ตอนที่ 152 ความคิดที่แท้จริงของจางอวี๋ชิง

ที่เดินอยู่ข้างๆจ้าวตงเสวี่ยในตอนนี้ หยูเสี่ยวถิงกำลังหดหัวของเธอลงเหมือนกับนกกระจอกเทศ ขณะที่เดินอยู่แทบจะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเลย เพราะกลัวว่าฉินหยุนจะสังเกตเห็นเธอ

เธอกำลังคิดอยู่ในใจ "พี่ชายของเสี่ยวเสวี่ยดุร้ายเกินไปแล้ว เขาต้องไม่เห็นฉัน เขาต้องไม่เห็นฉัน"

เมื่อเห็นว่าจ้าวตงเสวี่ยยอมรับความผิดพลาดของเธอ ฉินหยุนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เขาเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยการโทรเรียกตำรวจ เพื่อให้จ้าวตงเสวี่ยได้คิดไตร่ตรองและบอกถึงความร้ายแรงของสถานการณ์กับเธอ

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก จ้าวตงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "พี่ฉินหยุน ร้านขายเสื้อผ้าของเราปิดไปแล้วจริงๆงั้นเหรอ? จากนี้ไปจะไม่เปิดอีกแล้วใช่ไหม?"

เธอมองไปที่ฉินหยุนด้วยแววตาคาดหวังผสมกับแววตาเป็นกังวล โดยเธอกลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่ไม่ดีจากปากของฉินหยุน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินหยุนก็ส่ายหัวพลางกล่าวว่า "ไม่หรอก ในอนาคตร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะเปิดอีกครั้งแน่นอน"

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนกล่าวออกมา ดวงตาของจ้าวตงเสวี่ยก็สว่างจ้าขึ้นทันที

พี่ชายของเธอนั้นเป็นคนที่สุดยอดมาก เมื่อเขากล่าวออกมาแบบนี้ ก็แสดงว่าเขาจะทำได้อย่างแน่นอน

"เอาล่ะ สองวันนี้พักผ่อนกันให้เต็มที่"

ฉินหยุนมองไปที่จ้าวตงเสวี่ยพลางกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจังอีกครั้ง "ถ้าเฉิงซียังมาหาตอแยเธออีก เธอสามารถโทรหาฉันได้ทันที"

"ฉันรู้แล้ว" เมื่อเห็นว่าฉินหยุนเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง จ้าวตงเสวี่ยก็ไม่กล้าแสดงความใจร้อนออกมาบนใบหน้าของเธอ เธอกังวลนิดหน่อยว่าฉินหยุนจะเริ่มบ่นเธออีกรอบ ดังนั้นเธอจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

...

หลังจากที่ส่งจ้าวตงเสวี่ยและหยูเสี่ยวถิงกลับไป ตอนนี้มันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว เมื่อฉินหยุนกลับไปยังที่พักของเขามันก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว

แต่เมื่อเขามาถึงหน้าทางเข้าชุมชน ฉินหยุนก็ต้องตกตะลึงขึ้นทันที

ที่ทางเข้า หญิงสาวตัวสูงไว้ผมหางม้าคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่ประตู เธอเดินไปเดินมาแถวๆประตูทางเข้าชุมชน

"เซียวหลาน?"

หลังจากจอดรถไว้ข้างๆ ฉินหยุนก็รีบเปิดประตูลงไปหาเธอทันที

ตอนนี้เป็นช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนแล้ว อุณหภูมิจึงลดต่ำลงมาก แถมคืนนี้อุณหภูมิยิ่งต่ำกว่าผิดปกติ มันลดลงมากถึง 6 องศา

เห็นได้ชัดว่าเซียวหลานกำลังรู้สึกหนาว และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย

เมื่อเห็นฉินหยุนเธอก็รีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

"ฉินหยุน นายกลับมาแล้วเหรอ" แม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะปกติ แต่บนใบหน้าของเธอกลับเผยให้เห็นความกังวล

"ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?" ฉินหยุนถาม

ร่องรอยของความกังวลบนใบหน้าของเซียวหลานจางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันเพิ่งผ่านมาแถวนี้น่ะ"

เธอมองไปที่ฉินหยุนและกล่าวว่า "ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายดี ฉันขอเดินเล่นกับนายได้ไหม?"

หลังจากที่แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เริ่มปราบปรามร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน เธอก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางฝั่งฉินหยุนมาก

และเมื่อร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเริ่มจะปิดตัวลง เธอก็รู้ข่าวทันทีเช่นกัน

เธอเคยเปิดร้านบาร์บีคิวมาก่อน แต่มันก็ขาดทุน และเธอก็ปิดร้านไปเมื่อตอนเริ่มเข้ามหาลัย

แม้ว่าเธอจะเปิดร้านได้แค่เพียงหนึ่งเดือน แต่เมื่อเธอต้องปิดมันไปจริงๆเธอก็ยังรู้สึกแย่มากอยู่ดี

และฉินหยุนก็ได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าหลายสาขามากมาย แถมยังเปิดมานาน ซึ่งเธอก็รู้ด้วยว่าฉินหยุนเป็นคนออกแบบโลโก้เอง จัดการรายละเอียดในร้านเองทั้งหมด ก็เพื่อที่จะต้องการสร้างเทียนหยุนให้เป็นแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง

เธอรู้ว่าฉินหยุนใช้ความพยายามไปมากเพียงใด

ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าปิดตัวลงแล้ว เธอสามารถจินตนาการได้เลยว่าในขณะนี้ฉินหยุนจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ฉินหยุนก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก

เซียวหลานต้องได้รู้ข่าวว่าร้านขายเสื้อผ้าที่เขาเปิดตอนนี้มันปิดไปแล้ว และเธออาจจะกังวลว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อปลอบใจเขา

เขาพยักหน้า ถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมมันให้เซียวหลาน จากนั้นเขาก็หยิบเสื้อคลุมอีกตัวจากในรถออกมาสวม

ทั้งสองเดินอย่างช้าๆไปตามถนนในชุมชน พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในมหาลัย

แม้ว่าจะพูดถึงหลายหัวข้อ แต่เซียวหลานก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องร้านขายเสื้อผ้าเลย

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแน่นแฟ้นมากขึ้นในช่วงเดือนแรกของการเข้ามหาลัย แต่จู่ๆก็จืดชืดลงไป เมื่อทั้งคู่เจอหน้ากันที่มหาลัย พวกเขาก็แค่พยักหน้าให้กันด้วยรอยยิ้ม และพูดคุยกันไม่กี่คำเหมือนกับเพื่อนปกติ

"ฉินหยุน นายรู้หรือเปล่า ศาตราจารย์อาวุโสในชั้นเรียนของเราแย่มาก เขาเอ่ยเช็คชื่อของนักศึกษาเมื่อตอนที่เริ่มชั้นเรียน จากนั้นนักศึกษาบางคนก็วิ่งหนีไปเมื่อเช็คชื่อเสร็จ แต่พอชั้นเรียนกำลังจะจบลง ศาตราจารย์คนนั้นก็เอ่ยเช็คชื่อขึ้นอีกครั้ง เขาเกรียนมากจริงๆ" เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนก็ยิ้มและกล่าวว่า "ในชั้นเรียนของเราก็มีอาจารย์แบบนั้นเหมือนกัน"

ไม่ใช่ว่านักศึกษาทุกคนในมหาลัยระดับ 211 ที่จะตั้งใจฟังในชั้นเรียน

ตอนนี้ทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะได้กลับไปสู่ช่วงเวลาที่สนิทสนมกันเหมือนอย่างก่อนหน้านี้

ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยกันนานแค่ไหน เดินไปไกลแค่ไหน และผ่านมาแล้วกี่ชั่วโมง ในที่สุดทั้งสองก็หาม้านั่งเจอจากนั้นก็นั่งลงด้วยกัน

เมื่อเวลาผ่านไปถึงจุดๆหนึ่ง หัวของเซียวหลานก็วางพาดไปที่ไหล่ของฉินหยุนเบาๆ

พวกเขามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว นั่งมองดวงจันทร์และดาวศุกร์ที่สว่างไสวที่สุดพลางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลาย

...

ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

"เอ่อ นี่ฉันเผลอหลับไปงั้นเหรอ" เมื่อเซียวหลานลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เธอก็ได้เห็นว่าเธอกำลังนอนหนุนตักของฉินหยุนอยู่ โดยที่เสื้อของเขายังคลุมร่างกายของเธอไว้ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขณะที่รู้สึกอายเล็กน้อย

เธอมองไปที่ฉินหยุนและกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "ฉินหยุน นายรีบกลับไปพักเถอะ อย่าลืมชงซุปขิงดื่มด้วย ไม่อย่างนั้นนายจะเป็นหวัดได้ง่าย"

ไม่รู้ว่าเมื่อคืนพวกเธอพูดคุยกันถึงกี่โมง อาจจะตีสามหรือไม่ก็ตีสี่ ซึ่งพวกเธอไม่ได้เจอกันมานานแล้ว และดูเหมือนว่าทั้งคู่อยากจะเล่าเรื่องต่างๆที่ผ่านมาให้อีกฝ่ายฟังในครั้งเดียว

เธอผล็อยหลับไปในตอนกลางคืน และฉินหยุนก็เอาเสื้อของเขาห่มให้เธอ ดังนั้นเขาอาจจะเป็นหวัดได้

"ไม่เป็นไร ฉันสบายดี" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ผมของเขายังมีน้ำค้างเกาะอยู่ มันจึงเปียกและดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

แต่ด้วยสมรรถภาพทางร่างกายในปัจจุบันของฉินหยุน ความเย็นแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย

เมื่อคืนเขาเห็นว่าเซียวหลานหลับอยู่ และพอดูเวลามันก็ตีสี่แล้ว เขาเลยไม่ได้ปลุกเธอ

"เซียวหลาน เราไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันค่อยไปส่งเธอกลับบ้าน" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสองคนไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จฉินหยุนก็ส่งเซียวหลานกลับไปก่อน

เมื่อวานนี้ทั้งสองเดินเล่นกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงมาก แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่การเดิน แต่พวกเขาก็เดินอย่างช้าๆ ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันไกลจากที่ที่ฉินหยุนอาศัยอยู่แค่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงพากันนั่งแท็กซี่กลับ

หลังจากส่งเซียวหลานกลับไปแล้ว ฉินหยุนก็เรียกแท็กซี่อีกครั้งและตรงไปที่สำนักงานกฎหมายอวี้ชิง

เมื่อวานนี้ฉินลู่บอกเขาว่ายังมีขั้นตอนสุดท้ายที่ต้องดำเนินการ

เมื่อเขามาถึงที่นี่ จางอวี๋ชิงก็บังเอิญมาถึงพอดี โดยที่ไป๋เหิงซาน แฟนของเธอเป็นคนขับรถมาส่ง

"ฉินหยุน"

เมื่อรถหยุดลงและเห็นฉินหยุนที่เพิ่งก้าวออกจากรถแท็กซี่ ไป๋เหิงซานจึงเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้รู้จักตัวตนของฉินหยุน ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นโอกาสพิเศษที่พวกเขาได้เจอกัน

แต่ตอนนี้เขาได้ยินมาว่าร้านขายเสื้อผ้าที่เปิดโดยฉินหยุนพังทลายลงแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรโง่ๆเกี่ยวกับเรื่องนี้

ฉินหยุนยังเด็กมาก บางทีในอนาคตเขาอาจจะมีโอกาสกลับมาได้อีกครั้ง

จางอวี๋ชิงก็มองไปที่ฉินหยุนเช่นกัน เมื่อเธอมองไปที่เสื้อผ้าที่มีรอยยับย่นและเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของเขา คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

เธอเป็นคนที่เคร่งครัดมาก ไม่ว่าเธอจะไปพบลูกค้า คู่แข่ง หรือว่าใครก็ตาม อย่างน้อยเธอก็มีระเบียบเรียบร้อยในเรื่องการแต่งกาย และชุดทำงานของเธอก็เป็นชุดในลักษณะทางการมาก นี่คือวิธีในการในการปฏิบัติงานอย่างจริงจังของเธอ

และฉินหยุนในสายตาของเธอตอนนี้ เห็นได้ชัดว่า "ดูชุ่ยมาก" มาก

(จบตอน)