ตอนที่ 99 กลับไปที่หมู่บ้าน

"เซี่ยวเซี่ยว เธอก็มาได้แล้วนะ ตอนนี้เรายังต้องการดีไซน์เนอร์อีกยี่สิบคนเลย" โจวซินหยากล่าวหลังจากที่ถังเซี่ยวเซี่ยวเอ่ยจบ

เธอรู้สึกเต็มใจมากๆที่จะพาถังเซี่ยวเซี่ยวเข้ามาทำงานในโรงงาน

สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวกับการรับสมัครพนักงาน เธอสามารถกล่าวมันออกมาได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ท้ายที่สุดตอนนี้ทางโรงงานก็พร้อมที่จะเร่งกระบวนการขยายฐานการผลิตในคราวเดียวแล้ว แต่สำหรับด้านอื่นๆ อย่างเช่น เสื้อผ้าส่วนใหญ่ในโรงงานถูกส่งไปยังจินหลิง หรือแบบดีไซน์เสื้อผ้าที่ถูกคิดขึ้นมา เธอไม่สามารถกล่าวมันออกมาได้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความลับ

เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า แบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะหยุดอยู่แค่ตรงนี้

ถังเซี่ยวเซี่ยวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นเธอก็ส่ายหัวและกล่าวว่า "ไม่ ฉันจะอยู่ในหงซู่หลินต่อ"

เธอปฏิเสธข้อเสนอของโจวซินหยาอีกครั้ง

ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะปฏิเสธ แต่ในอนาคตเธอจะเข้าร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้าเทียนหยุนอย่างแน่นอน และเมื่อเวลานั้นมาถึง กิจการของเทียนหยุนทั้งหมดได้ก้าวขึ้นไปสู่ขั้นใหม่เรียบร้อยแล้ว มีดีไซน์เนอร์ชั้นนำมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ในบริษัท ซึ่งเป็นเป็นเรื่องยากมากที่เธอจะสามารถแสดงความโดดเด่นออกมาได้

และแน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอนาคตต่อจากนี้

...

หลังจากออกจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ฉินหยุนก็กลับบ้านที่หยางกวงซิตี้ และในวันที่ 2 ตุลาคม ฉินหยุน ฉินกั๋วตง และจ้าวเหมยก็เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านฉินเจีย บ้านเกิดของพวกเขา

ปู่และย่าของฉินหยุนอาศัยอยู่ในชุมชนผู้สูงอายุซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านฉินเจีย ย่าของเขายังมีสุขภาพที่ดี แต่สุขภาพของปู่นั้นไม่ค่อยดีนัก

ฉินหยุนกลับมาคราวนี้ก็เพื่อเยี่ยมปู่ของเขา

เมื่อทั้งสามคนมาถึงที่ทางเข้าหมู่บ้านฉินเจีย ทันใดนั้นก็มีเสียงที่กระตือรือร้นดังขึ้น

"กั๋วตง จ้าวเหมย กลับมากันแล้วเหรอ เสี่ยวหยุนก็มาพร้อมกันด้วย โห้! เสี่ยวหยุนดูหล่อกว่าเดิมอีกนะเนี่ย!"

"เสี่ยวหยุนนี่มีแววขึ้นเรื่อยๆเลย โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่เขาเปิดมีขนาดใหญ่มาก! แถมมีคนงานมากมายอยู่ในนั้นด้วย ฉันเดาไม่ถูกเลยว่ามีกี่คน"

"เสี่ยวจุน ลูกต้องหัดเรียนรู้จากพี่เสี่ยวหยุนบ้างนะ"

บางคนเข้ามาหาและกล่าวกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

หลายคนในหมู่บ้านต่างก็รู้จักโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน เพราะจางพ่านตี้และคนอื่นๆในหมู่บ้านก็เข้าไปทำงานในโรงงานเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถปิดบังเรื่องโรงงานจากคนอื่นๆได้

และในเรื่องนี้ ฉินกั๋วตงกับจ้าวเหมยก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร

เมื่อเทียบกับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าอื่นๆ โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นมีสวัสดิการที่ดีกว่า ค่าจ้างสูงกว่า ทำงานต่อวันแค่ 8 ชั่วโมง มีสัญญาลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการ ด้านสวัสดิการอื่นๆก็ครบครันเช่นกัน ประกันสังคมต่างๆ 5 ฉบับ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 กองทุน

โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลายแห่งในเขตชิงอู๋นั้นมีขนาดเล็ก และส่วนใหญ่เป็นของภาคเอกชน พวกเขามักจะให้พนักงานทำงานแบบวันเว้นวัน คนงานต่างก็ต้องเหน็ดเหนื่อยกันทุกวันเพื่อแลกกับเงินเดือนเพียง 4,000 หยวน นอกจากนี้ โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าภาคเอกชนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีแม้แต่สัญญาที่เป็นทางการระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง นับประสาอะไรกับประกันสังคม 5 ฉบับและกองทุนที่อยู่อาศัย 1 กองทุน

ดังนั้นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินกั๋วตงและจ้าวเหมย จึงมาเยี่ยมถึงหน้าประตูบ้าน เพื่อขอให้พวกเขาช่วยให้เข้าไปทำงานในโรงงาน

แน่นอนว่าด้วยฉินซวนที่เป็นผู้รับผิดชอบหลัก คนเหล่านั้นที่ถูกรับเข้าไปในโรงงานต่างก็มีทักษะความสามารถในการตัดเย็บเสื้อผ้า ดังนั้นพวกเขาจึงได้เข้าไปทำงานในโรงงานพร้อมกับรับสวัสดิการต่างๆได้

"ฉันได้ยินมาจากจางต้าโถวว่า ลูกสะใภ้ของเขาที่ทำงานอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นได้เป็นหัวหน้าคนงานด้วย แถมได้เงินเดือนตั้ง 6,000 หยวน บางครั้งก็ได้เยอะกว่านั้นอีกเมื่อบวกค่าโอทีเพิ่ม"

"เหล่าหยูยังอยากให้ลูกสะใภ้ของเขาเข้าไปที่นั่นด้วยเลย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สมหวัง"

"ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอยู่แค่ระดับพื้นๆไง"

"ครอบครัวของกั๋วตงดีขึ้นมากแล้วจริงๆ เห้อ..ถ้ารู้ว่าเขาจะได้พัฒนาขึ้นขนาดนี้ ป่านนี้ฉันคงไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไว้แล้ว"

ทุกคนพูดคุยกันด้วยความสนใจอย่างมาก ในปัจจุบันนี้การเปิดโรงงานต่างๆขึ้นสักที่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก

อันที่จริงในเขตชนบทไม่ได้มีเรื่องอะไรให้พูดคุยมากนัก แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนได้กลายเป็นหัวข้อที่พวกเขามักพูดถึงอยู่ทุกวันแล้ว

ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยทักทายผู้คนในหมู่บ้านด้วยรอยยิ้ม

ในเวลานี้ ในบ้านหลังหนึ่ง ชายวัยกลางคนกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ และหญิงวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆเขาเธอกำลังไม่พอใจมาก เธอจึงลุกขึ้นไปและหยิบบุหรี่ของเขามา

"เธอทำอะไรของเธอ!" เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายวัยกลางคนก็ไม่พอใจทันที

"ฉันทำอะไร?!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงวัยกลางคนก็ชี้นิ้วไปที่จมูกของเขาพลางด่าว่า "คุณก็ยังแซ่ฉินเหมือนกัน และคุณก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉินกั๋วตงด้วย ตอนนี้ครอบครัวของฉินกั๋วตงดีขึ้นมากแล้ว ฉันอยากให้คุณเข้าไปหาพวกเขา แต่คุณกลับปฏิเสธแล้วบอกว่าฉินกั๋วตงกับคนอื่นๆอาศัยอยู่ในเขตชิงอู๋ คุณบอกว่าคุณไม่รู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาที่หมู่บ้านเราแล้วทำไมคุณถึงยังนั่งเงียบอยู่อีก!"

เมื่อได้ยินเธอกล่าวเช่นนี้ ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาทำเพียงแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

อย่างไรก็ตาม หญิงวัยกลางคนไม่คิดจะหยุดง่ายๆอย่างแน่นอน

"ดูอย่างครอบครัวของจางต้าโถวสิ จางต้าโถวกับฉินกั๋วตงแค่สนิทกันเท่านั้น แต่ตอนนี้ลูกสะใภ้ของเขาได้เข้าไปทำงานในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนแล้ว ใช้เวลาไม่นานลูกสะใภ้ของเขาก็ได้เป็นหัวหน้าคนงานแล้วด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆเธอก็น่าจะได้เงินมากกว่า 6,000 หยวนต่อเดือนแน่นอน"

"แต่คุณกับฉินกั๋วตงเป็นลูกพี่ลูกน้องกันแท้ๆ แถมคุณกับเขาก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตอนนี้ลูกสะใภ้ของเรา เสี่ยวฉิง เธอกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของคนอื่น ได้ค่าจ้างแค่ 4,000 หยวนต่อเดือนเท่านั้น กะอีแค่คุณยอมเปิดปากนิดหน่อย ลูกสะใภ้เราก็ได้ไปทำงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว"

"ทักษะการตัดเย็บเสื้อผ้าของเสี่ยวฉิงนั้นไม่ได้ด้อยกว่าทักษะของลูกสะใภ้ของจางต้าโถวเลย เมื่อถึงเวลาเธอจะได้เป็นหัวหน้าคนงานแน่นอน เงินเดือนของเธอก็จะเพิ่มขึ้นทันทีมากกว่า 2,000 หยวน ซึ่งไม่เลวร้ายไปกว่าการทำงานหนักในโรงงานแห่งอื่นเลย แถมดีกว่าเยอะเลยด้วยซ้ำ"

เธอชี้ไปที่ชายวัยกลางคนพลางบ่นออกมาชุดใหญ่

ชายวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า "ครอบครัวของกั๋วตงเคยมายืมเงินเราเพื่อซื้อบ้าน แต่เราไม่ได้ให้เขายืม เพราะงั้นเราจะไปพูดเรื่องนี้กับเขาได้ยังไง?"

ชื่อของเขาคือฉินกั๋วหยุน เขากับฉินกั๋วตงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งพ่อของเขากับพ่อของฉินกั๋วตงนั้นเป็นพี่น้องกัน

ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของเขากับครอบครัวของฉินกั๋วตงนั้นดีมาก พวกเขามักจะติดต่อกันอยู่เสมอ แต่หลังจากที่ฉินหยุนไปเรียนที่โรงเรียนมัธยม ฉินกั๋วตงก็ตามอยู่ไปที่เขตชิงอู๋เช่นกัน ดังนั้นทั้งสองครอบครัวจึงติดต่อกันน้อยลงโดยธรรมชาติ

เรื่องมันเกิดหลังจากนั้น ซึ่งเป็นตอนที่ราคาที่อยู่อาศัยกำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ฉินกั๋วตงกับจ้าวเหมยพากันรีบร้อนจะซื้อบ้าน ทั้งสองจึงหายืมเงินจากทุกที่และแม้กระทั่งมาหาครอบครัวของเขาด้วย

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ให้ยืมเงิน และถ้าตอนนี้เขาเข้าไปประจบสอพลอเพราะเห็นว่าครอบครัวของฉินกั๋วตงดีขึ้นแล้ว เขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

"มันก็ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากให้ยืมหรือเปล่า แต่เป็นเพราะพวกเราไม่มีเงินจริงๆ ฉันเองก็อยากซื้อบ้านเหมือน แถมเฉียงเฉียงก็ต้องเรียนหนังสือด้วย ถ้าเรามีเงินมากขนาดนั้นจะไม่ให้พวกเขายืมได้ยังไง"

หญิงวัยกลางคนคนนี้ชื่อถังฟาง เธอเป็นภรรยาของฉินกั๋วหยุน หลังจากหยุดพักหายใจเธอก็กล่าวออกมาอีกครั้งว่า "ฉินกั๋วตงก็รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคุณเหมือนกัน และความสัมพันธ์ของพวกคุณไม่ได้ขาดลงเพราะเรื่องยืมเงินนี่ แค่คุณพูดกับเขาสักสองสามคำแค่นี้ ฉินกั๋วตงก็ช่วยเราแล้ว จากนั้นเสี่ยวฉิงก็จะได้เข้าไปในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนได้อย่างแน่นอน"

"แค่คุณยอมเปิดปากนิดหน่อย ลูกสะใภ้ของเราก็ได้เงินเดือนเพิ่มอีก 2,000 หยวนแล้ว ใบหน้าของคุณมีค่ามากงั้นเหรอ?"

ฉินกั๋วหยุนก็ยังคงไม่กล่าวอะไรออกมา เขาทำเพียงนั่งเงียบๆอยู่บนเก้าอี้เช่นเดิม

"คุณปู่คุณย่า!"

ทันใดนั้นเด็กวัยกำลงซนคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาและกล่าวว่า "คุณปู่กับคุณย่าอย่าทะเลาะกันเลยนะครับ คุณครูบอกว่าทะเลาะกันเป็นเรื่องไม่ดี ต่อไปนี้เฉียงเฉียงจะยอมเชื่อฟังแล้ว"

เมื่อมองไปที่หลานชายของเขา ฉินกั๋วหยุนก็ชะงักครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ลุกขึ้นและกล่าวว่า "ก็ได้ ฉันจะไปที่บ้านของพี่กั๋วตง"

ตอนนี้แค่เขายอมเปิดปาก ทั้งครอบครัวก็จะได้รับเงินเพิ่ม และหลานชายของเขาก็จะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น งั้นทำไมเขาจะไม่ลองดู?

เมื่อเห็นว่าในที่สุดฉินกั๋วหยุนก็ยอมตกลง ถังฟางก็รู้สึกดีใจมาก เธอรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า "ฉันจะไปเอาของบางอย่างก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะไปกับคุณด้วย"

ฉินกั๋วตงกับจ้าวเหมยกำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ ส่วนฉินหยุนก็กำลังดูบางอย่างในโทรศัพท์ จากนั้นเมื่อเขาสังเกตเห็นคนสองสามคนที่เดินมาจากทางประตูบ้าน เขาก็รีบเอ่ยทักทายทันที "ลุง ป้า"

"เสี่ยวหยุนดูหล่อขึ้นมากเลย ต้องมีสาวๆหลายคนในมหาลัยที่แอบชอบเขาแน่นอน" ฉินกั๋วหยุนยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรสักคำ ถังฟางที่อยู่ข้างๆเขาก็ชิงกล่าวขึ้นก่อนทันที

(จบตอน)