ตอนที่ 172 ฮอตเกินไปก็รับไม่ไหวเหมือนกัน

จ้าวเหมยชำเลืองมองไปที่ลูกชายของเธอ เมื่อสังเกตดูดีๆสาวสวยตรงหน้าเธอคนนี้รู้สึกสนใจลูกชายของเธออย่างเห็นได้ชัด

พูดคุยกันไม่นาน หยูเล่อเหยาและคนอื่นๆเดินจากไป

"เสี่ยวหยุน ผู้หญิงคนนั้นที่รอลูกอยู่ทั้งคืน เธอคือหยูเล่อเหยาใช่ไหม?" จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะถามออกมา หลังจากที่พวกหยูเล่อเหยาเดินออกไป

ฉินหยุนทำท่าเหมือนอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย

เมื่อเห็นท่าทางที่ลูกชายของเธอแสดงออกมา จ้าวเหมยก็ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับผู้หญิงที่ตามหาเร็วขนาดนี้ หลังจากที่เพิ่งมาถึงมหาลัยได้ไม่นาน

"เสี่ยวหยุน เล่อเหยาเป็นผู้หญิงที่ดี และแม่ก็ชอบเธอมาก" ในใจของจ้าวเหมยมีความสุขมาก เธอกล่าวว่า "ลูกต้องทำตัวดีๆกับเธอนะรู้ไหม"

เธอสนับสนุนการมีแฟนในตอนที่อยู่มหาลัยของลูกชายอย่างเต็มที่

"แต่เมื่อกี้เธอพูดกับลูกไม่กี่คำเธอก็จากไปแล้ว เสี่ยวหยุน ลูกกับเธอเป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหม?"

หลังจากกล่าวจบ จ้าวเหมยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกครั้ง

"แม่ครับ ผมยังไม่มีแฟน" ฉินหยุนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ๆก็มีคนอีกหลายคนเดินเข้ามา

"เฮ้ นั่นฉินหยุนนี่"

"เมิ่งเมื่ง ฉินหยุนของเธออยู่นั่นไง"

มองไปที่คนที่เดินเข้ามา ซึ่งก็คือจางเสี่ยวเยว่กับหลินเมิ่งเมิ่งและคนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในห้องพักเดียวกัน และเมื่อพวกเธอเห็นฉินหยุน คนอื่นๆที่มาด้วยกันก็มองไปที่หลินเมิ่งเมิ่งทันทีพลางกล่าวหยอกล้อออกมา

และหลินเมิ่งเมิ่งที่กำลังหน้าแดงก็วิ่งไปที่ด้านข้างของฉินหยุน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ทั้งฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยต่างก็รู้สึกตกตะลึง

สถานการณ์ตรงหน้าของพวกเขาในขณะนี้มันคืออะไร? เห็นแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าสาวขี้อายตรงหน้าคนนี้ชอบลูกชายของพวกเขาแน่นอน

หรือว่าลูกชายของพวกเขาเหยียบเรือสองแคม?

"เซียวหลาน นั่นฉินหยุนนี่นา"

ทันใดนั้น เสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากระยะไกล ซึ่งทิศทางนั้นก็มีสาวๆหลายคนมองที่นี่ พลางหันไปกล่าวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูสวยมาก ซึ่งเธอแต่งกายด้วยเสื้อแจ็กเก็ตขนเป็ดสีน้ำเงิน

ดูเหมือนว่าสาวสวยคนนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินหยุน

เซียวหลานมองไปที่ฉินหยุน ทีแรกเธอไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวอะไรออกมาเป็นพิเศษ แต่เมื่อเธอเห็นคนที่อยู่ข้างๆเขา เธอก็ผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหา

"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า"

เซียวหลานเอ่ยทักทายฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยด้วยรอยยิ้ม เธอเคยพบกับพ่อแม่ของฉินหยุนเมื่อตอนเธออยู่ที่เขตชิงอู๋

...

ตลอดทางระหว่างนั้นก็เต็มไปด้วยความเงียบ ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยมองไปที่ลูกชายของพวกเขา ทั้งคู่ต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ลังเลอยู่หลายครั้ง

สุดท้ายจ้าวเหมยก็กล่าวออกมาว่า "เสี่ยวหยุน แม่รู้ว่าตอนนี้ธุรกิจของลูกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกของลูก แต่แม่หวังว่าลูกจะจัดการกับมันอย่างระมัดระวัง ก่อนตัดสินใจทำอะไรก็ให้คิดอย่างรอบคอบสักนิด และอย่าทำตัวสบายๆจนเกินไป"

ก่อนหน้านี้เมื่อตอนที่ได้ไปดูร้านขายเสื้อผ้าที่ลูกชายของเธอเปิดขึ้นที่นี่ แม้แต่จ้าวเหมยเองก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย แค่ร้านๆเดียวของที่นี่ อีกสี่ร้านในเขตชิงอู๋ก็เทียบไม่ติดเลย

ลูกชายของเธอมีความสามารถมากจริงๆ

แต่ในเรื่องของความรัก ความสัมพันธ์ของเขาค่อนข้างจะยุ่งเหยิงนิดหน่อย

แค่ช่วงเวลาสั้นๆเธอก็ได้พบกับหญิงสาวถึงสามคน และพวกเธอต่างก็ชอบฉินหยุน

แม้ว่าเซียวหลานจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษ แต่จ้าวเหมยรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเธอกับฉินหยุนนั้นไม่ปกติ

นอกจากนี้เซียวหลานยังมาจากเขตชิงอู๋ และเธอก็ยังเป็นเพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนมัธยมของลูกชายเธออีกด้วย

สำหรับจ้าวเหมยและฉินกั๋วตง พวกเขาต้องมีความสุขมากอยู่แล้วที่มีผู้หญิงคนอื่นมาชอบฉินหยุน แต่นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?

"แม่ ผมรู้แล้ว" ฉินหยุนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า

ในเวลานี้เขารู้สึกปวดหัวมาก

อย่างไรก็ตามฉินหยุนไม่ต้องพะวงกับเรื่องเหล่านี้นานนัก เพราะในบ่ายของวันที่สองหลังจากที่มาถึงจินหลิง ฉินกั๋วตง จ้าวเหมย และจ้าวเจียฝู ก็เตรียมตัวที่จะกลับกันแล้ว

ลุงรองจ้าวเจียฝูมีธุระบางอย่างที่ต้องไปจัดการที่บ้าน และเขาก็ต้องการที่จะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด

เมื่อตอนที่กำลังร่ำลากัน จ้าวเหมยไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับหยูเล่อเหยาและคนอื่นๆ แต่บอกให้ฉินหยุนดูแลตัวเองให้ดี

เธอบอกกับเขาว่าอย่าหักโหมเรื่องงานมากนัก ตราบใดที่เขามีเงินเพียงพอ เขาก็ปล่อยให้คนอื่นจัดการแทนได้

ฉินหยุนพยักหน้าซ้ำๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้พ่อกับแม่ของเขา

"เสี่ยวเสวี่ย อยู่ที่นี่ต้องเชื่อฟังลูกพี่ลูกน้องของลูกให้ดี อย่าสร้างปัญหาให้เขารู้ไหม" ก่อนจากกันลุงรองก็ยังกล่าวสั่งสอนจ้าวตงเสวี่ยด้วย

"หนูรู้แล้วน่า"

จ้าวตงเสวี่ยกลอกตาอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย

เมื่อมองไปที่ท่าทางของจ้าวตงเสวี่ย จ้าวเจียฝูก็รู้สึกหมดหนทางเล็กน้อยเช่นกัน ลูกสาวของเขาก็ยังคงเป็นลูกสาวที่ดื้อรั้นอยู่ดี

แต่เมื่อตอนนี้เขาได้มาที่นี่และเห็นสถานการณ์ของจ้าวตงเสวี่ยแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจ

"เสี่ยวหยุน จากนี้เสี่ยวเสวี่ยอาจจะสร้างปัญหาให้กับหลานบ้าง แต่ลุงฝากดูแลเธอหน่อยนะ" จ้าวเจียฝูมองไปที่ฉินหยุน และกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้อง

สำหรับหลานชายของเขา เขาค่อนข้างสงวนท่าทีกับอีกฝ่ายเล็กน้อย ประเด็นสำคัญคือเขาเพิ่งได้เห็นร้านค้าหลายแห่งของฉินหยุนมาไม่นาน และเขาก็ตกใจกับมันมาก

"ไม่ต้องห่วงครับลุงรอง" ฉินหยุนพยักหน้า

หลังจากได้ยินคำยืนยันของฉินหยุนแล้ว จ้าวเจียฝูก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก

หลานชายของเขามีความสามารถมาก ถ้าจ้าวตงเสวี่ยอยู่กับเขา เธอจะไม่ถูกคนอื่นรังแกอย่างแน่นอน

ในที่สุดฉินกั๋วตง จ้าวเหมย และจ้าวเจียฝูก็เข้าไปในรถ จากนั้นรถก็ถูกสตาร์ทขึ้น และก็แล่นหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว

ภายในรถ จ้าวเหมยหันหน้าไปมองเงาร่างที่พร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

"เป็นอะไรไป?" ฉินกั๋วตงที่นั่งอยู่ข้างๆถามออกมา

"เฮ้อ.. เหล่าฉิน"

จ้าวเหมยถอนหายใจ "ฉันรู้สึกอยู่เสมอเลยว่าตอนนี้เสี่ยวหยุนเริ่มออกห่างจากเรามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว"

ในใจของเธอตอนนี้มีทั้งความรู้สึกยินดีและเสียใจ เธอยินดีที่ลูกชายของเธอเติบโตขึ้นและสามารถเผชิญโลกตามลำพังได้ แต่ก็เสียใจเพราะรู้สึกว่าตอนนี้ลูกชายไม่ต้องการพวกเธออีกแล้ว เพราะว่าเขาสามารถสยายปีกและบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ด้วยตนเอง

เช่นเดียวกับที่เธอเห็นตอนที่อยู่ในจินหลิง ลูกชายของเธอมีธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น แถมยังมีหญิงสาวหลายคนปรากฏตัวขึ้นรอบๆตัวเขา ซึ่งเธอไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เลย และรู้สึกว่าเธอไม่สามารถรวมเข้ากับชีวิตของลูกชายได้อีกต่อไป

เมื่อได้ยินคำกล่าวของภรรยา ฉินกั๋วตงก็กล่าวอย่างสบายใจว่า "มันจะไปออกห่างอะไรกัน จินหลิงก็อยู่ใกล้กับอู๋ซื่อแค่นี้ เราสามารถมาหาลูกชายของเราได้ทุกเมื่อตามที่เราต้องการ ยังไงทุกคนก็ต้องเติบโตและกลายเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว คุณคงไม่คาดหวังให้ลูกชายของเราพึ่งพาเราไปตลอดหรอกใช่ไหม"

เขามองโลกในแง่ดีมาก

"ไม่ต้องคิดมากหรอก อีกไม่กี่ปีเสี่ยวหยุนก็จะเรียนจบแล้ว จากนั้นเขาก็จะแต่งงานและมีลูก พวกเราก็จะช่วยเขาดูแลเจ้าตัวเล็ก เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องเหล่านี้แน่นอน"

เมื่อเห็นว่าจ้าวเหมยยังรู้สึกเศร้า ฉินกั๋วตงจึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของจ้าวเหมยก็สว่างขึ้นทันที และเธอก็กล่าวว่า "ใช่แล้ว ในอนาคตเราจะมีหลาน ตอนนี้รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนมีลูกสามคน เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกสะใภ้ของเราได้ เมื่อเป็นแบบนี้จะมีแค่คนเดียวไม่ได้!"

เมื่อนึกถึงฉากในอนาคตนั้น อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นอีกครั้ง

...

หลังจากได้เห็นพ่อกับแม่ของเขากลับไปแล้ว ฉินหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

และหลังจากไล่จ้าวตงเสวี่ยกลับไป ฉินหยุนก็ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานของเทียนหยุน

ด้วยการเปิดร้านสาขาของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ แค่พลังงานของจ้าวเทียนเฉียงคนเดียวไม่สามารถจัดการได้หมดแน่ๆ

ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยดูแลเทียนอี้เตี๋ยที่มีร้านสาขามากกว่า 20 สาขา แต่ร้านสาขาเหล่านั้นก็มีขนาดแค่หลายสิบตารางเมตร และสาขาที่ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดไม่เกิน 100 ตารางเมตร

อาจกล่าวได้ว่าเทียนหยุนที่เพิ่งพัฒนามาแค่ครึ่งปีนั้น มีขนาดใกล้เคียงกับเทียนอี้เตี๋ยมาก ในแง่ของขนาดโดยรวม!

และตอนนี้เทียนหยุนก็กำลังจะเปิดสาขาในเมืองอื่นนอกจากเมืองจินหลิง ซึ่งจ้าวเทียนเฉียงก็ต้องกระจายพลังงานของเขาไปยังที่ต่างๆให้มากยิ่งขึ้น

ดังนั้นอาคารสำนักงานของเทียนหยุน จะต้องได้รับการจัดตั้งขึ้นให้ดีที่สุด

เนื่องจากก่อนหน้านี้ฉินหยุนเดินทางไปที่ต่างๆกับพ่อและแม่ของเขา เขาจึงไม่ได้ใช้รถของตัวเอง ซึ่งเขาเลือกที่จะนั่งแท็กซี่แทน

เมื่อเขามาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง และหลังจากที่ลงจากรถ เขาก็มองดูข้อความบางส่วนที่จ้าวเทียนเฉียงส่งมาให้เขาทางโทรศัพท์มือถือ นี่คือการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ของจ้าวเทียนเฉียงเกี่ยวกับการพัฒนาของเทียนหยุน

แผนการบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในอนาคตของเทียนหยุน จะถูกจัดเตรียมขึ้นทีละแผน

"หืม?"

ฉินหยุนมองดูสถานที่รอบๆอยู่พักหนึ่ง แต่จากนั้นเขาก็ผงะไป เมื่อได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 26-27 ปี

ผู้หญิงคนนั้นสวมแว่นตา ไว้ผมสั้นประมาณหู และดูสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย

"อาจารย์เจียง?"

ฉินหยุนรู้สึกประหลาดใจ คนที่เขาเห็นก็คือเจียงเล่ย ที่ปรึกษาของชั้นเรียนคณะบริหารธุรกิจของเขา

และข้างๆเจียงเล่ย มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูอ่อนโยนมากยืนอยู่ ซึ่งเธอก็ดูอายุไล่เลี่ยกับเจียงเล่ยเช่นกัน

(จบตอน)