ฉินหยุนไม่รู้ว่าจางเสี่ยวเยว่และคนอื่นๆกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ในขณะนี้เขากำลังเฝ้าดูหยูเล่อเหยาที่เดินมาที่โต๊ะข้างๆเขาและเธอก็นั่งลง
ขณะที่เขากำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง หยูเล่อเหยาก็เอ่ยขึ้นก่อนว่า "ฉินหยุน ที่ร้านของฉันมีเมนูใหม่แล้ว เที่ยงนี้นายอยากไปลองชิมมันไหม?"
หยูเล่อเหยาเอ่ยชวนด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินที่เธอกล่าว ฉินหยุนก็มีเรื่องที่จะถามเธออยู่พอดี ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและกล่าวว่า "ได้สิ"
ประมาณช่วงเที่ยงหลังจากหมดชั่วโมงเรียน ทั้งสองคนก็ไปที่ร้านหม่าล่าทั่ง จากนั้นหยูเล่อเหยาก็ยกเครื่องเคียงต่างๆที่เพิ่งค้นคว้าขึ้นมาใหม่ออกมาหลายอย่าง
"รสชาติเป็นยังไงบ้าง?" หยูเล่อเหยาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
"มันดีมาก" ฉินหยุนยกนิ้วให้เธอพลางกล่าวว่า "ฉันคิดว่าทักษะการทำอาหารระดับนี้สามารถเป็นเชฟในร้านอาหารติดดาวได้เลย"
"แค่อร่อยก็พอแล้ว" หยูเล่อเหยาก็เริ่มทานเช่นกัน
ฉินหยุนขอให้เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในร้านนำน้ำผลไม้ขวดเล็กๆมาให้ จากนั้นเขาก็รินมันใส่แก้วให้หยูเล่อเหยา
"ยังไงก็เถอะ หยูเล่อเหยา ฉันมีเรื่องที่อยากจะถามเธอหน่อย" หลังจากทานไปสักพัก ในที่สุดฉินหยุนก็เอ่ยถามออกมาว่า "เธอรู้จักศาสตราจารย์จ้าวเยี่ยนหลินไหม?"
เขาพร้อมที่จะถามเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เมื่อได้ยินคำถามของเขา หยูเล่อเหยาก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เธอยิ้มและกล่าวว่า "เธอคือคุณย่าของฉันเอง"
"ศาสตราจารย์จ้าวจากมหาลัยจินหลิงคือคุณย่าของเธองั้นเหรอ!?" ฉินหยุนรู้สึกประหลาดใจมาก
เขาไม่ได้คาดคิดว่าหยูเล่อเหยาจะมีตัวตนและภูมิหลังเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์จ้าวอยู่ที่ มหาลัยจินหลิง แต่ทำไมหยูเล่อเหยาจึงมาเรียนต่อที่มหาลัยเจียงหยวนกัน?
ราวกับว่าเธอสังเกตเห็นความสงสัยของฉินหยุน หยูเล่อเหยาจึงอธิบายว่า "คะแนนสอบเข้ามหาลัยของฉันต่ำกว่าเกณฑ์ของมหาลัยจินหลิงนิดหน่อยน่ะ ดังนั้นฉันก็เลยไม่ได้เข้าเรียนที่นั่น"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ถึงบางอ้อทันที
มหาลัยจินหลิงอยู่ในสิบอันดับแรกของมหาวิทยาลัยระดับประเทศ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปที่นั่นโดยอาศัยเส้นสายได้เลย แต่ถ้าหากความแตกต่างของคะแนนไม่ได้เยอะเกินไปมันก็พอจะเป็นไปได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม คะแนนของมหาลัยเจียงหยวนและมหาลัยจินหลิงนั้นแตกต่างกันมาก แม้ว่าคะแนนของหยูเล่อเหยาจะเป็นระดับสูงสุดของเอกคณะบริหารธุรกิจในมหาลัยเจียงหยวน แต่ก็ยังไม่พอที่จะใช้เข้ามหาลัยจินหลิง
"แล้วเธอรู้เกี่ยวกับเรื่องร้านขายเสื้อผ้าไหม?" ฉินหยุนถามหลังจากคิดอยู่สักครู่
"ฉันบังเอิญรู้มาน่ะ" หยูเล่อเหยาพยักหน้าแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า "ฉินหยุน คำถามที่นายถามนี่มันดูซื่อบื้อมากเลย"
เนื่องจากเธอขอให้ศาสตราจารย์อาวุโสช่วย ดังนั้นเธอจึงต้องรู้เกี่ยวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน และก็ต้องรู้ว่าเขากำลังมีปัญหากับร้านเสื้อผ้าหานลู่
"เอ่อ มันก็ดูเหลวไหลนิดหน่อย" ฉินหยุนยิ้มและกล่าวว่า "มาๆ หัวหน้าชั้น ให้ฉันดื่มอวยพรให้เธอ และขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของเธอนะ"
"เรื่องเล็กน้อย"
หยูเล่อเหยาจิบน้ำผลไม้ โบกมือพลางกล่าวว่า "ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย คุณย่าของฉันอยู่ที่บ้านเฉยๆก็ไม่มีอะไรให้ทำ ฉันก็เลยขอให้เธอออกไปเดินเล่นนิดหน่อยและบังเอิญได้เงินมาก็เท่านั้น"
ถ้าศาสตราจารย์อาวุโสอยู่ที่นี่และได้ยินที่หยูเล่อเหยา หลานสาวผู้น่ารักน่าเอ็นดูของเธอกล่าว ก็คงไม่รู้ว่าเธอจะแสดงสีหน้าเช่นไร เธออาจจะมองหาไม้กวาดด้วยความโกรธก็เป็นได้
แม้จะได้ยินเช่นนี้แต่ฉินหยุนก็ยังกล่าวอย่างจริงจังว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย สำหรับร้านขายเสื้อผ้าของฉันมันถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก"
ความสามารถของศาสตราจารย์จ้าวไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือคำพูด ศักดิ์ศรี และเบื้องหลังที่ศาสตราจารย์อาวุโสมี
ถ้าจะข่มเหงร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน คุณก็จะต้องเผชิญหน้ากับการฟ้องร้องจากศาสตราจารย์อาวุโสแห่งมหาลัยจินหลิง สิ่งนี้สามารถช่วยปัดเป่าความคิดไม่ซื่อของใครหลายๆคนได้ดีทีเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประมาณค่าด้วยเงินไม่ได้เลย
ก็เหมือนกับบางบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ ภายในนั้นมันยังไม่ได้มีความมั่นคงและพนักงานก็ไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากนัก แต่จู่ๆก็มีคนใหญ่คนโตเข้ามา และคนๆนี้ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก
และด้วยคนผู้นี้ที่เป็นคนรับผิดชอบหลักของบริษัท แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยบริษัทก็จะมั่นคงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่คืออำนาจและศักดิ์ศรี
ฉินหยุนรู้สึกขอบคุณหยูเล่อเหยามากสำหรับความช่วยเหลือของเธอ
"สำหรับฉัน สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ" หยูเล่อเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ถามว่า "หัวหน้าชั้น เธอรู้ไหมว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เป็นยังไง พลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขานั้นน่าทึ่งมาก ฉันแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมเธอถึงอยากช่วยฉัน"
แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดสักเท่าไรในการต่อต้านพวกเขาอย่างออกนอกหน้า แถมยังเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่อ่อนแออีก
ฉินหยุนมองไปที่หยูเล่อเหยา ตามความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับอีกฝ่าย เธอก็น่าจะรู้ดีถึงความต่างระหว่างทั้งสอง แต่เธอก็ยังเลือกที่จะช่วยเขา
"นายอยากรู้เหตุผลงั้นเหรอ?" หยูเล่อเหยามองไปที่ฉินหยุนและเอ่ยถามออกมา
ฉินหยุนพยักหน้า
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอ หยูเล่อเหยาก็ยิ้มและกล่าวว่า "เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะว่าฉันชอบนาย"
เธอกล่าวออกมาตรงๆโดยไม่มีความเขินอายเลยสักนิด
"ห้ะ..." เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ผงะไปทันที
"ฉินหยุน นายชอบฉันไหม?" หลังจากกล่าวจบ หยูเล่อเหยาก็จ้องไปที่ฉินหยุนและเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความจริงจัง
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเธอ ฉินหยุนก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรออกมาดี หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็กล่าวว่า "ฉันยังไม่ได้วางแผนที่จะมีแฟนน่ะ"
"โอเค งั้นถ้าพร้อมเมื่อไรนายค่อยบอกฉัน ฉันจะรอนาย" หยูเล่อเหยากล่าวโดยไม่ได้มีท่าทางเซ้าซี้เลย
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเธอ ฉินหยุนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัว
ก่อนหน้านี้ก็เป็นหลินเมิ่งเมิ่งที่เป็นแบบนี้ และตอนนี้หยูเล่อเหยาก็ยังเป็นแบบเดียวกันอีก
หลินเมิ่งเมิ่งยังคงขี้อายเล็กน้อย แต่หยูเล่อเหยากลับตรงไปตรงมามาก
"หัวหน้าชั้น เธอไม่ต้องรอฉันก็ได้ บางทีในอนาคตฉันอาจจะมีแฟนสักคน แต่คนๆนั้นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเธอ"
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยายามกล่าวออกมาด้วยคำพูดที่ฟังดูไม่รุนแรงมากนัก
"ถ้าถึงตอนนั้นฉันจะเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง" หยูเล่อเหยามองไปที่ฉินหยุนแล้วกล่าวออกมา
"แต่ยังไงก็ตาม ถ้านายรู้สึกชอบผู้หญิงคนไหน นายต้องบอกให้ฉันรู้ด้วย"
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความจริงจัง ขณะที่รอคำตอบจากฉินหยุน
ฉินหยุนลังเลอยู่สักครู่ แต่เขาก็พยักหน้าตกลง
ออกมาจากร้านหม่าล่าทั่ง ฉินหยุนไม่รู้ว่าเขาควรจะรู้สึกอย่างไรดี
สำหรับเขาแล้วเขารู้สึกว่าการจัดการกับความรักนี่มันเป็นเรื่องยากกว่าการเปิดร้านขายเสื้อผ้ามากจริงๆ
หลังจากกลับมาจากร้านหม่าล่าทั่ง ฉินหยุนก็มาถึงหอพักห้อง 305 ในอาคาร 3 ของมหาลัย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงหลิวซินเท่านั้นที่อยู่ในห้องพัก จ้าวคังฮ่าว หลี่หานอวี่และคนอื่นๆไม่ได้อยู่ที่นี่
"พี่ฉิน" เมื่อเห็นฉินหยุนเดินเข้ามาในห้องพัก หลิวซินก็เอ่ยทักทายด้วยเสียงเบาๆ
ในเวลานี้เขากำลังทำความสะอาดห้องพักอยู่เพียงลำพัง และบังเอิญว่าเขากำลังเช็ดโต๊ะของฉินหยุนอยู่พอดี
ฉินหยุนไม่ได้อาศัยอยู่ในหอพัก แต่เตียงและโต๊ะของเขาสะอาดมาก ซึ่งเขาก็รู้ว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นหลิวซินที่มักจะช่วยเขาดูแลและทำความสะอาดให้
หลิวซินมักจะกินและดื่มเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าฐานะครอบครัวของเขาไม่ค่อยจะดีนัก อันที่จริงฉินหยุนก็มีความคิดที่อยากจะช่วยเขาอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วร้านขายเสื้อผ้ามักจะรับสมัครพนักงานขายที่เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 20-30 ปีเท่านั้น และบุคลิกของหลิวซินก็ไม่เหมาะสมสักเท่าไร
"แล้วคนอื่นๆล่ะ?" ฉินหยุนถามด้วยรอยยิ้ม
หลิวซินตอบด้วยเสียงเบา "พี่จ้าวกับคนอื่นๆกำลังเล่นไพ่อยู่ ส่วนพี่หลี่ออกไปข้างนอกแล้ว"
"กำลังเล่นไพ่?" ฉินหยุนสงสัยนิดหน่อย
หลิวซินอธิบายว่า "ตอนนี้พวกเขาอยู่ห้อง 308"
ชีวิตนักศึกษามหาลัยนั้นเรียบง่ายมากอย่างไม่ต้องสงสัย หากคุณอยากจะเรียนให้สูงกว่าระดับปริญญาตรี คุณก็ต้องตั้งใจเรียนอย่างหนัก
ส่วนคนที่ไม่ได้คิดจะเรียนต่อปริญญาตรี พวกเขาก็มีเวลาว่างมากมายระหว่างที่อยู่ในมหาลัย มีเวลาไปเที่ยวเล่น นั่งเล่นไพ่หรืออื่นๆ นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก
นักศึกษามหาลัยหลายคนอยู่ในมหาลัยได้ไม่กี่ปีก็ลืมความรู้ที่เคยเล่าเรียนมาไปเกือบหมดแล้ว จากนั้นก็จบออกไปโดยที่ไม่ได้มีความก้าวหน้าอะไร แล้วก็เริ่มเข้าสู่สังคมต่างๆ
ฉินหยุนยังเคยเล่นไพ่กับจ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆในห้องพักอยู่หลายครั้ง ซึ่งเขาก็โชคดีมาก ทุกครั้งที่เขาจั่วไพ่เขาจะได้ไพ่ดีจนแทบไม่อยากจะเชื่อ โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่เคยแพ้เลย
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved