ตอนที่ 153 วันที่ 1 ธันวาคม

"ฉินหยุนผู้ที่เคยสดใส ตอนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว"

จางอวี๋ชิงแอบถอนหายใจอย่างเงียบๆอยู่ในใจของเธอ ฉินหยุนคนก่อนทำให้เธอรู้สึกระมัดระวังตัวมาก การเผชิญหน้ากับเขาก็เหมือนเผชิญหน้ากับผู้นำตำแหน่งใหญ่โต

แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว และเธอก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย

‘ก็ไม่แปลกที่ฉินหยุนจะเป็นแบบนี้ ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าของเขาถูกปิดไปหมดแล้ว และร้านค้านั่นก็กำลังหาคนมาเซ้งอยู่เพราะไม่สามารถขอเงินค่าเช่าคืนได้ นอกจากนี้ยังมีค่าชดเชยสำหรับพนักงานที่ต้องตกงานกะทันหันอีก เขามาที่นี่ด้วยรถแท็กซี่ แสดงว่ารถที่เขาขับอยู่ก่อนหน้านี้ก็คงขายออกไปแล้ว ตอนนี้เขาน่าจะกำลังหงุดหงิดมาก เลยไม่สนใจที่จะดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยซ้ำ’

ในเวลาแค่ชั่วครู่ความคิดมากมายก็โผล่ขึ้นมาในใจของจางอวี๋ชิง จากนั้นเธอก็ก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า "ฉินหยุน มากับฉัน ยังมีเอกสารสองสามฉบับที่ต้องให้นายเซ็น"

หลังจากกล่าวจบ เธอก็เดินนำไปที่ตึกสำนักงานทันที

ฉินหยุนก็พยักหน้าให้ไป๋เหิงซาน แล้วเดินตามหลังจางอวี๋ชิงไป

"นี่คงจะเป็นท่าทีจริงๆของจางอวี๋ชิง" ในขณะนี้เขากำลังคิดกับตัวเอง

ก่อนหน้านี้จางอวี๋ชิงสุภาพกับเขามาก อย่างน้อยเธอก็ไม่เคยแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมาเลย

อย่างไรก็ตาม จริงๆแล้วนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากสำหรับมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนอื่นจะไม่เห็นค่าคุณเมื่อตอนที่คุณกำลังตกต่ำ

เมื่อเข้ามาถึงสำนักงานกฎหมาย ฉินลู่ก็เห็นน้องชายของเธอพอดี เธอจึงเดินไปหาอย่างรวดเร็ว

และทั้งหยางเย่เจินกับจ้าวเถียนที่อยู่ในสำนักงานกฎหมายก็มองไปที่ฉินหยุนเช่นกัน ขณะเดียวกันพวกเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเห็นใจ

ก่อนหน้านี้พวกเธอหวังว่าฉินหยุนจะเติบโตยิ่งใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดแล้วพวกเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินลู่ และพวกเธอก็ถือได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดต่อกัน

ถ้าในอนาคตฉินหยุนพัฒนาขึ้นไปจริงๆ พวกเธอก็สามารถพึ่งพาเขาได้สักเล็กน้อย

น่าเสียดายที่ตอนนี้ร่างทองของฉินหยุนนั้นแตกสลายไปแล้ว

หลังจากเซ็นเอกสารสองสามฉบับเสร็จ ฉินหยุนก็ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานกฎหมายต่อ

"พี่รอง เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะมารับพี่ไปทานมื้อค่ำกัน" เมื่อเขากำลังจะจากไป เขาก็หันมากล่าวกับฉินลู่อีกนิดหน่อย

"โอเคเสี่ยวหยุน"

ฉินลู่พยักหน้า ตอนนี้คดีที่เกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุนถือว่าเสร็จสิ้นหมดแล้ว และเธอก็ตระหนักดีถึงสถานการณ์ของฉินหยุนในตอนนี้

ขณะที่กำลังมองดูฉินหยุนจากไป หยางเย่เจินก็เดินเข้ามาหาเธอและกล่าวปลอบโยนว่า "เสี่ยวลู่ น้องชายของเธอยังอายุไม่มาก แม้ว่าร้านขายเสื้อผ้าของเขาจะปิดไปแล้ว แต่ตอนนี้เขายังเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งเท่านั้น ในอนาคตเขาจะมีโอกาสได้ฟื้นกลับมาอย่างแน่นอน"

"ใช่แล้วเสี่ยวลู่ ตอนนี้เรากำลังจะเรียนจบแล้ว ดังนั้นพวกเรามาโฟกัสกับเรื่องงานกันดีกว่า" จ้าวเถียนก็กล่าวปลอบโยนเธอเช่นกัน

"ฉันไม่เป็นไร" ฉินลู่ยิ้ม

แต่หยางเย่เจินและจ้าวเถียนรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอดูฝืนๆเล็กน้อย

ฉินลู่ก็ทำอะไรไม่ถูกนิดหน่อย น้องชายของเธอห้ามไม่ให้เธอบอกเรื่องนี้กับใคร ดังนั้นเธอจึงได้แต่เก็บมันไว้ในใจเท่านั้น

‘เสี่ยวหยุนบอกว่าร้านขายเสื้อผ้าจะกลับมาเปิดอีกครั้งในสองวันนี้ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซ่อนมันไว้นานก็ได้’ เธอคิดกับตัวเอง

เพราะเธอต้องการปกปิดเรื่องเหล่านี้ ช่วงนี้เธอจึงได้พูดน้อยลงกว่าปกติมาก

...

หลังจากออกจากสำนักงานกฎหมาย ฉินหยุนก็กลับไปยังชุมชนที่เขาอาศัยอยู่

วันนี้ช่วงเช้าเขาไม่มีเรียน ซึ่งเข้าเรียนอีกทีก็ช่วงบ่ายประมาณสี่โมงเย็น

และตอนนี้ก็มาถึงวันที่ 1 เวลาเที่ยงตรงแล้ว ในที่สุดระบบรวบรวมโชคลาภก็ได้รับการอัปเดตอีกครั้ง

"ชื่อ : ฉินหยุน"

"ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สอง : 4 จุด"

"ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง : 12 จุด"

"ยอดคงเหลือ : 11,713,000"

เมื่อเวลา 12.00 น.พอดี ข้อความต่างๆก็ปรากฏขึ้นมาทีละบรรทัด ตามด้วยเสียงของระบบที่ดังขึ้นมาในจิตใจของฉินหยุน

"ยอดคงเหลือยังไม่ถึง 100 ล้าน ซึ่งไม่เพียงพอที่จะเปิดใช้งานค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สามได้"

"ในวันที่ 1 ของทุกเดือน โฮสต์จะได้รับค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สอง 1 จุด และค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง 2 จุด"

"ในขณะนี้โฮสต์มีค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองอยู่ 4 จุด ใช้งานไปแล้ว 3 จุด และค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่ง 12 จุด ซึ่งใช้งานไปแล้ว 10 จุด"

"ข้อมูลของระบบรวบรวมโชคลาภครั้งต่อไปจะได้รับการอัปเดตในวันที่ 1 มกราคม เวลา 12.00 น."

เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลังจากที่เสียงนั้นหยุดลง ฉินหยุนก็สัมผัสได้ถึงดวงแสงแปลกประหลาดสามดวงในจิตใจของเขา

ตอนนี้ร้านขายเสื้อผ้าของฉินหยุนถูกปิดไปทั้งหมดแล้ว แต่จากร้านค้า 12 แห่งที่เขาเพิ่งซื้อมา 9 แห่งในนั้นมีค่ายกลรวบรวมโชคลาภจัดวางไว้อยู่ ซึ่งร้านค้าอีก 3 แห่งยังไม่ได้รับการจัดวางค่ายกล

"ยอดคงเหลือ 10 กว่าล้าน"

เมื่อดูข้อมูลในจิตใจ ฉินหยุนกล่าวเงียบๆว่า "ยังไงก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้วนั้นน้อยลงอย่างมาก"

คำนวนคร่าวๆร้านขายเสื้อผ้า 3 แห่งที่มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตร สร้างกำไรให้เขาได้ 3.6 ล้านหยวน และร้านขายเสื้อผ้า 10 แห่งที่มีขนาด 40 ตารางเมตร สร้างกำไรให้เขาได้ 2.3 ล้านหยวน

ร้านค้าทั้งหมด 13 แห่งน่าจะสามารถสร้างกำไรสุทธิให้เขาได้เกือบ 6 ล้านหยวน!

อย่างไรก็ตาม จากการคำนวณยอดคงเหลือของระบบ กำไรสุทธิของเขาในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 4.8 ล้านหยวนเท่านั้น ซึ่งลดลงมากกว่าที่คำนวนออกมาตั้งหนึ่งล้านหยวน

แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการปราบปรามของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่

ความสามารถในการรวบรวมโชคลาภของค่ายกลรวบรวมโชคลาภนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่มันจะต้านทานอิทธิพลจากภายนอก

นอกจากนี้ การที่ร้านค้าของฉินหยุนปิดตัวลง ยังส่งผลกระทบต่อกำไรบางส่วนอีกด้วย

อันที่จริงตอนนี้ฉินหยุนนั้นไม่เหลือเงินเลย แถมยังเป็นหนี้ธนาคารอีกหลายสิบล้านหยวน

แต่การคำนวณยอดคงเหลือของระบบจะแตกต่างจากความเป็นจริงเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เขาถูกลอตเตอรี่มากกว่า 20 ล้านหยวน ซึ่งเขาก็ใช้มันในการซื้อร้านค้าต่างๆ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกนับรวมกับยอดคงเหลือในระบบของเขาเลย

เขารู้อยู่แล้วว่าการถูกรางวัลลอตเตอรี่จะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดคงเหลือของระบบรวบรวมโชคลาภ สำหรับเงินรางวัลที่เขาได้มาและนำไปซื้อร้านค้านั้น เขาถามระบบก่อนหน้านี้โดยเฉพาะ และได้รู้ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบต่ออะไร

โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ ไม่เช่นนั้นถ้าฉินหยุนยังคงซื้อร้านค้าต่อไปด้วยเงินที่เขาได้รับจากการขายเสื้อผ้า อย่างนั้นยอดคงเหลือของเขาก็คงจะไม่เพิ่มขึ้น และระบบก็จะไม่สามารถอัพเกรดได้แน่นอน

ในเวลานี้ฉินหยุนออกจากบ้านและขับรถมาถึงสถานที่แห่ง นี่คือร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เพิ่งได้รับการตกแต่งใหม่ด้วยพื้นที่ขนาด 230 ตารางเมตร

ในเวลานี้มีเสื้อผ้ามากมายกองอยู่ด้านใน

นี่เป็นร้านค้าแห่งใหม่ที่ฉินหยุนซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวน!

เมื่อวานนี้ ร้านค้าใหม่เหล่านี้ได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด และใบอนุญาตประกอบธุรกิจก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นฉินหยุนจึงปิดร้านขายเสื้อผ้าร้านเก่าลงทันที จากนั้นเสื้อผ้าในร้านเก่าเหล่านั้นก็ถูกส่งมายังร้านค้าใหม่เหล่านี้ในตอนกลางคืน ภายใต้การเตรียมการที่เขาได้ทำไปแล้วบางส่วน

ด้วยการกระตุกในใจของเขา ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่สองที่ระบบเพิ่งอัพเดตมาให้ก็โผล่ออกมาในลักษณะของดวงแสง จากนั้นมันก็เริ่มขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นเส้นสายมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อครอบคลุมทั้งร้านค้าแห่งนี้อย่างสมบูรณ์

จากนั้นฉินหยุนก็ไปที่ร้านค้าอีกสองแห่ง

ในที่สุดเขาก็จัดวางค่ายกลรวบรวมโชคลาภทั้ง 3 จุดจนเสร็จสิ้น

และในเวลานี้ ร้านขายเสื้อผ้าทั้ง 12 แห่งที่ยังไม่เปิดทำการ ต่างก็ได้ถูกจัดวางค่ายกลรวบรวมโชคลาภเอาไว้ทั้งหมดแล้ว!

"ตอนนี้ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว จากนี้ก็ถึงเวลาที่จ้าวเทียนเฉียงจะต้องมาจัดการต่อ" ฉินหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

...

ในห้องขนาด 70 ตารางเมตร จ้าวเทียนเฉียงกำลังนั่งเงียบๆพลางสูบบุหรี่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

ก่อนที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะปิดตัวลง ฉินหยุนได้บอกให้เขาพักผ่อนอยู่ที่บ้านสักสองสามวัน

จากมุมมองของจ้าวเทียนเฉียง อีกสองสามวันที่ว่าเขาก็คงจะต้องตกงานอย่างแน่นอน

ฝั่งหนึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าที่เพิ่งเปิดมาได้ไม่กี่เดือน และอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นร้านขายเสื้อผ้าของแบรนด์เสื้อผ้าในเครือบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ซึ่งเปิดดำเนินการมานานกว่าสิบปี

ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็คิดไม่ออกเลยว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะอยู่รอดได้อย่างไรภายใต้การปราบปรามของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่

"เทียนเฉียง ทำไมสองสามวันนี้คุณไม่พักผ่อนให้เต็มที่ล่ะ เดี๋ยวหลังจากนี้ค่อยไปหางานใหม่ก็ได้" ภรรยาของจ้าวเทียนเฉียง ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์อ่อนโยนกล่าวออกมา

"ผมจะรอดูก่อน ถ้าวันพรุ่งนี้ยังไม่มีการแจ้งมา ผมค่อยไปหางานใหม่" เมื่อได้ยินสิ่งที่ภรรยาของเขากล่าว จ้าวเทียนเฉียงก็โบกมือเป็นเชิงปฏิเสธ

เขามองไปที่สภาพภายในบ้านของเขาพลางถอนหายใจออกมา

ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองจินหลิงนั้นสูงมาก เขาเคยเป็นผู้จัดการทั่วไปในเทียนอี้เตี๋ย แต่เงินเดือนของเขาไม่ได้สูงมากนัก บ้านที่อาศัยอยู่จึงได้แค่ชำระผ่านเงินกู้เท่านั้น

พื้นที่ของตัวมีบ้านเพียง 70 ตารางเมตร ซึ่งมันเล็กมาก และครอบครัวของเขาก็อาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้ว

(จบตอน)