"จั่วหาน บอสหลิว อย่าให้มันมากเกินไป"
ฉินหยุนกล่าวออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ ขณะมองไปที่พวกเขาทั้งสองคน
"ฮ่าๆ ฉินหยุน ทุกคนก็มีวิธีที่ใช้ในการแข่งขันทางธุรกิจแตกต่างกันออกไป" จั่วหานยิ้ม
หลังจากที่เขากล่าวจบเขาก็จากไปทันที และเจ้าของที่หลิวเฉวียนสี่ก็เดินตามออกจากร้านไปด้วย ฉินหยุนใช้สายตาเย็นชามองดูพวกเขา เห็นได้ชัดว่าทั้งสองต้องออกไปพูดคุยอะไรบางอย่างกัน
และก็แน่นอน ภายในหนึ่งนาทีเจ้าของที่หลิวเฉวียนสี่ก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
"ฉินหยุน ผมยินดีคืนเงินค่าเช่าให้คุณ" หลิวเฉวียนสี่กล่าวออกมาทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ขมวดคิ้วและกล่าวว่า "บอสหลิว ถ้าผมเซ้งร้านให้กับผู้จัดการจิน ผมก็จะได้เงินทันที 550,000 หยวน คุณคิดว่าผมจะเลือกเอาเงินค่าเช่าที่คืนงั้นเหรอ?"
"และคุณลืมอะไรไปหรือเปล่า ก่อนหน้านี้เราได้ลงนามในสัญญาห้ามละเมิดข้อตกลงเกี่ยวกับการเช่าที่กันแล้ว ไม่ว่าผมจะปล่อยเซ้งที่ราคาเท่าไร หรือว่าผมจะให้ใครมาเซ้ง คุณก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาแทรกแซงเรื่องเหล่านี้"
ก่อนหน้านี้เทียนหยุนได้ยื่นฟ้องหลิวเฉวียนสี่ไปแล้ว และในตอนนี้ฉินหยุนก็กำลังเตรียมการบางอย่างอยู่จริงๆ ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการปล่อยเซ้งร้านค้าในครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข้อจำกัดพิเศษในตอนที่ลงนามในสัญญาห้ามละเมิดข้อตกลงไว้ด้วย ซึ่งถ้าหากใครต้องการจะขอเซ้งร้านและไม่ว่าข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายจะเป็นอย่างไร เจ้าของที่ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงได้ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของที่กลับคำพูดของเขาอีก
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน สีหน้าของหลิวเฉวียนสี่ก็ซีดไปนิดหน่อย
ในสัญญาที่ลงนามกันก่อนหน้านี้ มีข้อกำหนดนี้อยู่จริงๆ
"ฉินหยุน ถึงเราจะลงนามในสัญญาห้ามละเมิดข้อตกลงกันแล้ว และแม้ว่าคุณจะสามารถเซ้งร้านให้ผู้จัดการนาจินได้ แต่คุณก็อย่าลืมว่าร้านนี้เป็นของผม และผมก็เป็นเจ้าของที่ที่มีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าผมยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องสัญญา คุณก็อาจจะไม่ได้ปล่อยเซ้งร้านง่ายๆ"
หลิวเฉวียนสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "และถ้าผมถ่วงเวลาเอาไว้ ก็เป็นไปได้มากที่ผู้จัดการจินจะต้องยกเลิกการเซ็นสัญญากับคุณแน่นอน"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของฉินหยุนก็มืดลงทันที เขากล่าวว่า "คุณกำลังขู่ผมงั้นเหรอ?"
หลิวเฉวียนสี่ส่ายหัวพลางกล่าวว่า "ผมพูดความจริง"
ในเวลานี้สีหน้าของฉินหยุนมีดูขุ่นมัวมาก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับเขากลัวว่าสิ่งที่หลิวเฉวียนสี่กล่าวนั้นจะเกิดขึ้นจริงๆ
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวออกมาอีกครั้ง "งั้นถ้าคุณจะคืนค่าเช่า คุณจะคืนให้ผมเท่าไร?"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน หลิวเฉวียนสี่ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบกล่าวออกมาว่า "คืนเงินตามระยะเวลาสัญญาเช่าที่เหลือ"
หลังจากที่เขากล่าวจบ ฉินหยุนก็แสดงท่าทางเยาะเย้ยออกมา เขากล่าวว่า "บอสหลิว ที่คุณพูดออกมานี่คุณคิดดีแล้วใช่ไหม? คุณคิดจะฮุบผลประโยชน์เอาไว้คนเดียวเลยหรือไง? แม้ว่าการแทรกแซงของคุณอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้จัดการจินอยู่บ้าง แต่ผลกระทบนั้นมันก็น้อยมาก ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผมยังสามารถเซ็นสัญญากับเขาได้อยู่ และผมก็จะได้ค่าเซ้งร้านมากถึง 550,000 หยวน แต่ตอนนี้ระยะเวลาสัญญาเช่าของเราเหลืออีกแค่ 10 เดือน ดังนั้นคุณจะคืนเงินค่าเช่าให้ผมได้แค่ 300,000 หยวน ซึ่งผมก็ต้องขาดทุนมากกว่า 100,000 หยวนในคราวเดียว คุณคิดว่าผมคิดเลขไม่เป็นงั้นเหรอ?"
หลิวเฉวียนสี่ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า "แล้วคุณต้องการเท่าไร?"
เขารู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์การแทรกแซงของเขาต่อฉินหยุนนั้นไม่ได้มากเท่าไรนัก แต่เขาก็รู้ว่าฉินหยุนไม่ต้องการที่จะเสี่ยงเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็กำลังทำเพื่อเงิน
หลังจากคำกล่าวของเขาจบลง ฉินหยุนก็เหยียดนิ้วมือทั้งห้าออกมาแล้วกล่าวว่า "500,000 หยวน! ถ้าได้จำนวนนี้ ผมสามารถยกเลิกสัญญาเช่ากับคุณได้"
"ฉินหยุน คุณบ้าไปแล้วหรือไง! คุณเช่าร้านของผมแค่ 450,000 หยวนต่อปี แต่ตอนนี้คุณขอค่าเช่าคืน 500,000 หยวน?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวเฉวียนสี่ก็คิดว่า ดูเหมือนฉินหยุนจะจำตัวเลขในสัญญาก่อนหน้านี้ผิด เขาจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
"ผมให้คืนได้มากสุดแค่ระยะเวลาสัญญาเช่าสิบเอ็ดเดือน"
ฉินหยุนต้องการให้เขาคืนค่าเช่าเต็มจำนวน แถมยังเพิ่มไปอีกด้วย
"ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กันอีก" ฉินหยุนส่ายหัว ขี้เกียจเกินกว่าที่จะกล่าวเรื่องไร้สาระกับเขา เขาหันหลังกลับและเตรียมตัวจะจากไป
เมื่อเห็นว่าฉินหยุนไม่ต้องการต่อรองกับเขาเลย สีหน้าของหลิวเฉวียนสี่ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
อันที่จริง แม้ว่าเขาจะเสียไป 500,000 หยวน เขาก็ยังได้กำไรมากถึง 50,000 หยวน
แต่ถ้าฉินหยุนเซ็นสัญญากับผู้จัดการจินโดยตรง เขาจะไม่ได้รับเงินสักหยวนเลย และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะอธิบายให้จั่วหานเข้าใจ
เมื่อเห็นว่าฉินหยุนเดินออกจากประตูไปแล้ว เห็นได้ชัดในที่สุดหลิวเฉวียนสี่ก็ตัดสินใจได้ เขากัดฟันจนแน่นและก็กล่าวว่า "เอาล่ะ ห้าแสนก็ห้าแสน!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ที่มุมปากของฉินหยุนก็มีรอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นมา
...
"ขอค่าเช่า 1 ปีคืน?"
ในร้านเสื้อผ้าหานลู่ สีหน้าของจั่วหานดูไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาได้ยินคำกล่าวของหลิวเฉวียนสี่
เมื่อสักครู่นี้เขาโทรกลับไปหาบางคน และสอบถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลของไป๋อวี่กรุ๊ป บริษัทนี้มีอยู่จริง ซึ่งก็มีคนที่ชื่อจินหยานอยู่ด้วย
"ฉินหยุนนี่ช่างโชคดีจริงๆ"
ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาเก่าทั้ง 9 ร้านที่เคยปิดตัวลงอย่างกะทันหัน จู่ๆก็มีไป๋อวี่ปรากฏขึ้นมาขอเซ้งร้านค้าเหล่านั้น ซึ่งพวกเขากำลังวางแผนที่จะมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเตรียมที่จะใช้เป็นรากฐานในการขยายชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว
ชื่อเสียงดังกล่าวนี้ ถ้าต้องการสร้างขึ้นมาเอง ก็จำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมาก
ไป๋อวี่กรุ๊ปไม่มีพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมเสื้อผ้าในเมืองจินหลิงเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะไปถึงระดับที่เป็นที่รู้จักของทุกคน สามารถลองจินตนาการถึงร้านเสื้อผ้าจวินชิงที่เปิดโดยเฝิงเทียนจวินได้
ร้านเสื้อผ้าจวินชิงจัดกิจกรรมโปรโมทและมีการจับสลากแจกรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ มีแม้กระทั่งรถยนต์ถึงสองคัน ซึ่งสามารถจับสลากได้ทั้งช่วงกลางเดือนและช่วงปลายเดือน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างชื่อเสียงของจวินชิงและความนิยมต่อทุกคนขึ้นมา
ยกตัวอย่างเช่น หานลู่ของพวกเขาเป็นบริษัทในเครือเสื้อผ้า หากพวกเขาก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และมีแผนจะเปิดร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแห่งในเมืองจินหลิง คาดว่าคงไม่มีใครรู้จักร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าหานลู่ที่จู่ๆก็เปิดขึ้นแน่นอน และก็คาดว่าลูกค้าทั่วๆไปก็อาจจะไม่ซื้อสินค้าในร้านเหล่านั้น
ในระยะแรกต้องเริ่มจากศูนย์ หากคุณต้องการเร่งความเร็วของการพัฒนาคุณก็ต้องใช้เงินอย่างบ้าคลั่งเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาที่ร้านให้ได้
ซึ่งลูกค้าทุกคนก็จะค่อยๆจดจำมัน จากนั้นคุณก็จะสามารถเริ่มเส้นทางการพัฒนาต่อไปได้
และตอนนี้ไป๋อวี่กรุ๊ปเพิ่งเข้ามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก พวกเขาจึงต้องเริ่มต้นจากศูนย์เช่นเดียวกับร้านเสื้อผ้าจวินชิง
แต่ด้วยความช่วยเหลือของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนสาขาเก่าทั้ง 9 ร้านที่ปิดไปแล้ว ซึ่งมันยังเป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมากมาย และด้วยการดำเนินการแค่เพียงนิดหน่อย ร้านเสื้อผ้าไป๋อวี่สามารถปรากฏต่อหน้าทุกคนได้ด้วยการก้าวแค่เพียงครั้งเดียว!
นี่เป็นวิธีการทำการตลาดที่ชาญฉลาดอย่างไม่ต้องสงสัย ช่วยประหยัดเวลาและเงินทุนที่ไม่รู้ว่าจะต้องเสียไปอีกมากมายเท่าไร
แม้ว่าเจ้าของที่หลิวเฉวียนสี่จะยื่นมือเข้าไปแทรกแซง แต่ก็คาดว่าการเซ็นสัญญาระหว่างฉินหยุนและจินหยานจะยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี ซึ่งเขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้
และเนื่องจากเขาไม่สามารถหยุดมันได้ เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้ฉินหยุนได้รับประโยชน์สูงสุด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง จั่วหานก็มองไปที่ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "โทรหาเจ้าของที่ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนอีกแปดร้านที่เหลือ และบอกให้พวกเขาเข้าไปแทรกแซงการเซ็นสัญญาของฉินหยุนและจินหยาน โดยบอกให้พวกเขาคืนเงินค่าเช่าเหล่านั้นไป"
เขาเน้นย้ำเป็นพิเศษด้วยว่า ค่าเช่าของร้านค้าอีกแปดแห่งที่ฉินหยุนและจินหยานเจรจากันนั้น จะสูงกว่าค่าเช่าเดิมที่ฉินหยุนเคยเซ็นสัญญากับพวกเขามาก
"ได้ครับ" ชายวัยกลางคนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
...
ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป ในเวลานี้เจ้าของที่ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนทั้ง 9 แห่งก็มากันครบทั้งหมด ซึ่งก็รวมถึงหลินต้าเฉียงที่กลับคำพูดไปมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วย
"บอสฉิน เรายินดีคืนเงินค่าเช่าให้คุณ"
"อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับเรา แม้ว่าเราจะเคยทำอะไรที่ไร้น้ำใจนิดหน่อย แต่ตอนนี้คุณก็ไม่ได้เสียหายอะไรแล้ว"
เจ้าของที่หลายคนมองไปที่ฉินหยุน จากนั้นก็พากันกล่าวออกมาทีละคน
"เป็นเรื่องยาก?"
ฉินหยุนดูเหมือนจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พวกเจ้าของที่กล่าว
"ผมขี้เกียจจะเสวนากับพวกคุณแล้ว ในเมื่อพวกคุณต้องการจะคืนเงินค่าเช่าให้ งั้นก็รีบหน่อย ผมไม่อยากจะเห็นหน้าพวกคุณอีก"
"ฉินหยุน คุณโทรหาและบอกผู้จัดการจินได้เลย" เมื่อเห็นว่าเขายอมตกลง หลิวเฉวียนสี่ หลินต้าเฉียงและคนอื่นๆก็กล่าวขึ้นอีกครั้ง
ฉินหยุนพยักหน้า เขากดโทรออกและเปิดลำโพงของโทรศัพท์
"ผู้จัดการจิน เจ้าของที่กับผมเราได้ตกลงกันเรื่องของร้านค้าแล้ว ถ้าคุณมาถึงคุณสามารถเซ็นสัญญากับพวกเขาได้เลย เรื่องค่าเช่าก็เท่ากับตอนที่เราเจรจากันก่อนหน้านี้" ฉินหยุนกล่าวกับปลายสายทันที
"ตกลง"
เสียงของผู้จัดการจินดังขึ้นจากโทรศัพท์ "เรื่องสัญญาจะเซ็นกับใครก็ไม่ต่างกัน ผมแค่ต้องการเช่าร้านเท่านั้น คุณแค่เอาเบอร์โทรศัพท์ของผมให้พวกเขาไว้ เดี๋ยวผมเข้าไป"
เมื่อได้ยินที่จินหยานกล่าว สีหน้าของหลิวเฉวียนสี่และคนอื่นๆต่างก็เต็มไปด้วยความสุข
(จบตอน)
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved