ไม่แปลกที่หลิวเฉวียนสี่จะรู้สึกสงสัย นี่อาจจะเป็นวิธีที่ฉินหยุนจงใจจ้างคนอื่นมาที่นี่ ทำทีว่าขอเซ้งร้านด้วยเงินจำนวนสูงๆ ร่วมมือกันทำให้เขารู้สึกกังวลและก็ยอมตกลงคืนเงินค่าเช่าให้
ที่อื่นๆมีร้านค้าอยู่มากมาย แต่ทำไมผู้จัดการจินถึงไม่เลือกไปเซ้งร้านค้าเหล่านั้น? ท้ายที่สุดแล้วก็มีร้านค้ามากมายที่ยังว่างอยู่และที่สำคัญค่าเช่าก็ถูกกว่า แต่ในเวลานี้เขากลับเลือกที่จะเซ้งร้านมือสองแห่งนี้ ซึ่งเปิดขึ้นยังไม่ถึงหนึ่งปีเลยด้วยซ้ำ นี่มันแปลกเกินไป
หลิวเฉวียนสี่พยักหน้าและกล่าวว่า "ผมแค่สงสัยนิดหน่อย ผู้จัดการจินคนนี้ดูเหมือนว่าจะต้องการเช่าร้านค้าทั้งหมดที่คุณปล่อยเซ้ง มันไม่ดูเวอร์เกินไปหน่อยเหรอ?"
ยอมจ่ายเงินมากกว่าเดิม แถมยังต้องการเซ้งร้านค้าต่อทั้ง 9 แห่ง นี่มันแปลกมากจริงๆ
"เรื่องที่ผมเสนอค่าเซ้งร้านด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าคุณ แม้ว่าคุณจะทำไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำไม่ได้นี่?"
ฉินหยุนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา "ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องพวกนี้ให้คุณฟัง"
ที่ด้านข้าง ผู้จัดการจินก็กำลังมองดูพวกเขาสนทนากันอยู่ เขาค่อยๆหยิบนามบัตรออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า "พวกคุณอาจจะไม่รู้จักผม ผมขอแนะนำตัวเองก่อน ผมเป็นผู้จัดการทั่วไปจากฝ่ายการตลาดของไป๋อวี่กรุ๊ป!"
"ไป๋อวี่กรุ๊ป?"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้จัดการจิน เจ้าของที่หลิวเฉวียนสี่ก็ใช้โทรศัพท์ของเขาเปิดไป่ตู้ค้นหาข้อมูลทันที และเขาก็พบข้อมูลของไป๋อวี่กรุ๊ปได้อย่างง่ายดาย นอกเหนือจากคำแนะนำเกี่ยวกับกิจการต่างๆแล้ว ยังมีข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับจินหยาน ชายหนุ่มในชุดสูทตรงหน้าคนนี้ด้วย
ไป๋อวี่กรุ๊ปเป็นบริษัทที่เกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้า และยังมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจโรงแรมเป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมเสื้อผ้านั้นพวกเขาไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง
จั่วหานก็ตรวจสอบตัวตนของพวกเขาเช่นกัน โดยเขาได้โทรไปหาบางคนเพื่อจะยืนยันว่าไป่อวี่กรุ๊ปมีอยู่จริงๆ
ใบหน้าของเขามืดมนเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
"ค่าเซ้งร้านของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนนั้นสูงจริงๆ แต่ผมสามารถอธิบายให้คุณฟังได้"
จินหยานกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา "ไป๋อวี่กรุ๊ปของเรากำลังวางแผนที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าหลายแห่งขึ้นมาในเมืองจินหลิงแห่งนี้ ซึ่งเทียนหยุนก็กำลังประกาศปล่อยเซ้งร้านค้าทั้งเก้าแห่งอยู่พอดี และด้วยความนิยมของลูกค้าที่เกิดขึ้นในร้านค้าทั้งเก้าแห่งก่อนหน้านี้ มันก็เป็นสิ่งที่เราต้องการพอดีเช่นกัน"
ก่อนหน้านี้ร้านขายเสื้อผ้าทั้ง 9 แห่งของฉินหยุนเป็นที่นิยมมาก ซึ่งในสายตาของใครหลายๆคน เทียนหยุนต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อความนิยมเหล่านั้นแน่นอน
และการใช้จ่ายเงินเพื่อจ้างหน้าม้าจำนวนมากให้เข้าไปอยู่ในร้าน มันก็ทำให้หลายๆคนรู้สึกติดตราตรึงใจกับสิ่งนี้
หากมีการเปิดร้านค้าขึ้นใหม่และทำการโปรโมทออกไปแบบเนียนๆ มันจะต้องมีผลลัพธ์พิเศษเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะร้านค้าต่างๆที่มีชื่อเสียง ย่อมต้องมีลูกค้าขาประจำอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อนำร้านเหล่านั้นกลับมาเปิดใหม่ได้ ลูกค้าเก่าบางส่วนเหล่านั้นก็จะต้องแวะเวียนมาที่ร้านเดิมแต่เป็นเจ้าของใหม่แน่นอน
สำหรับร้านค้าที่เปิดใหม่ นอกจากการดำเนินงานที่จำเป็นแล้ว การพยายามทำให้ร้านค้าร้านใหม่ใกล้เคียงกับร้านค้าร้านเก่ามากที่สุด ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดด้วยเช่นกัน
ในเวลานั้น ตราบใดที่คุณเตรียมการบางอย่างให้ดี ดึงดูดลูกค้าใหม่เข้ามาและรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ คุณก็จะสามารถเปลี่ยนความนิยมที่ลูกค้ามีต่อร้านค้าก่อนหน้า ให้เป็นของร้านค้าร้านใหม่ของคุณได้แน่นอน ประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้สามารถจินตนาการถึงได้เลย
แน่นอนว่าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้ง 9 แห่งที่เคยปิดไปนั้น ตอนนี้มันก็ได้เปิดขึ้นใหม่แล้วบนถนนย่านการค้าแห่งเดิม ยกตัวอย่างเช่น ร้านสาขาเก่าแห่งนี้กำลังประกาศปล่อยเซ้งอยู่ แต่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาใหม่กำลังเปิดดำเนินการห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก
นอกจากนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน เดิมก็เป็นร้านสำหรับขายเสื้อผ้าอยู่แล้ว และการตกแต่งภายในร้านก็สอดคล้องกับร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป หลังจากเข้าเซ้งกิจการแล้วพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอะไรเลย ซึ่งสามารถประหยัดเวลาในการตกแต่งไปได้เยอะมาก
เหตุผลเหล่านี้ยังถือว่าเป็นเรื่องรอง
เหตุผลหลักก็คือ ก่อนหน้านี้เทียนหยุนได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งหานลู่ก็เข้ามาดำเนินการปราบปรามทันที จากนั้นทั้งสองร้านก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด มีสายตานับไม่ถ้วนที่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่ภายในเมืองจินหลิงแห่งนี้ และชื่อของทั้งสองร้านก็แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในเวลานี้ ถ้าร้านเสื้อผ้าไป๋อวี่ปรากฏตัวขึ้นโดยใช้ฐานของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เคยสร้างไว้ ด้วยการจัดการเพียงเล็กน้อย ชื่อของร้านเสื้อผ้าไป๋อวี่ก็จะเป็นที่รู้จักของทุกคนอย่างรวดเร็ว
พวกเขาสามารถอาศัยช่วงชุลมุนระหว่างที่หานลู่และเทียนหยุนกำลังแข่งขันกัน เพื่อสร้างแบรนด์ของพวกเขาให้โด่งดังขึ้นมาได้
สำหรับไป๋อวี่กรุ๊ป สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ สร้างชื่อเสียงของตัวเองให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด!
ตราบใดที่มีรากฐานที่ดี พวกเขาก็จะสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และแม้กระทั่งสามารถสร้างแฟรนไชส์ขึ้นมาได้ในที่สุด
หากคุณเลือกร้านที่เปิดขึ้นใหม่ คุณก็จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากมายเพื่อให้ได้ชื่อเสียงดังกล่าวมา แต่ถ้าคุณเลือกร้านค้าสาขาเก่าของเทียนหยุน ด้วยความนิยมที่มีอยู่ เงินค่าเซ้งร้านที่เพิ่มมาอีกแค่แสนหยวนนั้น คิดอย่างไรก็ยังถือว่าคุ้ม
ที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครที่เป็นคนโง่ เมื่อได้รู้แผนการของไป๋อวี่กรุ๊ปแล้ว จั่วหานก็เข้าใจเช่นกัน ซึ่งใบหน้าของเขาก็หม่นหมองลงเล็กน้อย
เจ้าของที่หลิวเฉวียนสี่ก็เช่นเดียวกัน ดวงตาของเขากรอกไปมา ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อมองไปที่คนอื่นๆที่เงียบลง ฉินหยุนก็มองไปที่จินหยานอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ผู้จัดการจิน เรามาเซ็นสัญญากันต่อเถอะ"
จินหยานพยักหน้า ในเวลานี้เขาไม่ได้คำนึงถึงเรื่องที่หลิวเฉวียนสี่ ฉินหยุน และจั่วหาน ได้บาดหมางกันเลย แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไร ก็มีเสียงแทรกขึ้นขัดจังหวะ "ฉินหยุน ผมไม่เห็นด้วยกับการที่คุณปล่อยเซ้งร้านค้าร้านนี้!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้ายิ้มแย้มของฉินหยุนก็หุบลงทันที เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า "บอสหลิว ตอนผมขอยกเลิกสัญญา คุณก็ปฏิเสธที่จะคืนเงินค่าเช่าให้ผม อันนี้ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ผมกำลังจะให้คนอื่นมาเซ้งร้านต่อ คุณกลับบอกว่าไม่เห็นด้วย มันหมายความว่ายังไงกัน!?"
ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความโกรธ
เรื่องที่ขอค่าเช่าคืนไม่ได้ก็เพราะว่ามันเป็นการละเมิดสัญญา ซึ่งเขาก็เป็นฝ่ายผิดสัญญา ดังนั้นการฟ้องร้องต่างๆจึงยากกว่าปกติ
แต่เรื่องการปล่อยเซ้งร้าน หลิวเฉวียนสี่ไม่มีสิทธิ์มาห้ามเขาได้เลย
"ฉินหยุน ตอนนี้ผมยินดีที่จะคืนเงินค่าเช่าให้คุณแล้ว" หลิวเฉวียนสี่เหลือบไปมองที่จั่วหาน จากนั้นก็กล่าวเสริมออกมา
ล้อเล่นหรือไง ตอนนี้เขาได้รู้แผนการของจินหยานแล้ว เขาจะยอมให้ฉินหยุนเป็นคนได้ประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
ร้านนี้เป็นที่ของเขา
เรื่องอะไรเขาจะยอมให้ฉินหยุนได้รับเงินมากขึ้น?
เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลิวเฉวียนสี่ ฉินหยุนก็ดูเหมือนว่าจะโมโหมากขึ้น เขากล่าวว่า "บอสหลิว คำพูดของคุณนี่ไร้สาระจริงๆ คุณมาเปลี่ยนใจอะไรตอนนี้ ทำอย่างกับว่าตั้งแต่ต้นจนจบคุณเป็นตัวร้ายในทีวีเหล่านั้นเลย?"
หลิวเฉวียนสี่รู้สึกหน้าแดงเล็กน้อย ถ้าเป็นคนอื่น เขาอาจจะยังคงรักษาใบหน้าของเขาไว้บ้าง แต่ทั้งเขาและฉินหยุนได้ฉีกหน้ากากของอีกฝ่ายออกไปแล้ว ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะกล่าวอะไรออกมา
"ฉินหยุน พวกคุณมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เราจะเริ่มเซ็นสัญญากันตอนไหน?"
คิ้วของจินหยานขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นทั้งสองคนโต้เถียงกัน
เขามาเซ้งร้านค้าทั้ง 9 แห่งโดยอาศัยการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างเทียนหยุนกับหานลู่ เพื่อทำให้ร้านขายเสื้อผ้าของไป๋อวี่กรุ๊ปมีชื่อเสียงขึ้นมา
ในส่วนของการแข่งขันนั้น...
ตราบใดที่ชื่อเสียงยังคงแพร่กระจายออกไป ภายใต้การดำเนินงานของไป๋อวี่กรุ๊ป บริษัทก็จะเปิดสาขาขึ้นทุกที่และจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว
"ผู้จัดการจิน คุณวางใจได้เลย ผมสามารถเซ็นสัญญากับคุณได้แน่นอน"
ฉินหยุนกล่าว "แต่ขอเวลาผมสักหน่อย"
"งั้นก็ได้ ผมจะให้เวลาคุณสองชั่วโมง ผมมีบางอย่างที่ต้องทำพอดี หลังจากสองชั่วโมงผมจะเข้ามาอีกครั้ง" จินหยานกล่าวออกมา
เขามองไปที่ชายวัยกลางคนข้างๆ จากนั้นชายวัยกลางคนก็เดินออกไปทันที ในไม่ช้าก็มีรถคันหนึ่งขับออกมาจอดรอหน้าร้าน
นั่นคือรถสปอร์ตเฟอร์รารีที่มีสีน้ำเงินทั้งคัน ซึ่งมันดูมั่นคงและน่าเกรงขามมาก ตัวถังก็ดูงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ
"เฟอร์รารี f8!" เมื่อมองไปที่รถสปอร์ตคันนั้น จั่วหานก็จำมันได้ทันที และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่ารถปอร์เช่สีแดงของเขาด้อยกว่าเฟอร์รารีสีน้ำเงินคันนั้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันดูงดงามสมกับราคาสามล้านกว่าหยวนเลยทีเดียว!
ตามข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ขนาดบริษัทของไป๋อวี่กรุ๊ปมีขนาดใหญ่กว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ของพวกเขามาก
จินหยานเข้าไปในรถ จากนั้นรถก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งฉินหยุน จั่วหานและคนอื่นๆไว้ภายในร้าน
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved