ตอนที่ 141 ฉินหยุนผู้

‘ชิงอวี้’ นี่คือชื่อของสำนักงานกฎหมายที่ฉินลู่ทำงานอยู่

มีพนักงานทั้งหมด 15 คน ซึ่งก่อตั้งโดยจางอวี๋ชิงร่วมกับบุคคลอื่นๆ

ในขณะนี้มีหญิงชราผมสีขาวเงินนั่งอยู่ข้างใน หญิงชราดูมีอายุอย่างน้อย 60 ปี เธอสวมแว่นตาไว้อยู่บนใบหน้า ในเวลานี้คนสองคนกำลังตั้งใจทำให้บรรยากาศรอบๆเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย

ขณะเดียวกันจางอวี๋ชิงที่อยู่ข้างๆฉินลู่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและกล่าวว่า "เสี่ยวลู่ น้องชายของเธอถึงไหนแล้ว ตอนนี้ศาสตราจารย์จ้าวมาถึงตั้งนานแล้ว แต่ทำไมเขาถึงต้องให้ศาสตราจารย์จ้าวรอเขาด้วย"

อันที่จริง ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่นัดให้ฉินหยุนมาที่นี่ แต่ศาสตราจารย์จ้าวเป็นคนมาถึงก่อนเวลาเอง

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของจางอวี๋ชิง ศาสตราจารย์จ้าวเป็นฝ่ายมาช่วยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของฉินหยุน แล้วทำไมเขาถึงไม่มาให้เร็วกว่านี้เพื่อรอต้อนรับเธอ

ช่วงนี้ฉินลู่ยุ่งมาก และเธอก็ได้รู้ว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของน้องชายของเธอ กำลังถูกแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่พยายามปราบปรามอยู่

จริงๆแล้วในมุมมองของจางอวี๋ชิง ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนี้โดยพื้นฐานแล้วถือว่าไม่มีโอกาสชนะเลย และในท้ายที่สุดจุดจบเพียงอย่างเดียวก็คือการล้มละลาย

เธอเป็นทนายความ ซึ่งคดีที่คล้ายๆกันนี้ เธอก็เคยเห็นมามากมายแล้ว

แม้ว่าเจ้าของร้านเสื้อผ้าเหล่านั้นจะยื่นฟ้องร้อง แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่มีเงินทุนมาสู้จนจบคดีได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะแน่ใจว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนจะต้องปิดตัวลง แต่ในฐานะทนายความทุกคนก็ยุ่งอยู่ตลอดเพื่อพยายามที่จะช่วยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน กลับกัน ฉินหยุน ในฐานะบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง กลับดูเหมือนว่าเขาจะไม่กระตือรือร้นเลย

"คุณจางคะ เสี่ยวหยุนบอกว่าเขาใกล้จะมาถึงแล้วค่ะ" ฉินลู่กล่าวขึ้นอย่างเร่งรีบ

ในขณะนี้เอง ทันใดนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตู ร่างนี้ดูสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา เขาก็คือฉินหยุนนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าของฉินหยุนมีรอยยับย่นเล็กน้อยเนื่องจากการใส่ชุดมาสคอตไปรับรางวัลก่อนหน้านี้

เมื่อเห็นฉินหยุนเดินเข้า ในใจของจางอวี๋ชิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้กับเขา

ก่อนหน้านี้เมื่อเธอได้เห็นฉินหยุนเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง ร่างกายของเขาดูเหมือนจะเปล่งแสงที่คมชัดออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่มาตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าฉินหยุนจะเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป และสภาพของเขาตอนนี้ก็ดูเหมือนจะเสื่อมโทรมเล็กน้อย แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังมีรอยยับมากมาย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

เธอคาดว่าหลังจากที่ร้านค้าหลายแห่งของเขาปิดตัวลง ไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถรักษาเงินที่หามาได้ไว้ได้เท่านั้น แต่เขาอาจจะเป็นหนี้จำนวนมากอีกด้วย

"เสี่ยวหยุน"

เมื่อเห็นฉินหยุนเดินเข้ามาใกล้ ฉินลู่ก็เดินเข้าไปหาเขาทันที

"พี่รอง" ฉินหยุนก็ทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็มองไปที่จางอวี๋ชิงและพยักหน้าให้เธอ

"ฉินหยุน ศาสตราจารย์จ้าวกำลังรออยู่"

จางอวี๋ชิงกล่าวออกมาโดยไม่มีเรื่องไร้สาระใดๆ และหลังจากที่เธอกล่าวจบ เธอก็เดินเข้าไปในที่แห่งหนึ่งทันที

ตามหลังเธอไป ในไม่ช้าฉินหยุนก็เห็นศาสตราจารย์จ้าวกำลังนั่งอยู่

"ขอโทษศาสตราจารย์จ้าวด้วยนะครับ ผมมาช้าเพราะติดธุระบางอย่าง" หลังจากที่เห็นเธอ ฉินหยุนก็เอ่ยขอโทษเธอทันที

"เธอไม่ได้มาช้าหรอก ฉันต่างหากที่มาเร็ว" ศาสตราจารย์จ้าวกล่าวด้วยใบหน้าที่ดูจริงจังเล็กน้อย ในขณะนี้เธอกำลังจ้องมองมาที่ฉินหยุน ราวกับว่าเธอกำลังแสกนหาอะไรบางอย่างในตัวของเขาอย่างระมัดระวัง

เมื่อเธอไม่ได้กล่าวอะไร คนที่อยู่รอบข้างก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา

หลังจากผ่านไปกว่าสิบวินาที ศาสตราจารย์จ้าวก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง "ฉินหยุน ฉันรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าหานลู่แล้ว เธอควรเซ็นเอกสารเหล่านี้ก่อน"

แน่นอนว่าฉินหยุนไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้

แต่เขารู้สึกแปลกๆในใจเล็กน้อย ศาสตราจารย์จ้าวคนนี้ดูเหมือนว่าจะรู้จักเขาด้วย

ตามที่ฉินลู่บอกกับเขาก่อนหน้านี้ ศาสตราจารย์จ้าวเป็นฝ่ายติดต่อมาหาพวกเขาก่อน และก็ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร

"เสี่ยวหยุน แกไม่รู้จักศาสตราจารย์จ้าวคนนี้จริงๆเหรอ?" ก่อนหน้านี้ฉินลู่ก็เคยเอ่ยถามฉินหยุนอย่างเงียบๆเช่นกัน

"ผมไม่รู้จักจริงๆ" ซึ่งในเวลานั้นฉินหยุนก็ส่ายหัวออกมาทันที เขาคาดเดาว่าอาจจะมีใครบางคนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในร้านขายเสื้อผ้าของเขา จากนั้นจึงติดต่อไปหาศาสตราจารย์จ้าวคนนี้

"หรือว่าจะเป็นเซียวหลาน?"

หัวใจของเขากระตุก

"ไม่น่าใช่ ครอบครัวของเซียวหลานอาศัยอยู่ในเขตชิงอู๋ และอิทธิพลของโรงงานเครื่องจักรเหิงจุนก็ครอบคลุมอยู่ที่อู๋ซื่อเท่านั้น แม้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอเซียวเฉียนเฉียนและเฝิงเทียนจวินจะมาจากมหาลัยจินหลิงก็จริง แต่พวกเขาก็เปิดร้านเสื้อผ้าจวินชิงอยู่ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่พวกเขาจะช่วยฉัน ... "

คนรู้จักที่เข้าข่ายถูกเขาตัดออกไปทีละคนๆ แต่สุดท้ายฉินหยุนก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใครกันแน่ที่ช่วยเขา

"เสี่ยวลู่ จากนี้ไปเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบคดีของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน และจะช่วยประสานงานกับศาสตราจารย์จ้าว" จางอวี๋ชิงกล่าวออกมา

ก่อนหน้านี้เธอได้จัดการให้ฉินลู่ไปดูแลเรื่องสำคัญๆของสำนักงาน ซึ่งอันที่จริงก็มีคนที่เหมาะสมกว่าเธออยู่ในสำนักงานกฎหมาย แต่เป็นเพราะเธอกำลังจะฝึกฉินลู่

ตอนนี้เมื่อเธอมาคิดอีกที ปล่อยให้คนที่เหมาะสมที่สุดทำหน้าที่นี้ดีกว่า

"ตกลงค่ะ พี่สาวจาง" ฉินลู่พยักหน้าในทันที

ตอนนี้เธอแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะตั้งใจช่วยน้องชายของเธอจัดการเรื่องร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

"ศาสตราจารย์จ้าว ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว เราไปทานอาหารกันก่อนดีไหมครับ?"

หลังจากยุ่งเกี่ยวกับคดีของร้านขายเสื้อผ้าอยู่พักหนึ่ง ฉินหยุนก็เอ่ยถามออกมาหลังจากที่เขามองไปที่หญิงชราผมสีขาวเงินที่อยู่ตรงหน้า

"ไม่เป็นไรหรอก คนแก่อย่างฉันส่วนมากแล้วจะกินอาหารง่ายๆน่ะ กินอะไรอร่อยๆไม่ได้หรอก และฉันก็ไม่อยากไปสถานที่เหล่านั้นด้วย" ศาสตราจารย์จ้าวกล่าวพลางส่ายหัว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง "ถ้าอย่างนั้นคุณอยากทานอะไรครับ เดี๋ยวผมจะเอามาให้ทันที"

เธอมองไปที่ฉินหยุน ครั้งนี้ศาสตราจารย์จ้าวไม่ได้ปฏิเสธ และเธอก็กล่าวบางอย่างกับเขา ซึ่งฉินหยุนก็พยักหน้าและกำลังจะกดโทรออก

แต่ศาสตราจารย์จ้าวก็กล่าวขึ้นก่อนว่า "คนแก่อย่างฉันมาที่นี่เพื่อช่วยเธอโดยเฉพาะเลย เธอไปซื้อให้ฉันเองไม่ได้งั้นเหรอ"

เมื่อได้ยินคำกล่าวของศาสตราจารย์จ้าว ฉินหยุนก็ผงะไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า "ได้ครับ เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้"

...

ในร้านเสื้อผ้าหานลู่ คิ้วของจั่วหานขมวดขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขามองหมายศาลในมือ

"ศาสตราจารย์จ้าวจากมหาลัยจินหลิง จ้าวเยี่ยนหลิน เธอกำลังช่วยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่งั้นเหรอ?"

ท้ายที่สุดแล้วมหาลัยจินหลิงก็ยังเป็นหนึ่งในมหาลัยชั้นนำของจีน และคำพูดของจ้าวเยี่ยนหลินก็มีน้ำหนักมากในคณะนิติศาสตร์ที่นั่น

ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นทนายความสองสามคนในสำนักงานกฎหมายชิงอวี้ เขาจะไม่สนใจคำพูดของพวกเขาเลยก็ได้

แต่สำหรับจ้าวเยี่ยนหลิน เขาไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

"บอสจั่วครับ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี" ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาเอ่ยถามออกมา

จั่วหานใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างเป็นจังหวะเบาๆ โดยไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ซึ่งชายวัยกลางคนก็ไม่กล้ารบกวนเขา ทำได้เพียงยืนรออย่างเงียบๆ

หลังจากผ่านไปนานกว่า 30 วินาที ในที่สุดจั่วหานก็กล่าวขึ้นว่า "เราควรจะปรับเปลี่ยนไม้แขวนเสื้อในร้านสักเล็กน้อย และอย่างอื่นอีกนิดหน่อย ถึงยังไงฝ่ายนั้นก็ยังเป็นศาตราจารย์ด้านกฎหมายที่มีชื่อเสียงในมหาลัยจินหลิง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถตอบโต้อย่างโจ่งแจ้งเกินไปได้"

แม้ว่าเขาจะยอมถอยให้หนึ่งก้าว แต่จั่วหานก็ไม่ได้กังวลอะไรเลย

เรื่องระหว่างร้านขายเสื้อผ้าทั้งสองร้านเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันอีกนาน และเป็นไปไม่ได้เลยที่จ้าวเยี่ยนหลินจะทำให้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง

"ยังไงก็ตาม เรื่องที่ให้ไปจัดการเกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกหกสาขานั่น เรียบร้อยแล้วหรือยัง?" จั่วหานถามออกมา

ตอนนี้เทียนหยุนมีร้านขายเสื้อผ้าอยู่ทั้งหมด 9 สาขาในเมืองจินหลิงแห่งนี้ และเป้าหมายของเขายังคงเป็นร้านค้าสาขาใหญ่ทั้ง 3 สาขาเป็นหลัก

แต่ก็ยังมีร้านขายเสื้อผ้าร้านเล็กๆอีก 6 สาขาที่มีขนาด 40 ตารางเมตรในจินหลิง และธุรกิจของร้านค้าร้านเล็กๆเหล่านั้นก็ดีมากเช่นกัน แน่นอน จากมุมมองของจั่วหาน ร้านที่เหลือก็ต้องถูกจัดการเช่นกัน

และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถึงอย่างไรร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนก็ต้องถูกบดขยี้อยู่ดี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะโจมตีร้านขายเสื้อผ้าทั้ง 9 สาขานี้พร้อมกัน

"จัดการเรียบร้อยแล้วครับ ผมได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของที่ของร้านเสื้อผ้าทั้งหกร้านนั่นแล้ว"

ชายวัยกลางคนกล่าว "พวกเขาจะเริ่มกลับคำกันทันที และจะไม่ปล่อยให้ฉินหยุนเปิดร้านต่อไป"

(จบตอน)