ตอนที่ 210 กลับจินหลิง

ตอนนี้ถังเซี่ยวเซี่ยวรู้สึกเสียใจมาก จริงๆแล้วผลการเรียนของเธอก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าโจวซินหยาหรือแม้แต่แซงหน้าด้วยซ้ำ

ถ้าเธอเข้าไปในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนด้วย แม้ว่าเธอจะเทียบโจวซินหยาไม่ได้ แต่ก็ต้องไม่แย่ไปกว่าตอนนี้แน่นอน

เมื่อตอนที่เธอเห็นฉินหยุนเป็นครั้งแรกเธอรู้สึกดูถูกเขาเล็กน้อย ในเวลานั้นทิฐิของเธอสูงส่งยิ่งกว่าท้องฟ้าเสียอีก เหตุผลก็เพราะว่าเธอคิดว่าตัวเองที่มีเกรดดีที่สุดในวิทยาลัย จะสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองได้อย่างรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เห็นเทียนหยุนที่เพิ่งสร้างขึ้นมาอยู่ในสายตาเลย เธอมองพวกเขาเป็นแค่โรงงานเล็กแห่งหนึ่ง

แต่หลังจากทำงานอยู่หลายเดือน เธอก็ได้เห็นข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์

"ถังเซี่ยวเซี่ยว?"

เมื่อมองไปที่ถังเซี่ยวเซี่ยว ฉินหยุนก็จำเธอได้เช่นกันแต่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา ตอนนี้เรื่องของถังเซี่ยวเซี่ยวไม่สามารถกระตุ้นอารมณ์แปรปรวนในตัวของเขาได้อีกแล้ว

หลังจากพูดคุยกับโจวซินหยาอยู่ครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็จากไปทันที

"เซี่ยวเซี่ยว เป็นอะไรเหรอลูก?"

ในขณะนี้เอง ชายหญิงวัยกลางคนอีกคู่หนึ่งก็เดินออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเขามองไปที่ถังเซี่ยวเซี่ยวที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ อดไม่ได้ที่จะถามออกมา

พวกเขาก็คือพ่อกับแม่ของถังเซี่ยวเซี่ยว

โจวซินหยาและถังเซี่ยวเซี่ยวเรียนอยู่ที่เดียวกันตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก สุดท้ายพวกเธอก็ได้เข้าวิทยาลัยเดียวกัน ปกติพวกเธอมักจะไปที่บ้านของกันและกันอยู่เสมอ ดังนั้นทั้งสองครอบครัวจึงคุ้นเคยกันดี ซึ่งครั้งนี้พวกเขาก็ได้นัดมาซื้อของด้วยกัน

เมื่อเธอได้ยินว่าบอสของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนเพิ่งจากไป แม่ของถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "โอ้ เซี่ยวเซี่ยว เมื่อกี้ลูกน่าจะพูดอะไรกับเขาสักสองสามคำหน่อยนะ แล้วค่อยไปขอสมัครงานที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุน"

ไม่มีใครรู้ว่าเงินเดือนของโจวซินหยาน่าอิจฉามากแค่ไหน แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่จบการศึกษา แต่แค่การฝึกงานเธอก็ได้รับเงินเดือนมากกว่า 10,000 หยวนแล้ว

คงจะดีไม่น้อยถ้าหากลูกสาวของเธอสามารถทำได้เช่นเดียวกัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ถังเซี่ยวเซี่ยวก็รู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย เธอพูดว่า "แม่คะ หนูเคยพูดไปแล้วนะ ถ้าในอนาคตโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนขยายตัวอีกครั้งหนูถึงจะเข้าไปสมัครงานน่ะ"

ในเวลานี้เธอก็มีความคิดที่จะเข้าไปทำงานอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนอยู่เช่นกัน แต่เธอไม่ต้องการเข้าไปในตอนที่มันอิ่มตัวแล้ว

เมื่อโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนนรับสมัครพนักงานเพื่อขยายฐานการผลิตอีกครั้ง เมื่อนั้นเธอถึงจะเข้าไปสมัครงานกับพวกเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นมันอาจจะช่วยลดความรู้สึกอายของเธอลงได้บ้าง

เมื่อมองไปที่ถังเซี่ยวเซี่ยว โจวซินหยาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับเธอดี เธอต้องการให้ถังเซี่ยวเซี่ยวมาทำงานที่เทียนหยุนอยู่เสมอ ซึ่งเธอก็คอยชักชวนอีกฝ่ายอยู่ตลอด แต่ถังเซี่ยวเซี่ยวก็รอโอกาสในการขยายฐานการผลิตครั้งต่อไปอย่างดื้อรั้น

อย่างไรก็ตาม เธอสามารถคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าถ้าหากฉินหยุนขยายกิจการในเมืองอู๋ซื่ออีกครั้ง ถึงตอนนั้นเธอก็คงไปได้ไกลมากกว่าตอนนี้แล้ว

...

"พ่อ แม่ พี่ใหญ่...ผมกับพี่รองจะไปแล้วนะ"

หลังจากกลับมาที่บ้านเนื่องในโอกาสเทศกาลวันตรุษจีน ในที่สุดฉินหยุนก็พร้อมที่จะเดินทางกลับไปที่จินหลิงอีกครั้ง

ในเวลานี้เขายังอยู่ในหมู่บ้านฉินเจีย และไม่เพียงแต่จะมีฉินกั๋วตง จ้าวเหมย ฉินซวนเท่านั้นที่มารอส่ง แต่ยังรวมถึงครอบครัวของลุงใหญ่และครอบครัวของลุงสามด้วยที่มาที่นี่ด้วยกัน

นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวตัวเล็กในแจ็คเก็ตขนเป็ดสีชมพูอีกคนหนึ่ง

หญิงสาวคนนี้ชื่อฉินเสี่ยวหรู และเธอก็เป็นคนตระกูลฉินด้วยเช่นกัน แต่พ่อแม่ของเธอกับฉินกั๋วตงและคนอื่นๆเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีกที ดังนั้นเธอจึงถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของฉินหยุนด้วย ซึ่งความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเธอกับเขาก็ค่อนข้างห่างไกลกัน

อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านฉินเจียต่างก็ใช้แซ่ฉิน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน

ฉินเสี่ยวหรูกำลังเรียนอยู่ที่จินหลิง และตอนนี้เธอก็เพิ่งเป็นนักศึกษาปีแรกเช่นเดียวกับเขา มหาลัยที่เธอเรียนอยู่ไม่ค่อยดีนักแต่มันก็เป็นระดับต้นๆในเมืองจินหลิง

และตอนนี้เธอก็กำลังจะเดินทางกลับไปที่จินหลิงก่อน เพราะเธอได้นัดกับเพื่อนของเธอว่าจะไปเที่ยวด้วยกันในจินหลิงสักสองสามวันก่อนที่กลับไปเรียน

ก่อนหน้านี้ที่พ่อกับแม่ของเธอได้มาพูดคุยกับฉินกั๋วตง จ้าวเหมย ฉินหยุนและคนอื่นๆ เมื่อพวกเขารู้ว่าฉินหยุนก็วางแผนที่จะออกเดินทางก่อนเวลาเช่นกัน พวกเขาจึงถามว่าจะพาลูกสาวของพวกเขาติดรถไปด้วยสักระยะหนึ่งได้ไหม ซึ่งฉินหยุนก็ตอบตกลงไป

ตอนนี้เป็นวันที่ 8 ของช่วงเทศกาลวันตรุษจีน อันที่จริงฉินหยุนคาดว่าเขาจะกลับไปที่จินหลิงตั้งแต่วันที่ 6 แล้ว แต่เนื่องจากปีนี้มีเหล่าญาติๆจำนวนมากมาเยี่ยมเยียน เขาจึงอยู่ต่ออีกสองวัน

ที่เมืองจินหลิงยังมีหลายสิ่งที่รอให้เขากลับไปจัดการ

กลับไปคราวนี้ พี่รองฉินลู่ก็กลับไปพร้อมกับเขาเช่นกัน

สำหรับเรื่องนี้ฉินกั๋วตงและจ้าวเหมยก็ทำอะไรไม่ได้ อันที่จริงพวกเขาต้องการให้ลูกชายและลูกสาวอยู่ที่บ้านต่ออีกสัก 2-3 วัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

"เสี่ยวหยุน แม่รู้ว่าลูกเก่ง แต่ไม่ต้องฝืนทำงานหนักมากเกินไปนะลูก สุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด" จ้าวเหมยอดไม่ได้ที่จะกล่าว

ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ลูกชายของเธอก็ยังคงทำงานหนักอยู่ เธอรู้สึกเศร้าใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ฉินหยุนยิ้มพลางพูดว่า "ผมรู้แล้วครับแม่"

หลังจากพูดกับฉินหยุนแล้ว จ้าวเหมยก็หันไปกำชับฉินลู่อีกครั้ง

ในอีกด้านหนึ่ง พ่อกับแม่ของฉินเสี่ยวหรูก็กำลังบอกกับเธอว่าอย่าออกไปเที่ยวบ่อยนัก

"เสี่ยวหยุน ขอโทษที่ต้องรบกวนนะ" จากนั้นพ่อกับแม่ของฉินเสี่ยวหรูก็หันมาเอ่ยกับฉินหยุน

"เรื่องเล็กน้อยครับ" ฉินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม

ในที่สุดทั้งสองพี่น้องก็พาฉินเสี่ยวหรูไปที่รถ จากนั้นก็ขับรถหายออกไปท่ามกลางสายตาของทุกคน

ทุกคนยืนอยู่หน้าบ้าน แม้ว่ารถจะแล่นหายไปจากสายตาแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่กลับเข้าบ้านกัน

"พี่รอง เสี่ยวหยุนเป็นคนมีความสามารถมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมันต้องไปได้ดีมากแน่นอน เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเขาหรอก"

เมื่อเห็นท่าทางเศร้าเสียใจของจ้าวเหมย น้าสะใภ้เฝิงหลานก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

เธอไม่สามารถปกปิดความอิจฉาในสายตาของเธอได้เลย ฉินหยุนเป็นคนที่มีแววมาก และทั้งครอบครัวของเขาต่างก็ได้รับประโยชน์จากออร่าของฉินหยุน ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าลูกชายของเธอมีความสามารถสักหนึ่งในสิบของฉินหยุน แม้ตอนหลับเธอก็คงจะตื่นขึ้นมาหัวเราะได้

หลังจากพูดจบ เฝิงหลานก็มองไปที่ฉินเฝิงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า "เสี่ยวอวี่ แล้วแกล่ะจะกลับไปตอนไหน?"

‘บัดซบเอ้ย พอลูกพี่ลูกน้องของฉันจากไป แม่ก็เบนเป้ามาที่ฉันทันทีเลย’

แม้ฉินเฝิงอวี่จะบ่นพึมพำในใจ แต่ภายนอกเขาก็รีบพูดขึ้นว่า "แม่ ผมซื้อตั๋วไปหางโจวแล้ว อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ผมถึงจะกลับ"

"ผมมีเรื่องต้องทำพอดี เพราะงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"

หลังจากพูดจบเขารีบจากไปทันที

เมื่อเห็นท่าทีเหลาะแหละของฉินเฝิงอวี่ เฝิงหลานก็กำลังคิดว่าถ้ากลับไปถึงบ้านเมื่อไรคงต้องเทศนาให้เขาฟังสักหน่อย

ในเวลานี้ขณะที่ฉินหยุนกำลังขับรถออกไป คนอื่นๆในหมู่บ้านฉินเจียต่างก็มองไปที่รถ

"ฉินหยุนลูกของกั๋วตง เขากลับเร็วจริงๆ"

"ฉันได้ยินมาว่าฉินหยุนมีธุรกิจมากมายในจินหลิง ดังนั้นเขาต้องรีบกลับไปจัดการกิจการต่างๆของเขาแน่นอน"

"เขายังเป็นนักศึกษาปีแรกอยู่เลย ฉินหยุนถือว่าเรียนเก่งที่สุดในหมู่บ้านของเราแล้ว เสี่ยวหมิง ดูตัวอย่างจากพี่ฉินหยุนของลูกไว้นะ ลูกต้องตั้งใจเรียนและพยายามเข้ามหาลัยดีๆให้ได้นะรู้ไหม"

ทุกคนต่างก็กำลังพูดคุยกันด้วยความอิจฉาพลางถอนหายใจออกมา

...

บนถนนทางหลวงเส้นหนึ่ง รถ BMW กำลังเข้าใกล้เมืองจินหลิงอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ฉินเสี่ยวหรูซึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหลังเธอกำลังแอบมองฉินหยุนเป็นครั้งคราว

เธอเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง อายุก็เท่ากับฉินหยุน ซึ่งเธอก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดาๆทั่วไป แต่ลูกพี่ลูกน้องที่สายเลือดค่อนข้างห่างกันของเธอ กลับโดดเด่นมาก

เขาไม่เพียงแต่สอบเข้ามหาลัยชั้นนำอย่างมหาลัยระดับ 211 ในเมืองจินหลิงได้เท่านั้น แต่เขายังเริ่มทำธุรกิจของตัวเองอีกด้วย ตอนนี้แม่ของเธอก็ทำงานอยู่ในโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่เปิดโดยฉินหยุน

เธอชื่นชมและเคารพลูกพี่ลูกน้องคนนี้มาก

"เสี่ยวหรู เธอจะกลับไปที่มหาลัยเลยไหม หรือจะไปที่ไหนก่อน?"

ขณะที่กำลังขับรถ ฉินหยุนดูเหมือนจะสังเกตเห็นการจ้องมองของฉินเสี่ยวหรูเขาจึงเอ่ยถามออกมา

โดยทั่วไปในมหาลัยส่วนมาก ถ้าคุณไม่กลับบ้านในช่วงวันหยุด คุณก็สามารถขอพักอยู่ในหอพักต่อได้ และผู้ที่ขอพักต่อก็จะถูกนำไปกระจุกตัวอยู่ในอาคารหอพักเดียวกัน ซึ่งมันจะจัดการได้ง่ายกว่า

แม้ว่าฉินเสี่ยวหรูจะกลับไปในตอนนี้ อาคารหอพักก็อาจจะถูกล็อคไว้อยู่

เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน ฉินเสี่ยวหรูจึงตอบอย่างรวดเร็วว่า "พี่ฉินหยุน ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นที่มีบ้านอยู่ที่จินหลิง ฉันจะไปค้างที่บ้านของเธอก่อน แล้วอีกสองสามวันค่อยกลับไปที่มหาลัย"

(จบตอน)