ตอนที่ 228 เปิดร้านหม้อไฟ

"ที่ปรึกษาเรียกฉินหยุนไปคุยเรื่องอะไร?"

เมื่อเห็นฉินหยุนถูกเรียกโดยเจียงเล่ย จ้าวคังฮ่าวก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

"ไม่รู้สิ"

"ท่าทีของที่ปรึกษาดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติ หรือว่าฉินหยุนจะไปทำอะไรบางอย่างมา?"

เฉิงต้าสงและคนอื่นๆก็งงงวยเช่นกัน

แต่หลังจากเพิ่งคุยกันเรื่องนี้ พวกเขาก็เปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องเครื่องแบบนักศึกษาอีกครั้ง

"เทียนหยุนนี่เป็นองค์กรที่มีมโนธรรมมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เคยช่วยน้องสาวของหลิวซิน ตอนนี้ก็ยังมาจัดทำเครื่องแต่งกายนักศึกษาให้เราฟรีๆอีก"

"ฉันตัดสินใจแล้วว่าต่อจากนี้ฉันจะไปที่เทียนหยุนเพื่อซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม"

พวกเขาพากันกล่าวด้วยความตื่นเต้น

...

ในทางเดินหน้าชั้นเรียน เมื่อมองไปที่นักศึกษาจากชั้นเรียนของเธอที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเจียงเล่ยเผยให้เห็นความรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดขึ้นมา "ฉินหยุน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นบอสของเทียนหยุน"

ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเธอคนนี้ค่อนข้างเป็นคนโปรไฟล์ต่ำเลยขณะที่เขาอยู่ในชั้นเรียน เธอจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขาเป็นพิเศษ แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่าเขาจะมีตัวตนเช่นนี้

เมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทของเธอหลินเยว่ซานที่ปิดบังเรื่องนี้จากเธอ ตอนนี้เธอก็รู้สึกโกรธมากและตัดสินใจว่าจะเลิกคบกับเธอเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ฉินหยุนยิ้มและพูดว่า "อาจารย์เจียง ผมไม่เพียงแต่เป็นบอสของเทียนหยุนเท่านั้นนะครับ แต่ยังเป็นนักศึกษาของคณะบริหารธุรกิจในมหาลัยเจียงหยวนด้วย เมื่อผมอยู่ในมหาลัย อาจารย์ก็สามารถปฏิบัติต่อผมเหมือนนักศึกษาทั่วไปได้เลย"

แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่เจียงเล่ยก็รู้จักตัวตนของเขาแล้ว และเมื่อเธอต้องคุยกับเขาเธอก็จะสงวนท่าทีเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

หลังจากชะงักชั่วครู่ เจียงเล่ยก็กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ทางมหาลัยได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเครื่องแต่งกายนักศึกษากับฉัน หากมีเรื่องที่เฉพาะเจาะจง พวกเขาบอกให้ฉันติดต่อกับคุณโดยตรง"

"อาจารย์เจียง เรื่องเครื่องแต่งกายของนักศึกษาน่าจะไม่มีอะไรซับซ้อนมาก คุณติดต่อกับทางโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับดีไซน์ของเสื้อผ้าได้เลย ผมจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรืออะไรทั้งนั้น"

หลังจากที่เธอพูดออกมา ฉินหยุนก็กล่าวด้วยท่าทีง่ายๆสบายๆ แน่นอนว่าเขาไม่ต้องคอยกังวลกับเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ด้วยตัวเอง

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด เจียงเล่ยก็ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกนิดหน่อย

มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอ จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าฉินหยุนกลายเป็นอาจารย์และเธอก็กลายเป็นนักเรียน ความรู้สึกนี้มันแปลกมาก

กดความคิดนี้ลงไป เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็กล่าวออกมาว่า "ฉินหยุน คุณอยู่ในชั้นเรียนของเรา และเนื่องจากคุณเป็นคนมอบเสื้อผ้าให้ ดังนั้นคุณต้องจัดทำเสื้อผ้าที่ดีที่สุดให้ชั้นเรียนของเรา และต้องส่งแบบเสื้อผ้าดีไซน์ต่างๆมาให้พวกเราเลือกก่อน"

เธอกล่าวกึ่งติดตลก

"แน่นอนครับ"

ฉินหยุนพยักหน้าและตอบตกลง

ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นฉินหยุนก็กลับไปที่ห้องเรียน

"ฉินหยุน ที่ปรึกษาคุยอะไรกับนายเหรอ?"

เมื่อเห็นเขากลับมา จ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆก็เอ่ยถามขึ้น

"ไม่มีอะไร" ฉินหยุนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

"ยังไงก็เถอะ อีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ร้านหม้อไฟชิงอู้จะเปิดแล้ว ถ้าถึงวันนั้นพวกนายอย่าลืมไปอุดหนุนด้วยนะ"

"แน่นอน!"

"ฉินหยุน ฉันชวนเสี่ยวเยว่กับคนอื่นๆในห้องพักของเธอแล้ว พวกเธอก็จะไปด้วยกัน" หลี่หานอวี่กล่าว

ตอนนี้คนทั้งหมดในชั้นเรียนต่างก็รู้เรื่องร้านหม้อไฟแล้ว ในมุมมองของพวกเขาแม้ว่าหยูเล่อเหยาจะเป็นคนเปิดร้าน แต่อาจจะมีลูกค้าไปที่ร้านหม้อไฟไม่มากนัก

พวกเขายังคงสนับสนุนร้านหม่าล่าทั่งได้ ท้ายที่สุดแล้วหม่าล่าทั่งมันก็ชามละเท่าไรเอง? แต่สำหรับหม้อไฟ นักศึกษาปีหนึ่งเหล่านี้อาจจะเต็มใจไปที่นั่นแค่สองสามครั้งในหนึ่งเทอมเท่านั้น

"ขอบใจมาก" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

วันนี้ทั้งวันจางหยานมักจะเหม่อลอยเล็กน้อย นึกถึงแต่สิ่งที่เธอเห็นเมื่อวาน

ฉินหยุนลงจากรถหรูมูลค่า 1 ล้านหยวน จากนั้นก็จับมือกับเฉินกั๋วผิงรองคณบดีของสาขาวิชาบริหารธุรกิจ เห็นได้ชัดว่าผลกระทบของสิ่งนี้รุนแรงมากสำหรับเธอ

ฉินหยุนกลายเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน!

ข้อเท็จจริงนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ท้ายที่สุดก่อนหน้านี้เธอก็มีความขัดแย้งมากมายกับฉินหยุน แถมเธอยังต้องการที่จะพึ่งพาหวังฉินลูกพี่ลูกน้องของเธอไปสร้างปัญหาให้กับฉินหยุนระหว่างเลี้ยงสังสรรค์อีก

ถึงอย่างไรเธอก็ยังเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ แต่ตอนนี้กลายฉินหยุนเป็นคนที่มีความสามารถมาก แล้วถ้าเขาต้องการจัดการกับเธอล่ะ เธอจะทำอย่างไร?

"เสี่ยวหยาน เธอเป็นอะไรไป?" หญิงสาวข้างจางหยานอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

"ฉันไม่ได้เป็นไร" จางหยานพูดพร้อมกับส่ายหัว

เมื่อเธอมาถึงชั้นเรียน ที่ปรึกษาประจำชั้นเรียนก็ประกาศว่าแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนจะจัดทำเครื่องแบบนักศึกษาให้กับทุกคนฟรีๆ ซึ่งคนทั้งชั้นเรียนก็ตื่นเต้นขึ้นทันที

"ว้าว บริษัทเทียนหยุนจะทำเสื้อผ้าให้เราจริงๆงั้นเหรอ"

"ทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้นล่ะ?"

สาวๆหลายคนที่อยู่รอบๆเธอกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น

ฟังการสนทนาของพวกเขา จางหยานคิดอย่างลับๆในใจว่า "ก็เพราะว่าบอสใหญ่ของเทียนหยุนเป็นนักศึกษาของมหาลัยเจียงหยวนน่ะสิ"

ทั้งชั้นเรียนมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ข้อเท็จจริงนี้

ขณะเดินออกจากมหาลัย จางหยานก็สังเกตเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนแจกใบปลิวอยู่ที่หน้าประตูมหาลัย ซึ่งฉินหยุนที่เคยมาแจกใบปลิวก่อนหน้านี้ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน

ภายใต้การเต้นกระหน่ำของหัวใจ จางหยานรีบเดินไปขอใบปลิวมาแผ่นหนึ่ง จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปหาลูกพี่ลูกน้องของเธอ

"เกิดอะไรขึ้นเสี่ยวหยาน?"

หวังฉินมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ลูกพี่ลูกน้อง จำได้ไหมที่ฉันเคยบอกเธอว่าฉินหยุนไปยืนแจกใบปลิวที่หน้าประตูมหาลัย?" จางหยานรีบกล่าวออกมา

"จำได้" หวังฉินพยักหน้า

แม้แต่ตอนนี้เธอเองก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้และยังคงรู้สึกตกใจกับตัวตนของฉินหยุนอยู่

"ลูกพี่ลูกน้อง ฉันคิดว่าแบบนี้ ที่ฉินหยุนเป็นบอสของเทียนหยุนแต่กลับไปแจกใบปลิวโปรโมทร้านหม้อไฟชิงอู้ บางทีเขาอาจจะเป็นเจ้าของร้านหม้อไฟนั่น"

ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้วมันจะเป็นอะไร หรือว่าเขาจะเป็นบอสใหญ่ที่ร่ำรวยแต่ไม่มีอะไรทำ? หรือว่าไปแจกใบปลิวก็เพื่อที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ของชีวิต? เดินไปตามถนนเหมือนกับพี่ใหญ่ตง คอยถือกระเป๋าใบใหญ่เพื่อส่งของ?

"แม้ว่าฉินหยุนจะไม่ได้เป็นคนเปิดร้านนั่น แต่ก็อาจจะเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นคนเปิดก็ได้"

จางหยานวิเคราะห์ "แต่สรุปแล้ว ร้านหม้อไฟแห่งนั้นต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉินหยุนอย่างแน่นอน"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังฉินก็คิดขึ้นได้เช่นกัน เธอถามว่า "เธอหมายความว่า เราจะไปอุดหนุนร้านหม้อไฟชิงอู้เมื่อมันเปิดขึ้นใช่ไหม?"

เธอไม่เคยเห็นฉินหยุนแจกใบปลิวมาก่อน และก่อนหน้านี้จางหยานก็บอกกับเธอตอนที่เธอตกใจกับตัวตนของฉินหยุนอยู่พอดี เธอจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องร้านหม้อไฟมากนัก

"ใช่แล้วลูกพี่ลูกน้อง เราจะไปที่ร้านของฉินหยุนเพื่ออุดหนุนเขา ถ้าหากว่าฉินหยุนเห็นเรา บางทีความไม่พอใจของเขาที่มีต่อฉันอาจจะหายไปบ้าง"

จางหยานไม่ใช่คนโง่ เมื่อเธอได้รู้ตัวตนของฉินหยุน สิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือพยายามเปลี่ยนความประทับใจของฉินหยุนที่มีต่อตนเอง แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม

หวังฉินมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอด้วยความประหลาดใจ อีกฝ่ายก็ยังพอมีความคิดที่ละเอียดอ่อนอยู่บ้าง แต่เธอก็พยักหน้าและพูดว่า "ฉันเข้าใจแล้ว ถึงตอนนั้นเราค่อยพาคนไปด้วยเยอะๆ"

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตาก็ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์

และวันนี้ก็เป็นวันแรกของการเปิดร้านหม้อไฟชิงอู้

หุ้นส่วนทั้งหกได้แก่หูกงหรง เว่ยซิน หวังอวี่เฉิน หลินอวี่ หยูเล่อเหยา และฉินหยุน ต่างก็อยู่ที่นี่

นอกจากนี้ยังมีโจวเสี่ยวเชี่ยนแฟนสาวของเว่ยซิน และหลี่ตันตันคนที่ก่อนหน้านี้เคยสนใจฉินหยุน ทั้งคู่ก็มาที่นี่เช่นกัน

"ไม่รู้ว่าวันนี้ธุรกิจจะเป็นไงบ้าง" หลินอวี่กล่าวอย่างมีความหวัง

จริงๆแล้วที่เธอลงทุนในร้านหม้อไฟแห่งนี้ หลักๆก็เพราะหยูเล่อเหยา มิฉะนั้นเธอคงจะไม่สนใจมันมากนัก

แต่ตอนนี้เมื่อได้เปิดร้านขึ้นแล้ว เธอก็หวังว่าธุรกิจของร้านจะดีขึ้นและไม่อยากให้มันปิดตัวลงภายในไม่กี่เดือน

ในเวลานี้เพิ่งเปิดร้านได้ประมาณ 20 นาที และตอนนี้ก็มีลูกค้าอยู่เพียงเจ็ดโต๊ะ

นี่เป็นผลลัพธ์จากการโปรโมทร้านก่อนหน้านี้

ร้านหม้อไฟทั้งหมดมีพื้นที่ 300 ตารางเมตร มีโต๊ะมากกว่า 50 ตัวซึ่งเป็นโต๊ะสำหรับ 4 คน อัตราการเข้ามาใช้บริการแบบนี้ไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของร้านหม้อไฟได้เลย

"มีคนมาอีกแล้ว!"

หวังอวี่เฉินมองไปในระยะไกล เขาเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข

ที่นั่น กลุ่มคนจำนวนมากกำลังเดินเข้ามา

(จบตอน)