เวลาไหลผ่านมาจนถึงห้าโมงเย็น หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันแล้ว คนจากหอพักทั้งสองก็มารวมตัวกันอีกครั้งตามที่นัดไว้
ในฝั่งหอพักชายนอกจากฉินหยุนแล้วยังมีหลี่หานอวี่ จ้าวคังฮ่าว เฉิงต้าสง และโจวผาน
ส่วนฝั่งหอพักหญิงได้แก่ เจียงอี จางเสี่ยวเยว่ จ้าวฉิง หลินเมิ่งเมิ่ง โจวเสี่ยวเค่อ
อันที่จริงยังมีผู้หญิงอีกคนที่ชื่อเฉินซีอยู่ในหอพักของพวกเธอ แต่เฉินซีได้ย้ายออกไปหลังจากอาศัยอยู่ในหอพักของมหาลัยได้สองเดือน และไปอาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มของเธอ
วันนี้เธอติดธุระดังนั้นจึงไม่ได้มาด้วย
"ว้าว ฉินหยุน หายากนะเนี่ยที่นายจะมา ในที่สุดครั้งนี้เราก็ได้เจอนายสักที" เมื่อเห็นว่าฉินหยุนปรากฏตัวในกลุ่มด้วย จ้าวฉิงก็ยิ้มพลางกล่าว
คำพูดของเธอมีนัยยะแอบแฝงบางอย่าง
ส่วนหลินเมิ่งเมิ่งก็เดินมาที่ด้านข้างของฉินหยุนด้วยท่าทางที่มีความสุข และยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่าผ่าเผย
"ท่อนไม้ฉินหยุนโดนรุกใส่อีกแล้ว"
การกระทำของเธอทำให้จางเสี่ยวเยว่และคนอื่นๆถึงกับหัวเราะออกมา
"นี่คนสวย ถ้าไม่ติดอะไรเธอก็มารุกใส่ฉันได้นะ" ในเวลานี้โจวผานก็กล่าวด้วยรอยยิ้มไร้ยางอาย "ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำเหมือนฉินหยุนแน่นอน"
"อยากมีเรื่องหรือไง!"
"ไปลงนรกซะ!"
ได้ยินคำพูดของโจวผาน หญิงสาวหลายคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับสบถใส่เขาไปคนละที
เมื่อมองไปที่ท่าทางของหลินเมิ่งเมิ่ง ในขณะนี้เฉิงต้าสงและโจวผานรู้สึกอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่จ้าวคังฮ่าวก็ยังรู้สึกเช่นเดียวกัน
จ้าวคังฮ่าวคิดกับตัวเองว่ามันคงจะดีถ้าเจียงอีมีนิสัยเหมือนหลินเมิ่งเมิ่งสักครึ่งหนึ่ง เมื่อมองไปที่ท่าทางของหลินเมิ่งเมิ่งในขณะนี้ ถ้าเธอได้เป็นแฟนของฉินหยุนจริงๆ เธอจะฟังในทุกสิ่งที่ฉินหยุนพูดอย่างแน่นอน
ใครจะไม่อยากได้ผู้หญิงที่นิสัยดีแบบนี้เป็นแฟน?
สำหรับเฉิงต้าสง เขาก็กำลังคิดว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าเขาได้คบกับผู้หญิงคนนี้ เขาจะทำตัวดีกับเธอ 100% เลย
เฉิงต้าสงเคยตามจีบรุ่ยเฉินฉีมาก่อน แต่หลังจากที่ถูกปฏิเสธ เขาก็ไม่ได้ไปตามตื้อเธออีกเลย
ไม่นานทุกคนก็มาถึงร้านอาหารหม้อไฟ และเพราะว่าพวกเขาได้ทำการจองโต๊ะทางโทรศัพท์ไว้แล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องต่อคิว จ้าวคังฮ่าวเดินนำทุกคนไปหาโต๊ะที่จองไว้ทันที
"ปัง!"
ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆเฉิงต้าสงก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกชนกระแทก
เขาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองสามก้าว
เมื่อเห็นคนที่เดินชนเขา เฉิงต้าสงก็เอ่ยขึ้นด้วยความโกรธทันที "หลี่ไห่!"
คนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำไม่น้อยไปกว่าเขาเลย
ก่อนหน้านี้ตอนที่เล่นบาสเก็ตบอล เฉิงต้าสงอารมณ์ไม่ดีเพราะเขาสารภาพรักกับรุ่ยเฉินฉีล้มเหลว และเขาก็รู้สึกหดหู่อยู่หลายวัน
ต่อมา ในการแข่งขันเกมบาสเก็ตบอลระหว่างชั้นเรียน เขาเข้าแย่งบอลและไปตีโดนหัวของหลี่ไห่ ทำให้พวกเขาทะเลาะกันในสนามบาสเก็ตบอล ซึ่งหลี่ไห่ก็พูดจาไม่ดีใส่เขา และทั้งสองก็ทะเลาะกันอีกสองสามครั้งหลังจากนั้น
สุดท้ายเมื่อเจอหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างก็เหน็บแนมใส่กันอยู่ทุกที
"เฉิงต้าสง โทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจชนนาย" เมื่อมองไปที่เฉิงต้าสง หลี่ไห่ก็เอ่ยขอโทษออกมา แต่บนใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยของคำขอโทษอยู่เลย
"แก!!!"
เดิมทีเฉิงต้าสงก็เป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะพุ่งไปด้านหน้าทันที
"หลี่ไห่ ฉันเจอพวกคนป่าเถื่อนจากคณะบริหารธุรกิจอีกแล้วล่ะ"
"กล้าทำร้ายคนจากเอกบริหารการเงินของเรางั้นเหรอ"
ในขณะนี้เอง มีคนอีกสองสามคนเดินมาจากที่ไม่ไกล ซึ่งก็มีทั้งหญิงและชาย พวกเขาเป็นคนจากคณะบริหารการเงินกันทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าเฉิงต้าสงทำท่าดูเหมือนจะพุ่งเข้ามา พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะไปยืนข้างหลี่ไห่
ก่อนหน้านี้ที่สนามบาสเก็ตบอล เรื่องที่เฉิงต้าสงและหลี่ไห่ทะเลาะกันนั้น เทียบเท่ากับความขัดแย้งครั้งใหญ่ระหว่างทั้งสองคณะเลย หลังจากนั้นทั้งสองคณะก็ไม่ค่อยถูกชะตากัน มีการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
กล่าวไปแล้วระหว่างคณะบริหารธุระกิจกับคณะบริหารการเงินก็เกิดความเห็นไม่ลงรอยกันอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่ปีก่อนๆจนถึงปีนี้ก็ยังเป็นอยู่
เมื่อเห็นคนจากคณะบริหารการเงินเดินเข้ามา จ้าวคังฮ่าว หลี่หานอวี่ และคนอื่นๆก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยืนดูเฉิงต้าสงถูกคนอื่นรุมล้อมอยู่เฉยๆ
"ฉินหยุน"
เห็นได้ชัดว่าหลินเมิ่งเมิ่งรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอขยับไปยืนอยู่ข้างฉินหยุนโดยไม่รู้ตัว
ฉินหยุนมองไปที่หลินเมิ่งเมิ่ง เขาใช้แขนกันเธอไปอยู่ข้างหลัง
ทันใดนั้นบรรยากาศตรงที่แห่งนี้ก็ดูตึงเครียดขึ้นมาทันที
"มีเรื่องอะไรกัน?"
ขณะที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดได้ที่ จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น จากนั้นร่างหนึ่งก็เดินเข้ามา
นี่คือชายหนุ่มที่ค่อนข้างอ้วนคนหนึ่ง เขาสูงประมาณ 1.8 เมตร แต่เมื่อเจ้าคังฮ่าวและคนอื่นๆเห็นเขา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
"เลขาสวี ไม่มีอะไรครับ พอดีผมเจอคนจากคณะบริหารธุระกิจก็เลยทักทายกันสองสามคำน่ะ" เมื่อเห็นคนที่มา ใบหน้าของหลี่ไห่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารีบกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
"เขาคือสวีช่าง"
"เขาเป็นหัวหน้าในสภานักศึกษาของมหาลัยเรา แถมเขายังมากับพวกหลี่ไห่อีก"
ทั้งจ้าวคังฮ่าว หลี่หานอวี่ และคนอื่นๆแอบรู้สึกตกใจ
สวีช่างเป็นนักศึกษาปีที่ 3 เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสภานักศึกษา
สำหรับพวกเขาแล้ว คนที่มีตำแหน่งผู้นำในสภานักศึกษาย่อมเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากกว่าแน่นอน
สวีช่างชำเลืองมองจ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆ จู่ๆโจวผานก็เอ่ยขึ้นว่า "เลขาสวี"
เขาเข้าร่วมกับสภานักศึกษาด้วยเช่นกัน และก็อยู่ในคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสภานักศึกษา
"อืม"
สวีช่างพยักหน้าให้เขาโดยไม่กล่าวอะไรมาก จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
หลี่ไห่ก็หันหลังจากไปเช่นกัน เขายังไม่ลืมแสดงสีหน้าพึงพอใจและท่าทางยั่วยุออกมา
เขารู้สึกภูมิใจมาก ครั้งนี้คนอื่นๆในชั้นเรียนของเขาได้เชิญคนจากสภานักศึกษาหลายคนมาทานอาหารกันเป็นพิเศษ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
"เลขาสวีนี่สุดยอดมากจริงๆ เมื่อตอนเดินออกมา เฉิงต้าสงและคนอื่นๆไม่กล้าพูดอะไรสักคำเลย"
ข้างๆหลี่ไห่ คนอื่นๆในคณะบริหารการเงินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"หืม.. หลี่ไห่ นายมีความขัดแย้งกับคนจากคณะบริหารธุรกิจงั้นเหรอ?" เมื่อได้ยินสิ่งที่พวกเขากล่าว สวีช่างก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
หลี่ไห่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "นิดหน่อยครับ"
เขาอธิบายเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟังเล็กน้อย
สวีช่างยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรอีก
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อมองดูหลี่ไห่จากไป เฉิงต้าสงก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาว่า "บัดซบ ไอ้หลี่ไห่มันไปประจบพวกสภานักศึกษาแล้ว"
เขายังคงเกรงกลัวสภานักศึกษาอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เขาต้องการจะเข้าร่วมกับสภานักศึกษาเช่นกัน แต่มันก็ไม่สำเร็จ ท้ายที่สุดแล้วอัตราการรับเลือกให้เข้าสภานักศึกษาก็ไม่ได้สูงมากนัก
ซึ่งสวีช่างและคนอื่นๆที่อยู่ในนั้น ต่างก็เป็นเป้าหมายที่นักศึกษาหลายคนต้องการจะผูกมิตรไว้
"เอาล่ะต้าสง ไม่ต้องไปคิดมากแล้ว เราไปกินหม้อไฟกันดีกว่า" จ้าวคังฮ่าวเอาแขนโอบไหล่เฉิงต้าสงแล้วพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
ไม่นานทุกคนก็เจอกับโต๊ะที่จองไว้
"นั่นพวกหลี่ไห่นี่!"
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังนั่งลง จู่ๆหลี่หานอวี่ก็กล่าวขึ้นมา
หลังจากมองไปทางหลี่ไห่และคนอื่นๆ ทุกคนก็เห็นว่าพวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารห่างออกไปไม่กี่โต๊ะ
ในขณะนี้ฉินหยุนก็มองไปทางนั้นเช่นกัน สายตาของเขาจับจ้องไปที่จุดๆหนึ่ง และคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เขาเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง จางหยาน หญิงสาวคนที่เคยกล่าวหาว่าหลิวซินแอบถ่ายรูปของเธอ
เมื่อฉินหยุนและคนอื่นๆมองไปที่พวกเขา สวีช่างและคนอื่นๆก็กำลังพูดคุยกันอยู่ นอกจากเขาแล้ว บุคคลที่ดูสำคัญมากที่สุดบนโต๊ะก็คือผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
เธอมีรูปร่างที่ทั้งสูงและเพรียว แต่งกายด้วยการสวมแจ็กเก็ตขนเป็ดสีแดงและกางเกงยีนส์ขายาว ซึ่งมันขับเน้นให้รูปร่างของเธอโดดเด่นยิ่งขึ้น ใบหน้าของเธอก็สวยงามมากเช่นกัน
จางหยานยังนั่งอยู่ข้างๆผู้หญิงคนนี้ด้วย
"ประธานหลินยังไม่มาอีกเหรอ?" หญิงสาวมองไปที่หลี่ไห่พลางถามออกมา
หลี่ไห่รีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว "เลขาหวัง ผมเพิ่งโทรไปเมื่อกี้เลย น้องสาวของผมกับประธานหลินใกล้จะมาถึงแล้ว"
น้องสาวของเขาก็เป็นนักศึกษาปีที่ 3 เช่นกัน และเธอก็อยู่ปีเดียวกับรองประธานสภานักศึกษาหลินชิง ซึ่งทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หญิงสาวที่ทั้งสูงและเพรียวบางคนนี้มีชื่อว่าหวังฉิน เธอเป็นหัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรมของสภานักศึกษา
เป็นเพราะน้องสาวของเขาชวนหลินชิงมา สวีช่างและหวังฉินจึงตกลงที่จะมาทานอาหารที่นี่ด้วย
ข้างๆหวังฉิน จางหยานกำลังมองไปรอบๆด้วยความเบื่อหน่าย แต่ในขณะนี้เองเธอก็มองไปที่ๆฉินหยุนนั่งอยู่อย่างกะทันหัน เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาชัดๆ ท่าทางของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
"เสี่ยวหยาน เธอเป็นอะไรไป" เมื่อเห็นท่าทางของจางหยาน หวังฉินจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
"พี่สาว นั่นไงผู้ชายคนนั้น..." จางหยานพูดอย่างเร่งรีบ
"คนที่เธอบอกว่าเขาเคยรังแกเธองั้นเหรอ?" หวังฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
จางหยานพยักหน้าพลางแสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมา เธอกล่าวว่า "พี่สาว ผู้ชายคนนั้นถึงกับกล้าทุบตีจ้าวสิงต่อหน้าคนอื่นๆเลย พี่ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นเขาหยิ่งผยองมากแค่ไหน"
ก่อนหน้านี้ฉินหยุนกล้าทำให้เธอเสียหน้าต่อผู้คนมากมาย ไม่มีใครรู้ว่าเธอรู้สึกโกรธมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ถึงเธออยากจะแก้แค้นแต่ในมหาลัยก็มีคนอยู่มากมาย แม้ว่าเธออยากจะกลับไปที่เดิม แต่แน่นอนว่าเธอก็ไม่น่าจะพบใครเลย เธอกลับไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญมาเจอเขาที่นี่
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ จางหยานก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
ในขณะนี้นี้ลูกพี่ลูกน้องที่มีอำนาจมากที่สุดของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วย
ตอนนี้เธอต้องการให้ฉินหยุนได้รู้จักตัวตนของหัวหน้าฝ่ายศิลปวัฒนธรรม หวังฉินลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้ทันที จากนั้นอีกฝ่ายก็จะแสดงสีหน้าตื่นตระหนกและต้องวิ่งมาขอโทษเธอแทบจะในทันทีแน่นอน
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved