ตอนที่ 143 ผู้ชนะคนสุดท้าย

หลินต้าเฉียงรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน

ถ้าเอาเรื่องแบบนี้ไปโพสต์ลงในเน็ตเขาคงโดนคนอื่นด่าจนตายแน่ๆ เมื่อก่อนเขาก็เคยเข้าไปด่าอยู่เหมือนกัน

แต่ตอนนี้เมื่อถึงคราวของเขาเอง วิธีการของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

อีกฝ่ายให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เขาเพียงเพื่อให้เขาหาทางเอาร้านค้าคืน แม้ว่าเขาจะผิดสัญญาต่อผู้เช่า เขาก็แค่ต้องจ่ายค่าชดเชยเพิ่มเติมให้กับฉินหยุนนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งโดยรวมแล้วเขาก็ยังสามารถทำเงินได้มากมาย

เมื่อเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ สิ่งที่เรียกว่าสามัญสำนึกเหล่านี้ไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเลย

เมื่อมองไปที่ฉินหยุน หลินต้าเฉียงคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า "บอสฉิน ผมมีบางอย่างที่ต้องจัดการกับที่นี่จริงๆ และผมไม่สามารถให้คุณเช่าร้านนี้ต่อไปได้อีกแล้ว และคุณไม่ต้องห่วง ก่อนหน้านี้เราได้เซ็นสัญญาห้ามละเมิดข้อตกลงกัน ผมจะจ่ายเงินค่าผิดสัญญาให้คุณแน่นอน"

ค่าเช่าของร้านนี้ตกปีละไม่ถึงแสน ดังนั้นค่าผิดสัญญาที่เขาต้องจ่ายจึงไม่ได้มากมายอะไร

"บอสหลิน คุณมีบางอย่างที่ต้องจัดการ แต่มันไม่ได้เกี่ยวกับผมนี่นา แถมเราได้ลงนามในสัญญากันแล้วซึ่งมันก็มีผลตามข้อบังคับของกฎหมาย ผมมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการธุรกิจต่อไปในช่วงระยะเวลาของสัญญา" ฉินหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ดังนั้นผมจะไม่มอบมันให้แน่นอน"

"บอสฉิน งั้นเราก็คงตกลงกันไม่ได้สินะ"

หลินต้าเฉียงยักไหล่พลางกล่าวออกมา

ข้างๆพวกเขา ผู้จัดการร้านจ้าวเยว่ก็กำลังสังเกตสถานการณ์อยู่เช่นกัน แม้ว่าเธอจะอยู่แค่ในร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆแห่งนี้ แต่เธอก็รู้ว่าแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่กำลังปราบปรามเทียนหยุนของพวกเธออย่างเต็มกำลัง

เมื่อเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่เช่นนี้ เทียนหยุนอาจถูกทำลายลงได้ทุกเมื่อเลย

หากไม่ใช่เพราะสิ่งที่ฉินหยุนได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าพวกเธอจะถูกให้ออกจากงาน แต่พวกเธอก็ยังจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินชดเชยเพิ่มอีกสองเดือน ไม่เช่นนั้นพนักงานบางคนคงออกไปนานแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วในสายตาของพวกเธอ เทียนหยุนจะต้องปิดกิจการลงอย่างแน่นอน

และตอนนี้เจ้าของที่ยังต้องการจะยึดร้านคืนอีก ซึ่งแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ก็จะต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีกเช่นกัน

"โอเค เอาตามที่ผมพูดนี่แหละ ตอนนี้สัญญายังไม่หมดอายุ ผมคงตกลงกับคุณไม่ได้"

หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก ทัศนคติของฉินหยุนก็ยังมั่งคงเหมือนเดิม

เขามีแผนของตัวเองอยู่ในใจ แต่ในขณะนี้เขาไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้

"บอสฉิน ทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ นี่คือร้านของผม เพราะงั้นผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ"

เมื่อเห็นว่าฉินหยุนยังคงคัดค้าน ท่าทางของหลินต้าเฉียงก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่

ทั้งสองโต้เถียงกันอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดการเจรจาก็ยุติลง

เจ้าของที่เดินออกไปด้วยใบหน้าที่ ‘มืดมน’ ในขณะที่ใบหน้าของฉินหยุนและจ้าวเทียนเฉียงนั้นไม่น่ามองกันทั้งคู่

"เป็นพวกเขาจริงๆ เริ่มเคลื่อนไหวกันอีกครั้งแล้ว!" ฉินหยุนคิดกับตัวเอง

ตามที่คาดไว้ แบรนด์เสื้อผ้าหานลู่มีมากกว่าหนึ่งวิธีจริงๆ และตอนนี้พวกเขากำลังใช้วิธีที่สอง

ความกังวลก่อนหน้านี้ของเขาก็สมเหตุสมผลมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านค้าที่ไม่ได้ถูกซื้อด้วยเงินสดเต็มจำนวนมันมีช่องโหว่มากเกินไป

"ยังไงก็ตาม อีกไม่นานข้อบกพร่องนี้เหล่านี้ก็จะไม่มีอยู่อีกแล้ว!"

ฉินหยุนมองไปที่จ้าวเทียนเฉียง เขากล่าวว่า "ผู้จัดการจ้าว เริ่มค้นหาร้านค้าเหล่านั้นให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ส่งข้อความมาหาผม"

"เข้าใจแล้วครับบอสฉิน" จ้าวเทียนเฉียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ตื้ดๆ...

หลังจากกล่าวจบ โทรศัพท์มือถือของฉินหยุนก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เขามองไปที่เบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา สีหน้าของเขามืดมนลงเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นเจ้าของที่อีกคนที่โทรเข้ามา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ จึงต้องไม่ใช่แค่ร้านขายเสื้อผ้าร้านเดียวแน่นอนที่โดน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ภายนอกฉินหยุนจะดูโกรธมาก แต่อันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก

เขาสามารถใช้ประโยชน์จากการโจมตีของแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ในครั้งนี้ เพื่อทำให้รากฐานของเทียนหยุนแข็งแกร่งขึ้นได้!

หลังจากออกจากร้านขายเสื้อผ้า ฉินหยุนก็กลับไปที่มหาลัย

เมื่อเขามาถึงหอพัก หลายคนในห้องพักต่างก็กำลังตะโกนอย่างวุ่นวายกันอยู่

"เชี่ย! 26 ล้าน นั่นมันเงินมากขนาดไหนกัน?" โจวผานอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

เขาเลื่อนดูวิดีโอเกี่ยวกับการถูกรางวัลลอตเตอรี่ไปเรื่อยๆ ดวงตาเล็กๆของเขาส่องเป็นประกายออกมา ซึ่งก็ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นผู้คลั่งไคล้เงินแล้ว

หลังจากคำกล่าวของเขาจบลง จ้าวคังฮ่าวก็กล่าวขึ้นว่า "พูดให้ถูกมันควรจะเป็น 21 ล้านหยวน เพราะมันจะถูกหักภาษีอีก 20%ด้วย"

หลี่หานอวี่กล่าวอย่างอิจฉา "21 ล้านก็ยังเยอะมาอยู่ดี ถ้าฉันเป็นคนที่ถูกรางวัล ฉันจะพาเสี่ยวเยว่เอาเงินไปซื้อบ้านกับรถยนต์ในเมืองจินหลิงทันที และก็ฝากเงินที่เหลือไว้ในธนาคารจากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายตลอดไป"

ข้อมูลเกี่ยวกับการถูกรางวัลลอตเตอรี่กลายเป็นการค้นหาที่ร้อนแรงที่สุดในโต่วอิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองจินหลิง มีการถกเถียงเรื่องนี้กันมากเป็นพิเศษ ท้ายที่สุดแล้วรางวัลใหญ่นี้ก็ถูกมอบให้โดยฝ่ายสวัสดิการของเมืองจินหลิงเอง

"พวกนายกำลังคุยเรื่องอะไรกัน" ฉินหยุนเดินเข้ามา เขามองไปที่ผู้คนในห้องพักพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็วางของที่เพิ่งซื้อมาตอนเดินผ่านไว้บนโต๊ะ

โต๊ะของเขาสะอาดมาก เช่นเดียวกับเตียงนอน ไม่มีฝุ่นหรือสิ่งของอะไรอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าจ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆมักจะช่วยเขาดูแลอยู่เสมอ

ดังนั้นทุกครั้งที่ฉินหยุนกลับมาที่หอพัก เขามักจะนำของบางอย่างติดตัวมาด้วย

เขาไม่ให้เพื่อนๆทำโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน

"ฉินหยุน เรากำลังพูดถึงเรื่องลอตเตอรี่น่ะ" จ้าวคังฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินหยุนได้รับรางวัลรถยนต์ ตอนนั้นพวกเขาอิจฉากันอย่างมาก แต่ตอนนี้มีคนที่ได้รับรางวัลใหญ่เป็นเงินสดมากถึง 26 ล้านหยวนแล้ว เมื่อมองกลับมาที่ด้านของฉินหยุน พวกเขาก็หายอิจฉากันทันที

ท้ายที่สุดมันก็มีช่องว่างหลายร้อยเท่าระหว่าง 150,000 หยวนกับ 26 ล้านหยวน

ฉินหยุนยิ้มและไม่ได้กล่าวอะไรมาก

ทั้งคนที่จับรางวัลได้รถยนต์และคนที่ถูกรางวัลลอตเตอรี่ต่างก็เป็นเขา เขาไม่รู้ว่าถ้าจ้าวคังฮ่าวและคนอื่นๆรู้เรื่องนี้ สีหน้าของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

ในระหว่างคาบเรียน เห็นได้ชัดว่าฉินหยุนรู้สึกเสียสมาธิเล็กน้อยเพราะเขากำลังคิดเรื่องเกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้าอยู่ในใจ และก็ดูเหมือนหยูเล่อเหยาจะสัมผัสได้ เธอจึงมองไปที่ฉินหยุนเป็นครั้งคราว

ในสายตาของเธอ สีหน้าของฉินหยุนนั้นจริงจังมาก ราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยูเล่อเหยาก็เขียนข้อความใส่กระดาษโน้ตใบเล็กๆและยื่นมันไปให้เขาอย่างเงียบๆ

[ฉินหยุน นายอารมณ์ไม่ดีงั้นเหรอ?]

เมื่อเห็นกระดาษโน้ตใบเล็กๆที่ถูกยื่นมา ฉินหยุนก็หยิบมันมาเพื่ออ่านข้อความข้างใน

[นิดหน่อยน่ะ]

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เขียนข้อความใส่โน้ตและยื่นกลับไปให้หยูเล่อเหยา

แม้ว่าในใจของเขาจะมีความมั่นใจ แต่ฉินหยุนก็ไม่ใช่คนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ และประสบการณ์ของเขาก็ยังขาดอยู่มาก เมื่อเผชิญกับแรงกดดันจากแบรนด์เสื้อผ้าหานลู่ เขาจึงค่อนข้างจะอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย

เมื่อเห็นข้อความจากฉินหยุน หยูเล่อเหยาก็เขียนข้อความใส่โน้ตและส่งกลับมาอีกครั้ง โดยเธอเขียนว่า [ถ้านายรู้สึกอารมณ์ไม่ดี งั้นเราก็ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันเพิ่งทำอาหารสูตรใหม่ขึ้นมาสองสามจานพอดี นายลองมาเป็นผู้ทดสอบอาหารจานใหม่ให้ฉันหน่อยสิ]

เมื่อนึกถึงเครื่องเคียงของหยูเล่อเหยาที่เขาไปชิมมาในครั้งที่แล้ว ฉินหยุนก็พยักหน้าพลางส่งโน้ตตอบไปว่า [โอเค]

เขายังคงชอบอาหารมาก

หลังจากหมดชั่วโมงเรียน ทั้งสองคนก็มาถึงร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่ง

"เฮ้ หัวหน้าชั้น นี่ไม่ใช่ร้านหม่าล่าทั่งของเธอนี่นา?" ฉินหยุนถามขึ้นอย่างสงสัย

หยูเล่อเหยายิ้มและกล่าวว่า "คนรู้จักของฉันเป็นคนเปิดร้านนี้ขึ้นเอง บางครั้งฉันก็มาที่นี่เพื่อฝึกฝนทักษะการทำอาหารของฉันน่ะ"

"เล่อเหยา" ในขณะนี้เอง หญิงสาวที่ดูอ่อนโยนคนหนึ่งก็เดินเข้ามา เธอมองไปที่หยูเล่อเหยาก่อน จากนั้นดวงตาของเธอก็หันไปมองที่ฉินหยุนอีกครั้ง

"พี่สาวหลี่ นี่คือเพื่อนในชั้นเรียนของฉัน" หยูเล่อเหยาแนะนำอย่างเป็นกันเอง

เธอคนนี้อยู่ในวัยประมาณสามสิบปี ชื่อของเธอคือหลี่ถิง

ดูเหมือนว่าหยูเล่อเหยาจะคุ้นเคยกับเธอเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอก็ไม่ได้ถามเรื่องเกี่ยวกับฉินหยุนมากนัก แค่เพียงทำความรู้จักกับเขาเล็กน้อย

หลังจากมาถึงที่นี่ หยูเล่อเหยาก็เข้าไปที่ห้องครัวภายในร้านทันที และไม่นานก็มีปลาตุ๋นออกมาวางตรงหน้าเขา

"ฉินหยุน ลองชิมดูสิว่ารสชาติของปลาตุ๋นที่ฉันคิดค้นออกมาใหม่เป็นยังไง" หยูเล่อเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ฉินหยุนใช้ตะเกียบคีบปลาชิ้นหนึ่งขึ้นมาและค่อยๆชิมอย่างระมัดระวัง

"อร่อยมาก!" เขาพยักหน้าและอดไม่ได้ที่จะกล่าวชื่นชมออกมา

(จบตอน)