ตอนที่ 163 ฉินหยุน มีคนคิดว่าฉันไม่โดดเด่น

จางอวี๋ชิงเห็นฉินหยุนลงจากรถแท็กซี่

นี่เหมือนกับครั้งล่าสุดที่ฉินหยุนมาที่นี่เลย แต่ความรู้สึกตอนนี้ของจางอวี๋ชิงแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

"บอสฉิน" เธอรีบเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

"ทนายจาง"

ฉินหยุนก็พยักหน้าเป็นเชิงทักทายให้จางอวี๋ชิง จากนั้นเขาก็ถามขึ้นทันทีว่า "ศาสตราจารย์จ้าวมาถึงหรือยังครับ?"

ครั้งนี้ฉินหยุนมาถึงก่อนเวลา คราวที่แล้วเขาได้ปล่อยให้ศาสตราจารย์จ้าวเยี่ยนหลินรอเขาถึงสิบนาทีเลย แต่ตอนนี้ฉินหยุนจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอีก

"ยังเลย ศาสตราจารย์อาวุโสน่าจะมาถึงที่นี่ในอีกสิบห้านาทีน่ะ" จางอวี๋ชิง กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนพยักหน้าและเริ่มเดินตรงไปที่อาคารสำนักงานกฎหมาย

เมื่อฉินหยุนก้าวไปข้างหน้า จางอวี๋ชิงก็เป็นฝ่ายเดินตามหลัง

เมื่อเขามาถึงสำนักงานกฎหมาย ฉินหยุนก็มองเห็นฉินลู่ที่กำลังยุ่งอยู่กับงาน

"เสี่ยวหยุน"

เมื่อเห็นฉินหยุน ฉินลู่ก็เอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข เธอมองไปที่จางอวี๋ชิงที่อยู่ข้างๆเขา และก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง "พี่สาวจาง"

"เสี่ยวลู่ เธอไปช่วยบอสฉินจัดการเอกสารเรื่องคดีความเถอะ" จางอวี๋ชิงกล่าวพลางยิ้ม

หลังจากกล่าวอีกสองสามคำ เธอก็เอ่ยขอตัวกับฉินหยุน แล้วก็เดินเข้าไปในสำนักงาน

"เสี่ยวหยุน พวกหานลู่นี่น่าขยะแขยงจริงๆ ตอนนี้สงครามกดราคาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแล้ว" ขณะมองไปที่น้องชายของเธอ ฉินลู่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ

ฉินหยุนสงบมาก เขากล่าวว่า "พี่รองไม่ต้องกังวล ครั้งที่แล้วผมเตรียมตัวไว้ไม่ดีพอ ครั้งนี้แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่จะไม่สามารถทำอะไรร้านของเราได้อย่างแน่นอน"

ข้างๆพวกเขา หยางเย่เจินกำลังเทน้ำชาลงใส่ถ้วยชา เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "บอสฉิน โปรดดื่มชาก่อน"

ฉินหยุนรับถ้วยชาจากเธอมาพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "ขอบคุณครับพี่สาวเย่เจิน"

ในเวลานี้หยางเย่เจินกำลังมองไปที่ฉินหยุน พวกเธอเคยไปที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนมาก่อน ซึ่งพวกเธอก็ไปเดินเล่นที่นั่นมาสักพักแล้ว

น้องชายของเพื่อนเธอสุดยอดมากเกินไป

และแน่นอน หยางเย่เจินหวังว่าฉินหยุนจะแข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ

หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาทีศาสตราจารย์จ้าวเยี่ยนหลินที่มีผมสีเงินก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นเช่นนี้ฉินหยุนจึงเดินขึ้นไปทักทายเธอทันที

เมื่อมองไปที่ฉินหยุน ศาสตราจารย์อาวุโสก็พยักหน้าให้เล็กน้อย แต่เธอดูเฉยชากับเขามาก

แม้ว่าศาสตราจารย์จ้าวจะมาช่วยจัดการเรื่องของฉินหยุน แต่ไม่ว่าใครก็ตามสามารถมองเห็นใบหน้าที่ดูเย็นชาของเธอได้

"เกิดอะไรขึ้น?"

ฉินหยุนเต็มไปด้วยความสงสัย

ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เขาและศาสตราจารย์อาวุโสพบกันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ซึ่งก็เป็นฉินลู่และคนอื่นๆที่มักจะจัดการเรื่องต่างๆแทนเขา และนี่ก็เป็นการพบกันครั้งที่สามของพวกเขา

อันที่จริงทั้งสองไม่ได้สนทนาอะไรกันมากนัก และเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมศาสตราจารย์อาวุโสคนนี้ถึงทำหน้าตาเย็นชาทันทีเมื่อเธอได้เห็นเขา

"เสี่ยวหยุน แกไปทำให้ศาสตราจารย์จ้าวไม่พอใจเรื่องอะไรหรือเปล่า?"

ฉินลู่ดึงน้องชายของเธอไปข้างๆและถามเขาด้วยเสียงต่ำ

"ไม่นะครับ" ฉินหยุนส่ายหัว แม้ว่าอาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์ที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก แต่ศาสตราจารย์อาวุโสก็บอกว่าเธอมาเร็วเกินไป และเธอก็ไม่ได้โกรธเรื่องที่ต้องรอเขานานกว่าสิบนาที

อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ฉินหยุนก็ยังไม่รู้ว่าทำไมศาสตราจารย์อาวุโสถึงมาช่วยเขา และเขาก็ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนช่วยเขาอย่างลับๆ

ในที่สุด หลังจากที่เอกสารทั้งหมดถูกเตรียมพร้อมแล้ว ฉินหยุนก็หาโอกาสเข้าไปคุยกับศาสตราจารย์อาวุโส

"มีเรื่องอะไร?" ในเวลานี้ศาสตราจารย์อาวุโสเห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกไม่พอใจฉินหยุนสักเท่าไร เธอจึงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าค่อนข้างจะเย็นชา

ฉินหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็ถามออกมาว่า "ศาสตราจารย์จ้าวครับ ผมอยากจะถามว่าก่อนหน้านี้ใครเป็นคนขอให้คุณช่วยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเหรอครับ?"

เขาต้องการที่จะทราบเรื่องนี้เช่นกัน

หลังจากจ้องมองไปที่ฉินหยุนเป็นเวลาหลายวินาที ศาตราจารย์อาวุโสก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แถมยังพูดชื่อของคนๆนั้นออกมาอีกด้วย

"หยูเล่อเหยา"

เมื่อได้ยินชื่อที่เธอเอ่ยถึง ฉินหยุนก็ตกตะลึงไปในทันที ไม่ว่าเขาจะคิดเรื่องนี้มากเท่าไร แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบมันจะออกมาเป็นเช่นนี้

หยูเล่อเหยารู้เรื่องร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเขา เธอจึงทำเช่นนี้เพื่อช่วยเขา?

ก่อนหน้านี้ตอนที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนปิดร้านลงเป็นวันพฤหัสบดี ซึ่งวันถัดไปก็เป็นวันศุกร์ แต่วันนั้นหยูเล่อเหยาไม่ได้มาเรียน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากที่ตอบคำถามเสร็จ ศาสตราจารย์อาวุโสก็เดินจากไปทันที เพราะว่าเธอไม่อยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้หลานสาวของเธอต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

หากหลานสาวของเธอไม่ขอร้องอ้อนวอนกับเธอ เธอก็คงไม่สนใจที่จะมาช่วยร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน

หลังจากออกจากสำนักงานกฎหมายชิงอวี้แล้ว ฉินหยุนก็เปิดดูวีแชตบนโทรศัพท์ของเขา

รายชื่อของเพื่อนร่วมชั้นในชั้นเรียนของเขาล้วนอยู่ในกลุ่มวีแชต ซึ่งวีแชตของเขาเองก็ถูกหัวหน้าชั้นหยูเล่อเหยาเพิ่มเข้าไปในกลุ่มด้วยเช่นกัน

แต่หลังจากคิดดูแล้วเขาก็ยังไม่ได้แชทถามเธอทันที ซึ่งพรุ่งนี้ที่มหาลัยก็จะมีเรียนพอดี ดังนั้นจะดีกว่าถ้าเขาเอ่ยถามต่อหน้าเธอ

วันอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อวันจันทร์มาถึง ฉินหยุนก็มาถึงชั้นเรียนในมหาลัย

ในขณะนี้ หยูเล่อเหยาดูเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอดูไม่ค่อยกระฉับกระเฉงสักเท่าไร

เมื่อเธอเห็นฉินหยุน หยูเล่อเหยาก็เดินตรงไปและนั่งลงที่ข้างๆเขาภายใต้สายตาประหลาดใจของเพื่อนนักศึกษาบางคน

"หัวหน้าชั้นนั่งข้างๆฉินหยุนอีกแล้ว"

"พวกเขาคบกันหรือเปล่า?"

"ฉันไม่รู้"

นักศึกษาบางคนพูดคุยกันด้วยความสงสัย ในขณะที่นักศึกษาชายบางคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

หยูเล่อเหยาทั้งสวยและมีความสามารถ ซึ่งเธอก็ได้กลายเป็นเทพธิดาในใจของชายหนุ่มจำนวนมากในเอกบริหารธุรกิจไปแล้ว

หลินเมิ่งเมิ่งซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังก็เห็นสถานการณ์ทางฝั่งของฉินหยุนเช่นกัน เธอกำปากกาในมือไว้แน่นพลางทำท่าบุ้ยปากเล็กๆของเธอ โดยเธอรู้สึกไม่พอใจสักเท่าไร

เธอต้องการลุกขึ้นยืนทันทีเหมือนกับหยูเล่อเหยา จากนั้นก็ไปนั่งลงข้างๆฉินหยุน แต่เธอกลับไม่กล้า ซึ่งเธอเป็นคนขี้อายมาก

"เมิ่งเมิ่ง ฉินหยุนกำลังคบกับหัวหน้าชั้นอยู่งั้นเหรอ?" จ้าวฉิงที่นั่งข้างๆหลินเมิ่งเมิ่งเอ่ยถามด้วยเสียงเบา

"ฉันก็ไม่รู้" หลินเมิ่งเมิ่งตอบกลับอย่างหดหู่

ฉินหยุนมักจะไม่ค่อยอยู่ที่มหาลัย ยกเว้นในวันที่มีเรียน

คนที่อยู่ในห้องพักเดียวกันกับเขา พวกเขามักจะออกไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอ  แต่ฉินหยุนมักจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้นเลย

บางครั้งเธอก็ส่งข้อความทางวีแชตไปหาฉินหยุน แต่เขาก็แค่ตอบกลับอย่างสุภาพเท่านั้น

เธอถามกับฉินหยุนในวีแชตว่า ‘ฉันชอบนาย นายชอบฉันไหม?’ ฉินหยุนก็ตอบเหมือนเดิมว่าเขายังไม่ได้วางแผนที่จะมีแฟน

หลังจากโดนปฏิเสธถึงสองครั้ง มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีก และเธอก็กลัวว่าฉินหยุนจะรู้สึกรำคาญและไม่สนใจเธอ ถ้าเธอพูดเรื่องนี้มากเกินไป

เมื่อเห็นท่าทางหดหู่ของหลินเมิ่งเมิ่ง จางเสี่ยวเยว่ก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวลไปเมิ่งเมิ่ง เดี๋ยวหลังจากนี้ฉันจะถามหานอวี่ให้ว่าระหว่างฉินหยุนกับหัวหน้าชั้นมีความสำพันธ์กันยังไง"

พวกเธอทุกคนรู้ว่าหลินเมิ่งเมิ่งกำลังคิดอะไรอยู่

สาวน้อยคนนี้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ตั้งแต่เธอมาที่มหาลัย เธอก็ตั้งหน้าตั้งตารอความรักอย่างไม่ย่อท้อ จากนั้นเธอก็ตกหลุมรักฉินหยุนตั้งแต่ที่เห็นเขาครั้งแรก และตั้งแต่นั้นไม่ว่าจะเรื่องอะไรเธอก็เข้าข้างฉินหยุนตลอด

หลินเมิ่งเมิ่งดูด้อยกว่าหยูเล่อเหยาแค่เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเธอมีรูปร่างที่ตัวเล็ก ดูอ่อนโยนและก็น่ารักมาก จึงมีชายหนุ่มในชั้นเรียนเดียวกันหรือแม้แต่จากเอกคณะอื่นๆที่มาตามจีบเธอ แต่หลินเมิ่งเมิ่งปฏิเสธพวกเขาทั้งหมดอย่างไม่ลังเลเลย

ข้างๆพวกเธอ เจียงอีมองไปที่หลินเมิ่งเมิ่งจากนั้นก็มองไปที่ฉินหยุนที่นั่งอยู่ด้านหน้า ในใจของเธอรู้สึกอยากจะถอนหายใจออกมา

ตอนนี้หลินเมิ่งเมิ่งและคนอื่นๆยังไร้เดียงสาเกินไป

สำหรับเจียงอี เธอมักจะรู้สึกว่าฉินหยุนก็มีดีแค่หน้าตาหล่อเหลานิดหน่อย แต่ในด้านอื่นๆก็ธรรมดาทั่วไป และเขาไม่มีอะไรที่ดูโดดเด่นเลย

อย่างเช่นเรื่องที่ฉินหยุนไม่เข้าร่วมในกิจกรรมของชั้นเรียนเป็นต้น

แถมเขาก็ยังไม่เข้าร่วมชมรม สหภาพนักศึกษาหรือกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ ทำให้เขาไม่เป็นที่รู้จักของคนอื่นเลย

แม้ว่าชมรมในมหาลัยหรือสมาพันธ์นักศึกษาจะเป็นสังคมที่เล็กๆ แต่ถ้าหากไม่เข้าร่วมในสังคมเหล่านี้ คาดว่าในอนาคตอีกไม่นานก็จะไม่มีใครที่สามารถจดจำเขาได้

อย่างไรก็ตาม เธอเคยเกลี้ยกล่อมหลินเมิ่งเมิ่งไปแล้วสองสามครั้ง แต่ตอนนี้เจียงอีไม่ได้เกลี้ยกล่อมเธออีกต่อไป ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นทางเลือกของหลินเมิ่งเมิ่ง และเธอก็ไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น

(จบตอน)