเกี่ยวกับเจ้าของที่

จากนั้นเขาก็ไปร้านที่สี่ และสุดท้ายข้อมูลที่เขาได้รับก็คือ ร้านค้าถูกร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนซื้อไปด้วยเงินสดเต็มจำนวนเช่นเดิม

หลังจากนั้นก็ไปร้านที่ห้าต่อทันที แต่ไม่ทราบข้อมูล

ร้านที่หก ถูกร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวน!

ร้านที่เจ็ด ถูกร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวน!

ร้านที่แปด..

...

ในเวลาไม่นานเขาก็วิ่งไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้ง 11 สาขาที่อยู่ใกล้กับร้านเสื้อผ้าหานลู่ ในเวลานี้ ความตกตะลึงแสดงอยู่บนใบหน้าของชายคนนั้นโดยเห็นได้ชัด แทบจะไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้เลย

จากทั้ง 11 ร้าน เขาสืบข้อมูลมาได้ 7 ร้าน และร้านค้าทั้ง 7 แห่งนั้นต่างก็ถูกซื้อโดยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วยเงินสดเต็มจำนวน ส่วนที่เหลืออีก 4 ร้านเขายังไม่ทราบ แต่ว่ามันก็ควรจะเป็นเช่นเดียวกัน

เบื้องต้นคาดการณ์ว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนน่าจะใช้เงินไปแล้วกว่า 50 ล้านหยวน!

"มันเป็นไปได้ยังไง?"

ใบหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ในแววตาของเขาปรากฏความตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"แม้ว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะมีเงินเหลืออยู่เยอะก็เถอะ แต่ทำไมพวกเขาถึงเอามาใช้แบบนี้?"

ชายคนนั้นไม่เข้าใจการกระทำของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเลยสักนิด เงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้จะมีประสิทธิภาพมากเพียงใดถ้านำมันไปใช้อย่างอื่น?

ด้วยเงินสดจำนวนมาก อย่างน้อยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก่อนหน้านี้ ก็น่าจะไม่สามารถถูกบังคับให้ปิดตัวลงได้แน่นอน

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ชายคนนั้นก็ยังไม่เข้าใจ

"รายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นล่ะกัน"

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มกดโทรศัพท์เพื่อโทรออก

(จบตอน)

—————————————————————————————-

เผื่อมีคนงง คนที่ร้านเสื้อผ้าหานลู่ส่งมาสืบ มันหาดูแค่ร้านเสื้อผ้า 11 สาขาที่ตั้งอยู่ติดกับร้านเสื้อผ้าหานลู่เท่านั้นนะครับ อีกหนึ่งร้านของเทียนหยุน มันไม่ได้ไปดู ตอนนี้พี่ฉุนมีร้านขายเสื้อผ้าในจินหลิงทั้งหมด 12 สาขา บวกกับที่เขตชิงอู๋อีก 2 ร้าน เป็น 14 สาขา และก็มีร้านขายรองเท้าอีก 2 ร้านในเขตชิงอู๋ รวมเป็นร้านค้าทั้งหมด 16 ร้าน โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอีก 2 แห่ง(เมืองจินหลิง + เขตชิงอู๋) โรงงานผลิตรองเท้าอีกหนึ่ง (เขตชิงอู๋)