ตอนนี้ฉินหยุนเป็นแค่นักศึกษาใหม่ เอาจริงๆรถยนต์ก็ถือว่าไม่ค่อยมีประโยชน์กับเขามากนัก
อันที่จริง นักศึกษาในมหาลัยบางคนที่มีฐานะร่ำรวย ส่วนใหญ่พวกเขาก็สามารถซื้อรถยนต์ได้ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะขับมันอยู่ในมหาลัย
เมื่อเห็นท่าทางที่งุนงงของฉินหยุน หยูเล่อเหยาก็อธิบายว่า "เรื่องมันเป็นแบบนี้ เมื่อเร็วๆนี้ฉันกำลังวางแผนที่จะเริ่มทำธุรกิจเอง แต่ตอนนี้ฉันดันขาดเงินทุนน่ะสิ ถ้าหากว่านายมีความคิดที่จะขายรถและมีเงินสดสักก้อนอยู่ในมือ นายก็มาลงทุนกับฉันได้ ในอนาคตนายจะได้รับเงินปันผลที่สอดคล้องกับเงินที่นายลงทุนไปแน่นอน และก็แน่นอน คนที่เริ่มต้นทำธุรกิจก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกันทุกคน หากว่ามันล้มเหลว ฉันจะคืนเงินทั้งหมดที่นายลงทุนมาให้ แถมจะให้ดอกเบี้ยจำนวนหนึ่งกับนายด้วย"
"เริ่มทำธุรกิจเอง?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็มองไปที่หญิงสาวตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขาฉายแววประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ตอนนี้หยูเล่อเหยานั้นมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าชั้นเรียน ซึ่งเขาได้ยินมาจากจ้าวคังฮ่าวกับคนอื่นๆในห้องพักว่า เธอได้เข้าร่วมแผนกประชาสัมพันธ์ของทางมหาลัยด้วย และทางแผนกก็ได้รับเงินสนับสนุนอย่างรวดเร็วภายใต้การกระทำของเธอ เธอเป็นคนมีความสามารถที่โดดเด่น และตอนนี้เธอก็กำลังวางแผนที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองแล้ว
หญิงสาวบางคนในชั้นเรียนที่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์นี้ พวกเธอก็รู้สึกชื่นชมหยูเล่อเหยาเช่นกัน โดยพากันบอกว่าเธอเก่งมากจริงๆ
ในเวลานี้หญิงสาวที่อยู่ถัดจากหยูเล่อเหยาก็กล่าวขึ้นว่า "เล่อเหยามีหัวคิดทางธุรกิจที่ดี ในอนาคตธุรกิจของเธอจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ห้องพักของพวกเราก็ได้ใช้เงินบางส่วนลงทุนกับเธอแล้ว"
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอเป็นแฟนตัวยงของหยูเล่อเหยา ซึ่งเห็นได้ชัดจากถ้อยคำของเธอที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเธอ ฉินหยุนก็คิดกับตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมสิ่งที่หยูเล่อเหยาทำนั้น มันถึงคล้ายๆกับการทำธุรกิจพีระมิดเลย?[1]
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยถามออกมาตรงๆว่า "เธอจะทำธุรกิจอะไรล่ะ?"
หยูเล่อเหยาก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เธอกล่าวว่า"ในขั้นแรก เราจะเปิดร้านหม่าล่าทั่ง"
"หม่าล่าทั่ง? "เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ
เกี่ยวกับธุรกิจนี้ แน่นอนว่าสามารถทำได้ แต่มีคนไม่มากนักที่จะสามารถทำกำไรได้จากมัน กุญแจสำคัญมันขึ้นอยู่กับรสชาติ หากรสชาตินั้นเป็นรสชาติที่พบเจอได้ทั่วไป และไม่มีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะอะไร โดยปกติแล้วสิ่งที่ต้องทำก็คือการรอล้มละลายอย่างเดียว
เมื่อเห็นฉินหยุนกำลังคิดอยู่ หยูเล่อเหยาก็ถามขึ้นอีกครั้ง "ฉินหยุน นายคิดว่าไง?"
เธอไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะเริ่มต้นธุรกิจ ดังนั้นเธอจึงต้องการดึงคนอื่นมาเป็นหุ้นส่วน และตอนนี้ฉินหยุนก็เพิ่งได้รับรางวัลรถยนต์มา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เขาจะขายรถคันนั้น ด้วยวิธีนี้เขาที่มีเงินสดอยู่มือจึงตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเธอ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งฉินหยุนก็ส่ายหัวและกล่าวว่า "ฉันไม่มีเจตนาที่จะขายรถคันนั้น"
แม้เขาจะคิดว่าธุรกิจของหยูเล่อเหยานั้นอาจจะไปได้ดี แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก แถมตอนนี้เขาก็ต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดคอยจัดการกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน ซึ่งเขาไม่อยากจะเอาเวลาที่เหลือไปจัดการกับเรื่องอื่นๆต่อ
"ก็ได้ แต่ฉินหยุน ถ้าหากว่านายเปลี่ยนใจ นายก็ติดต่อฉันได้ตลอดนะ" เมื่อเห็นการปฏิเสธของฉินหยุน หยูเล่อเหยาก็ไม่ยืนกรานอีกต่อไป เธอแค่ยิ้มพลางกล่าวกับเขานิดหน่อย
"อะไรนะฉินหยุน! หยูเล่อเหยาออกจะเก่งขนาดนี้แต่นายยังไม่เชื่อเธอนี่นะ! ถ้านายไม่ลงทุนตอนนี้ ในอนาคตนายก็ทำได้แค่นั่งดูหยูเล่อเหยาทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเท่านั้น" หยูเล่อเหยาไม่ได้กล่าวอะไร แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอกลับรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
เธอและหยูเล่อเหยาเป็นรูมเมทกัน และพวกเธอต่างก็เข้าร่วมแผนกประชาสัมพันธ์ของมหาลัยเหมือนกัน เธอจึงไม่สงสัยในความสามารถของหยูเล่อเหยาเลยสักนิด และได้กลายเป็นแฟนเกิร์ลตัวน้อยของอีกฝ่ายไปแล้ว ในความเห็นของเธอ การเริ่มต้นทำธุรกิจของหยูเล่อเหยาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ถ้าฉินหยุนลงทุนตอนนี้ ต่อไปที่เขาต้องทำก็แค่กลายเป็นเสือนอนกินเท่านั้น
แต่สุดท้าย ฉินหยุนก็ปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย
เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้ ฉินหยุนก็ทำเพียงชำเลืองมองหญิงสาวที่กำลังโกรธจัดเท่านั้น เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เมื่อเห็นท่าทางของฉินหยุน หญิงสาวคนนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
"เสี่ยวเฟย" ในตอนนี้เอง หยูเล่อเหยาก็เอ่ยรั้งเธอไว้
"ฉันขอโทษด้วยนะฉินหยุน เสี่ยวเฟยเธอพูดแรงไปหน่อย" เธอมองไปที่ฉินหยุนและกล่าวขอโทษออกมา
เมื่อมองดูหยูเล่อเหยาเดินจากไป จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆที่นั่งถัดจากฉินหยุนก็เริ่มพูดคุยกัน
"หัวหน้าชั้นเรียนกำลังจะเริ่มทำธุรกิจ! แถมเธอยังมาชวนฉินหยุนไปเป็นหุ้นส่วนอีกด้วย"
"การเริ่มทำธุรกิจเองจะไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง"
"รุ่นพี่ปีสี่ของเราเขาเริ่มทำธุรกิจเองเมื่อปีที่แล้ว แถมมีรายได้รวมประมาณ 600,000 หยวนเลยในตอนที่ยังเรียนอยู่ในมหาลัย ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบบอย่างของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จเลยทีเดียว"
หลายๆคนต่างก็กำลังพูดคุยกัน
สำหรับนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจที่มีความคิดอยากจะเป็นผู้จัดการในอนาคต การได้เป็นผู้ประกอบการย่อมเป็นความใฝ่ฝันของคนส่วนมากอย่างแน่นอน
และแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่สาขาวิชาบริหารธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนที่เรียนเอกสาขาวิชาอื่นๆด้วยเช่นกัน
"ฉินหยุน ฉันว่านายลองลงทุนดูสักหน่อยก็ได้นะ"
จ้าวคังฮ่าวคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา "หยูเล่อเหยาไม่ได้บอกไว้หรอกเหรอ? แม้ว่าธุรกิจจะล้มเหลวขึ้นมาจริงๆ แต่เธอก็จะคืนเงินทั้งหมดให้"
หลังจากคำกล่าวของเขาจบลง ฉินหยุนซึ่งยังทันไม่ได้เอ่ยอะไร เฉิงต้าสงก็บุ้ยปากของเขาและชิงกล่าวว่า "พูดตอนนี้ใครก็พูดได้ แต่เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายเงินคืนจริงๆมันจะไม่ใช่แบบที่พูดน่ะสิ ฉันเคยให้คนอื่นยืมเงิน และเขาสัญญากับฉันว่าจะจ่ายคืนภายใน 10 วัน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะจ่ายคืนเลยสักหยวน"
เขาไม่เชื่อว่าจะได้เงินคืนง่ายๆอย่างแน่นอน
"ให้ตายเถอะ! เฉิงต้าสง หยูเล่อเหยาเป็นหัวหน้าชั้นเรียน ดังนั้นเธอจะไปเหมือนกับคนอื่นๆที่นายพูดมาได้ไง?"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเฉิงต้าสง โจวผานก็ไม่พอใจเล็กน้อยและเอ่ยสวนไปทันที
"ทำไมจะไม่เหมือน?"
เฉิงต้าสงก็ไม่พอใจเล็กน้อยเช่นกัน เขามองไปที่โจวผานแล้วกล่าวว่า "โจวผาน ถ้านายมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับหัวหน้าชั้นเรียน นายก็ควรจะไปบอกเธอสิ นายจะมาพูดต่อหน้าฉันทำไม"
ในแง่ของรูปร่างหน้าตา หยูเล่อเหยาสามารถเทียบได้กับเซียวหลาน และเธอก็สวยที่สุดในชั้นเรียนแห่งนี้อีกด้วย ซึ่งโจวผานมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับหยูเล่อเหยาจริงๆ ทุกคนในห้องพักต่างก็รู้เรื่องนี้ดี
"เห้ย! เบาๆหน่อย" เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวผานก็ผงะและรีบเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเหล่ารูมเมทกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องของเขา ฉินหยุนก็กล่าวออกมาตรงๆว่า "ฉันไม่ได้วางแผนที่จะขายรถคันนั้น เพราะงั้นฉันก็จะไม่ลงทุนกับเธอหรอก"
เขามองไปที่จ้าวคังฮ่าวพลางกล่าวแนะนำด้วยรอยยิ้ม "แต่ฉันว่านะ พี่จ้าว ทำไมนายถึงไม่ลองลงทุนดูล่ะ?"
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินว่าจ้าวคังฮ่าวใช้เงินไป 5,000 หยวนกับเสื้อผ้าเหล่านั้น ดังนั้นมันน่าจะง่ายที่เขาจะเอาเงินออกมาสักก้อน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวคังฮ่าวก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก เขากล่าวว่า "ถ้าเป็นเมื่อสองสามวันก่อนฉันจะทำแน่นอน แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงินมากนัก"
พ่อแม่ของเขาจะให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เขาทุกเดือน และเมื่อเงินพวกนั้นมันหมดลง ตอนนี้เขาจึงไม่มีเงินเหลือไปลงทุนแล้วจริงๆ
...
ถัดจากนั้น งานเลี้ยงกาล่าของเหล่านักศึกษาจากเอกคณะบริหารธุรกิจก็กำลังดำเนินไปอย่างเป็นระบบระเบียบ และการเริ่มต้นธุรกิจของหัวหน้าชั้นเรียนหยูเล่อเหยาก็ดำเนินไปอย่างช้าๆเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวบางคนมาแจกใบปลิวที่หอพักชายด้วย
"ซิงเหยาหม่าล่าทั่ง"
ฉินหยุนมองดูใบปลิวในมือของเขา ซึ่งนี่เป็นกิจการของผู้ประกอบการหยูเล่ยเหยานั่นเอง
อันที่จริง นอกมหาลัยมีร้านอาหารหม่าล่าทั่งอยู่หลายร้านเลย และร้านส่วนมากก็เปิดในที่ทำเลดี ซึ่งถ้าทำเลไม่ดี ที่ต้องทำก็แค่นั่งรอเวลาปิดกิจการได้เลย
"โจวผาน จ้าวคังฮ่าว... เมื่อร้านซิงเหยาหม่าล่าทั่งเปิดแล้ว พวกนายทุกคนต้องไปอุดหนุนเรานะ"
หญิงสาวคนที่มาแจกใบปลิวก็อยู่ในชั้นเรียนเดียวกันกับพวกเขาด้วย และเธอก็เป็นรูมเมทของหยูเล่อเหยาด้วยเช่นกัน เธอกล่าวชักชวนพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
"แน่นอน หม่าล่าทั่งเป็นของโปรดของฉันเลย" โจวผานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เมื่อมองไปที่ท่าทางของโจวผานแล้วแล้ว เฉิงต้าสงก็บุ้ยปากหน่อยๆ เขารู้สึกว่าโอกาสที่ร้านอาหารหม่าล่าทั่งจะประสบความสำเร็จนั้นมีน้อยมาก
หลิวซินก็ยังเล่าให้ฉินหยุนฟังด้วยว่า โจวผานนั้นลงทุนกับร้านหม่าล่าทั่งของหยูเล่อเหยาไป 3,000 หยวนอีกด้วย
...
และแล้วงานเลี้ยงกาล่าที่จัดขึ้นก็จบลงด้วยด้วยความสำเร็จอย่างงดงาม นักศึกษาในชั้นเรียนต่างก็พากันกระตือรือร้นมากอย่างมากเช่นกัน ในห้องพักของฉินหยุน ทั้งจ้าวคังฮ่าวและโจวผาน ต่างก็ลงทะเบียนเข้าร่วมการแสดงคนละอย่าง คนหนึ่งแสดงละคร และอีกคนร้องเพลง
ส่วนฉินหยุนนั้น เขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งเหล่านี้ภายในชั้นเรียนเลยสักนิด ซึ่งระหว่างนี้เขาใช้เวลาทั้งหมดจัดการธุระที่นอกมหาลัย
เมื่อเขามีเวลาว่าง เขาก็จะนัดเดทกับเซียวหลาน และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ก็พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเห็นได้จากการที่พวกเขาคุยกันทุกวันผ่านทางวีแชต
เวลาก็ค่อยๆผ่านไป และอีกหนึ่งสัปดาห์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และวันนี้ก็เป็นวันที่ 1 ตุลาคมแล้ว
ขณะที่ฉินหยุนกำลังนับถอยหลังอยู่ในใจ ในที่สุดเวลา 12.00 น. ก็มาถึง!
(จบตอน)
______________________________________________
[1] ธุรกิจพีระมิด (อังกฤษ: Pyramid scheme) เป็นธุรกิจที่ทำให้ประชาชนหลายคนได้รับการหลอกลวงมากมายทั่วโลก โดยเป็นธุรกิจที่ใช้การหลอกลวงให้มีการลงทุนซึ่งผู้จัดการธุรกิจสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ผู้จัดการก็มิได้นำไปประกอบการค้าหรือกิจการที่มีอยู่จริง จึงมิได้ทำให้เกิดกำไรจากการลงทุนจริงๆ แต่อย่างใด การตอบแทนให้กับผู้ร่วมลงทุนทำก็แต่โดยการอาศัยเงินที่มาจากการลงทุนของผู้ร่วมลงทุนรายหลังๆ นำไปตอบแทนผู้ร่วมลงทุนรายก่อนหน้า จึงเปรียบเสมือนกับรูปทรงพีระมิด ซึ่งผู้ร่วมลงทุนรายก่อนจะอยู่บนยอดคอยรับเงินตอบแทนจากผู้ร่วมลงทุนรายหลังๆ (เอาง่ายๆก็คล้ายๆแชร์ลูกโซ่) ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved