ตอนที่ 158 ซื้อหุ้น

ไม่ใช่แค่จางอวี๋ชิงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหยางเย่เจินและจ้าวเถียนด้วย

พวกเธอมองไปที่ร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลด้วยความประหลาดใจ ซึ่งที่ป้ายของร้านแห่งนั้นมีโลโกที่ดูคล้ายๆกับค่ายกลโบราณติดอยู่ข้างๆกับตัวอักษรบนป้าย

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนี่นา!"

"เกิดอะไรขึ้น น้องชายของเสี่ยวลู่เป็นคนเปิดงั้นเหรอ?"

"เทียนหยุนน่าจะไม่เคยเปิดร้านสาขาที่นี่นะ แต่โลโก้นั่นเหมือนกันมากเลย"

หยางเย่เจินและจ้าวเถียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่เห็นร้านขายเสื้อผ้าแล้ว พวกเธอก็พากันมองไปที่ฉินลู่

จางอวี๋ชิงก็เป็นเช่นเดียวกัน สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป จากนั้นเธอก็มองไปที่ฉินลู่และเอ่ยถามออกมาว่า "เสี่ยวลู่ ร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้คืออะไรงั้นเหรอ?"

เมื่อตอนที่จัดการกับคดีความของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าหานลู่ก่อนหน้านี้ เธอรู้ว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมีทั้งหมด 9 สาขา และเธอก็รู้ตำแหน่งเฉพาะของร้านค้าเหล่านั้นด้วย

แต่ในร้านค้าทั้ง 9 สาขานั้น ไม่มีร้านไหนที่ตั้งอยู่ที่นี่เลย แต่หลังจากที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปิดตัวลง กลับมีอีกร้านหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่นี่

มีความเป็นไปได้สองประการ หนึ่งคือมันเป็นของฉินหยุนเอง แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้แน่นอน

และความเป็นไปได้อีกประการก็คือ มีคนละเมิดลิขสิทธิ์โดยใช้ชื่อและโลโก้ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

เมื่อมองไปที่คนทั้งสามที่กำลังดูสับสน ฉินลู่จึงอธิบายกับพวกเธอว่า "เสี่ยวหยุนเป็นคนเปิดร้านเสื้อผ้าแห่งนี้เอง"

"ฉินหยุนเป็นคนเปิดมันงั้นเหรอ เสี่ยวลู่ น้องชายของเธอมาเปิดร้านที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร?"

"ทำไมเราไม่รู้มาก่อนเลย เธอไม่ยอมบอกเรางั้นเหรอ?"

ในเวลานี้หยางเย่เจินและจ้าวเถียนต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งพวกเธอก็ถามคำถามออกมามากมาย

เช่นเดียวกับพวกเธอ ในเวลานี้จางอวี๋ชิงก็มีความสงสัยมากมายอยู่ในใจเช่นกัน

ฉินลู่อธิบายว่า "ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกพวกเธอ แต่เสี่ยวหยุนเพิ่งเปิดร้านไปวันนี้นี่เอง"

เธอไม่ได้พยายามที่จะปกปิดเรื่องร้านขายเสื้อผ้า แต่เธอก็ไม่ได้ป่าวประกาศมันออกไปเช่นกัน

"ว้าว เสี่ยวลู่ น้องชายของเธอสุดยอดมาก เขาเปิดร้านสาขาใหม่ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?"

"มีแค่ที่นี่ที่เดียวเหรอ? เขาเปิดร้านที่อื่นด้วยหรือเปล่า?"

หยางเย่เจินและจ้าวเถียนอุทานขึ้นมา จากนั้นพวกเธอก็พากันเอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ราวกับลูกลิงร้อง

พวกเธอต่างก็ทราบเช่นกันว่าก่อนหน้านี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมีทั้งหมด 9 สาขา

"เปิดที่อื่นด้วย" ฉินลู่พยักหน้า

เมื่อมองไปที่คนสองสามคนที่กำลังถามออกมาอยู่เรื่อยๆ ฉินลู่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ตอนนี้ในที่อื่นๆเสี่ยวหยุนก็เปิดร้านค้าอีกสิบเอ็ดสาขาด้วย ซึ่งตอนนี้ก็มีร้านขายเสื้อผ้าทั้งหมดสิบสองสาขา"

"สิบสองสาขา?!"

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ ทั้งหยางเย่เจินและจ้าวเถียนก็ยิ่งอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง

ก่อนหน้านี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนถูกแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ปราบปรามอย่างหนัก และในที่สุดก็ปิดตัวลงไป

แต่นี่มันปิดไปได้กี่วันเอง?

แม้แต่จางอวี๋ชิงก็ยังรู้สึกตกตะลึง สามารถทำเช่นนี้ได้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ฉินหยุนจะล้มละลายอย่างที่เธอคิด

"สิบสองร้าน เยอะกว่าเดิมอีก!"

"เสี่ยวลู่ น้องชายของเธอรวยมากจริงๆ"

หยางเย่เจินและจ้าวเถียนตื่นเต้นกันมาก พวกเธอพากันมองไปที่ร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ข้างหน้าพวกเธอ

ในขณะนี้เอง จู่ๆก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจากในระยะไกล มันคือรถ BMW ที่มีราคาประมาณหนึ่งล้านหยวน ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งของจ้าวเทียนเฉียงนั่นเอง

เมื่อรถจอดสนิท ฉินหยุนและจ้าวเทียนเฉียงก็เดินลงมา

"พี่รอง" เมื่อเห็นฉินลู่ ฉินหยุนก็เข้ามาหาแล้วเอ่ยทัก

เสื้อผ้าของเขาในขณะนี้ดูไม่เรียบร้อยนัก เพราะเมื่อคืนเขาแทบจะไม่ได้นอนเลย และเขาก็ดูไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าสักเท่าไร แต่เมื่อจางอวี๋ชิงได้เห็นฉินหยุน เธอก็รู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจในตนเองของเขาทันที ซึ่งมันมากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถเทียบได้

"พี่รอง ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?" ฉินหยุนพยักหน้าให้คนอื่นๆ จากนั้นก็เอ่ยถามฉินลู่ด้วยรอยยิ้ม

"เรามาจัดการเรื่องคดีความที่นี่น่ะ"

ฉินลู่ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับฉินหยุนโดยบังเอิญ

"ถ้างั้นพวกพี่ก็ไปจัดการธุระเถอะ ดูที่นี่เสร็จผมก็จะออกไปเหมือนกัน"

เขามองไปที่จางอวี๋ชิง และเมื่อเธอได้สบตากับเขา จางอวี๋ชิงก็สงวนท่าทีของตัวเองไว้โดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง

เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง จางอวี๋ชิงก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิตัวเอง

‘จางอวี๋ชิง ทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้กัน’

ในตอนแรกที่รู้ว่าฉินหยุนเปิดร้านค้ามากมาย เธอก็สุภาพและสงวนท่าทีต่อเขามาก

แต่เมื่อรู้ว่าร้านของฉินหยุนถูกปิดลง ความสุภาพเป็นทางการของเธอก็หายไป และเธอรู้สึกว่าฉินหยุนเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

ตอนนี้ถึงแม้ว่าฉินหยุนจะเปิดร้านขายเสื้อผ้าเพิ่มอีก 12 แห่ง เธอก็ยังสามารถปฏิบัติต่อฉินหยุนได้เหมือนกับเขาเป็นคนธรรมดา ที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องทำให้ฉินหยุนรู้สึกพอใจเธอเลย

แต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่สามารถทำมันได้ และเธอก็ลดตำแหน่งของเธอให้ต่ำกว่าอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

สำหรับฉินหยุน เขาไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของจางอวี๋ชิงเลยสักนิด เพราะว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเธอเลย

หลังจากตรวจสอบร้านขายเสื้อผ้าหลายๆสาขาแล้ว ฉินหยุนก็กำลังคิดเกี่ยวกับทิศทางในการพัฒนาครั้งต่อไปของเขา

‘ร้านค้าทั้งสิบสองแห่งเปิดขึ้นแล้ว และร้านค้าทั้งหมดนั่นฉันก็ซื้อด้วยเงินสด ดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นต้องกังวลกับกลอุบายต่างๆของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ แต่ฉันยังเป็นหนี้ธนาคารอยู่หลายสิบล้าน และฉันก็ต้องหาวิธีชำระหนี้เหล่านั้นให้มันหมดลงโดยเร็วที่สุด’ ฉินหยุนคิดอยู่ในใจของเขา

‘ลอตเตอรี่เป็นวิธีหนึ่ง และอีกวิธีหนึ่งก็คือการซื้อหุ้น’

อันที่จริงฉินหยุนเป็นคนขี้เกียจมาก แม้ว่าเขาจะมีโชคด้านความมั่งคั่ง แต่เขาก็ไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะใช้มันในการหาเงินสักเท่าไร

ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เลิกซื้อลอตเตอรี่หรอก

สำหรับเขาแล้ว การมองหาสถานที่ต่างๆสำหรับการจับสลาก หวยขูด หรือสิ่งอื่นๆ สามารถทำเงินให้เขาได้อย่างง่ายดาย และความเร็วในการสะสมทรัพย์สินของเขาจะมากมายกว่าคนอื่นแน่นอน

แต่ในความเป็นจริง ฉินหยุนไม่ค่อยกระตือรือร้นกับสิ่งเหล่านี้มากนัก เขาซื้อลอตเตอรี่เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และเขาก็จับสลากที่ร้านเสื้อผ้าจวินชิงเพียงครั้งเดียวซึ่งก็ได้รถยนต์มา

ด้วยค่ายกลรวบรวมโชคลาภที่เขามี ร้านค้าที่ถูกค่ายกลเหล่านี้จัดวางไว้จะสามารถสะสมทรัพย์สินให้เขาได้เรื่อยๆ ความเร็วในการสะสมทรัพย์สินนี้มั่นคงมาก และยิ่งเวลาผ่านไปความเร็วของมันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

ด้วยวิธีการหาเงินที่มั่นคงเช่นนี้ ฉินหยุนจึงไม่สนใจที่จะเอาเวลาและพลังงานของเขาไปใช้กับสิ่งเหล่านั้นเลย

ไม่ว่าจะเป็นลอตเตอรี่ หุ้น หรือสิ่งต่างๆที่คล้ายกัน พวกมันก็ไม่ได้ช่วยให้ยอดคงเหลือในระบบรวบรวมโชคลาภของเขาเพิ่มขึ้นเลย

แต่ตอนนี้เขาเป็นหนี้ธนาคารอยู่หลายสิบล้านหยวน

หากเขาต้องการรักษารูปแบบการพัฒนาในปัจจุบันรวมถึงการเปิดร้าน 3 สาขาต่อเดือนไว้ เขาก็ต้องซื้อร้านค้าด้วยเงินสดเต็มจำนวน ซึ่งเขาจะต้องใช้เงินอย่างน้อย 16 ล้านหยวนในทุกเดือน!

และตอนนี้ร้านค้าสิบกว่าแห่งของเขาก็ไม่สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึงจำนวนนี้เลยภายในเวลาหนึ่งเดือน

กล่าวคือหากเขาต้องการรักษารูปแบบการซื้อร้านโดยการจ่ายด้วยเงินสดเต็มจำนวนเพื่อเปิดร้านสาขาใหม่ เขาจะต้องกู้เงินจากธนาคารต่อไป ซึ่งเขาก็จะเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

และเขาต้องกู้เงินจนกว่ากำไรสุทธิต่อเดือนของเขาจะเกิน 16 ล้านหยวน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจึงจะสามารถชำระหนี้ที่ค้างชำระกับธนาคารได้อย่างช้าๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้ ดังนั้นฉินหยุนจึงต้องหาทางหาเงินให้เร็วที่สุด

เขาจะไม่ซื้อลอตเตอรี่ แม้ว่าระบบของเขาจะสามารถเอาชนะผู้อำนวยการศูนย์สลากกินแบ่งได้ แต่ซื้อบ่อยๆก็ไม่ใช่เรื่องดี

ตอนนี้หุ้นจึงเป็นทางเลือกเดียวของเขา

ฉินหยุนไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับหุ้นมากนัก แต่ก่อนหน้านี้เขาก็เคยหาข้อมูลบางอย่างมาบ้างแล้ว

ใขขณะนี้ หุ้นที่เป็นของบริษัทพลังงานใหม่ บริษัทเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือบริษัทที่ผลิตยารักษาโรค กำลังเป็นที่นิยมมาก ปีที่แล้วพวกมันต่างก็พากันขึ้นๆลงๆ ซึ่งในปีนี่หุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็ยังเป็นที่นิยมของกองทุนต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ฉินหยุนไม่เหมือนกับเจ้าพ่อตลาดหุ้นเหล่านั้นที่สามารถรู้ข่าวล่าสุดจากวงในได้ก่อนใครเสมอ และก็มักจะไปคอยตัดต้นกุยช่าย[1]ของผู้ถือหุ้นรายอื่น

นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องกราฟแท่งเทียน เส้นรายปี และอื่นๆมากนัก

แต่ฉินหยุนเองก็มีโชคด้านความมั่งคั่งอยู่ ตราบใดที่เขาเลือกหุ้นที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะสามารถเติบโตขึ้นไปได้

จากนั้นเขาก็เพียงแค่ต้องขายมันเมื่อตอนที่ต้องการเงิน

(จบตอน)

—————————————————————————————

[1] ตัดต้นกุยช่าย 割韭菜 (เกอจิ่วไช่)

หมายถึงการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ทุนรอน และทรัพยากรอื่นๆทั้งหมดจนสร้างผลประโยชน์เบ่งบานเต็มที่แต่ก็ถูกผู้ที่มีอิทธิพลเหนือกว่ามาตัดเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆ เหมือนกับการตัดเก็บเกี่ยวผักกุยช่ายเมื่อต้นเติบโตเต็มที่จากนั้นก็ปล่อยให้ใบงอกงามขึ้นมาใหม่เพื่อรอเก็บเกี่ยวรอบต่อไป