ตอนที่ 116 1 พฤษจิกายน!

"ฉันถูกตัดสายใส่งั้นเหรอ!?"

เหวินหยุนผงะเมื่อได้ยินเสียง ‘บี๊บ’ มาจากโทรศัพท์ เด็กเหลือขออายุ 18 ปีกล้าวางสายเธอก่อนได้อย่างไร!

อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงคำที่ฉินหยุนกล่าวออกมา เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ถึงแม้ฉินหยุนจะเป็นคนที่มีศักยภาพมากก็จริง ก่อนหน้านี้เซียวหลานเคยบอกกับเธอว่า ฉินหยุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าไปหลายแห่งแล้วในเมืองจินหลิง แต่ก็แค่นั้นเธอไม่ได้สนใจมันมาก

ข้างนอกมีร้านขายเสื้อผ้าเต็มไปหมด แต่ก็ไม่เห็นว่าธุรกิจจะไปได้ดีตรงไหนเลย

เธอมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการทั้งหมดของโรงงานเครื่องจักรเหิงจุนตั้งแต่การก่อตั้ง หรือจนถึงการประสบความสำเร็จในขั้นสุดท้าย ซึ่งเธอก็รู้ถึงความยากลำบากของมันเป็นอย่างดี

หากไม่ใช่เพราะความบังเอิญและการสนับสนุนต่างๆจากนโยบายของทางภาครัฐ โรงงานเครื่องจักรเหิงจุนคงล้มหายตายจากไปหลายครั้งระหว่างทางแล้ว

ดังนั้นถ้าหากฉินหยุนต้องการให้ร้านค้าของเขาเติบโตขึ้น ความเป็นไปได้ที่มันจะประสบความสำเร็จนั้นต่ำมาก ซึ่งเธอก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไร

ศักยภาพเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีความหมายอะไรเลย แล้วทำไมเธอถึงต้องเลือกเขาด้วย?

ตอนนี้ฉินหยุนและเซียวหลานถือว่าได้เลิกลากันแล้ว ซึ่งไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ความกังวลของเธอก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

...

ฉินหยุนถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ

มีร่องรอยของความโศกเศร้าบนใบหน้าของเขา ที่มากกว่านั้นก็คือความโกรธแค้นที่อยู่ในใจ เขารู้สึกราวกับว่ามันเหมือนกับเปลวไฟที่ยากจะมอดดับ

ก่อนหน้านี้เขายังคงรู้สึกเคารพเหวินหยุนอยู่มาก แต่หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เขาไม่ได้หลงเหลือความประทับใจที่ดีต่อเธออีกแล้ว และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะกล่าวอะไรกับเธออีกด้วย

หลังจากยืนอยู่บนทางเดินครู่หนึ่ง ฉินหยุนก็เรียกแท็กซี่และขึ้นไปนั่งในรถ

เมื่อเขามาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฉินหยุนก็โทรหาฉินเสี่ยวเทาและขอให้เขาออกมาทานอาหารเย็นเป็นเพื่อน

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที ฉินเสี่ยวเทาก็มาถึง

อันที่จริงก่อนหน้านี้ฉินหยุนติดต่อไปหาฉินเสี่ยวเทารอบหนึ่งแล้ว และกล่าวเพียงว่าจะโทรหาเขาอีกทีหลังจากที่ลงจากรถ

"พี่เสี่ยวเทา ดื่มกับผมหน่อย" เมื่อเห็นฉินเสี่ยวเทา ฉินหยุนก็กล่าวออกมา

ฉินเสี่ยวเทาสังเกตเห็นว่าฉินหยุนอารมณ์ไม่ดีเท่าไร ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและนั่งลงดื่มกับเขาทันที

ตอนนี้ฉินเสี่ยวเทาค่อนข้างจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเมื่อสามวันก่อนในที่สุดหูซานซานก็ยอมรับคำสารภาพรักของเขาเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่วันนี้เขาไปรับเธอตอนเลิกงาน ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าที่จะจับมือของหูซานซาน ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังคงตื่นเต้นมาก

หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว ไฟในใจของฉินหยุนก็สงบลงเล็กน้อย

"พี่เสี่ยวเทา สินค้าของเราที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในเขตชิงอู๋เป็นยังไงบ้าง?" เขามองไปที่ฉินเสี่ยวเทาแล้วเอ่ยถามออกมา

ฉินเสี่ยวเทามีหน้าที่รับผิดชอบการขนส่งสินค้าจากเขตชิงอู๋มาที่เมืองจินหลิง หลังจากที่สินค้าจัดส่งมาถึงแล้ว จ้าวเทียนเฉียงจะเป็นคนตรวจสอบอีกที หากมีปัญหาใดๆเขาจะรายงานโดยตรงกับฉินหยุนทันที ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร

เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน ฉินเสี่ยวเทาก็ตอบว่า "สินค้าเหล่านั้นถูกจัดส่งมาถึงเมื่อเช้านี้ มีเสื้อผ้าทั้งหมด 50,000 ตัว"

ปัจจุบันโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าเทียนหยุนที่เขตชิงอู๋มีพนักงานทั้งหมด 200 คน และในเวลานี้พวกเขาไม่ได้ผลิตเสื้อผ้าออกมาแค่แบบเดียวเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนตุลาคมแล้ว อุณหภูมิยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง

ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเคยขายแต่เสื้อยืดแขนสั้นและเสื้อผ้าสำหรับช่วงซัมเมอร์เท่านั้น แต่ตอนนี้ทางร้านต้องเปลี่ยนมาขายเสื้อกันหนาวและเสื้อผ้าช่วงฤดูใบไม้ร่วงแบบต่างๆแทน เห็นได้ชัดว่าเสื้อผ้าเหล่านี้มีความซับซ้อนในการผลิตมากกว่าเสื้อยืดแขนสั้นแบบเดิมมาก ซึ่งราคาต้นทุนในการผลิตก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนในปัจจุบันขายเสื้อผ้าได้น้อยกว่าเมื่อก่อน แต่กำไรยังคงเท่าเดิม

หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง จู่ๆฉินเสี่ยวเทาก็กล่าวว่า "เสี่ยวหยุน ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของหูซานซานอยากจะมาทำงานในร้านขายเสื้อผ้าของเราน่ะ"

หลังจากกล่าวจบ เขาก็รีบอธิบายต่อ "ลูกพี่ลูกน้องของเธอเคยทำงานในร้านขายเสื้อผ้ามาก่อน แต่ไม่ได้อยู่ในเมืองจินหลิง"

ฉินหยุนไม่ได้ตอบตกลงในทันที เขามองไปที่ฉินเสี่ยวเทาแล้วเอ่ยถามว่า "พี่เสี่ยวเทา ตอนนี้พี่กับหูซานซานไปถึงไหนกันแล้ว?"

เมื่อได้ยินคำถามของฉินหยุน ฉินเสี่ยวเทารู้สึกอายเล็กน้อย เขากล่าวว่า "ตอนนี้ซานซานเป็นแฟนของฉันแล้ว"

"เป็นแฟนกันแล้ว?" ฉินหยุนรู้สึกประหลาดใจ

"พี่เสี่ยวเทา พี่เร็วเหมือนกันนะเนี่ย" เขายิ้มและถามต่อว่า "พี่ได้คุยกับลุงใหญ่หรือยัง?"

"ยังเลย"

ขณะที่กล่าวออกมา ฉินเสี่ยวเทาก็รู้สึกค่อนข้างอาย "ฉันวางแผนว่าอีกสักพักค่อยพาซานซานกลับไปน่ะ ว่าจะไปเซอร์ไพรส์พวกเขาสักหน่อย"

เขารู้สึกขอบคุณฉินหยุนมาก ถ้าฉินหยุนไม่ได้พาเขามาที่จินหลิงเพื่อพัฒนาตัวเอง เงินเดือนของเขาก็คงจะไม่ได้สูงขนาดนี้ และเขาก็คงจะไม่ได้คบกับหูซานซานเช่นกัน

เมื่อก่อนชีวิตต่างก็เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง แต่ตอนนี้เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง

ฉินหยุนรู้สึกว่าฉินเสี่ยวเทาควรรีบบอกฉินกั๋วเหลียงและคนอื่นๆก่อน เพราะตอนนี้เขาก็อายุปาเข้าไปสามสิบแล้ว

อันที่จริงฉินเสี่ยวเทาเข้าโรงเรียนช้ากว่าคนรุ่นเดียวกันสองปี ดังนั้นเมื่อตอนที่เขาไปโรงเรียนเขาจึงกลายเป็นคนที่อายุมากที่สุดในห้องเรียน ซึ่งตอนนี้หูซานซานก็อายุน้อยกว่าเขาสองปีเต็มๆ

พ่อกับแม่ของเขาต่างก็อายุมากแล้ว ถ้าฉินกั๋วเหลียงได้รู้ว่าฉินเสี่ยวเทามีแฟนแล้ว เขาจะต้องมีความสุขมากแน่นอน

แต่นี่เป็นเรื่องของฉินเสี่ยวเทา เป็นไปไม่ได้ที่ฉินหยุนจะเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจของเขา

"ร้านสาขาใหม่กำลังจะเปิดขึ้นเร็วๆนี้ หลังจากยุ่งอยู่กับงานมาหลายวัน พี่ควรไปพักผ่อนบ้างนะ พี่เสี่ยวเทา วันนี้พี่กลับไปก่อนก็ได้" ฉินหยุนกล่าวออกมา

เขารู้สึกมีความสุขกับฉินเสี่ยวเทามาก เมื่อได้รู้ว่าเขากำลังมีความรัก

"เสี่ยวหยุน แล้วเรื่องลูกพี่ลูกน้องของหูซานซาน..." ฉินเสี่ยวเทาพยักหน้า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง

"แน่นอน เดี๋ยวผมบอกผู้จัดการจ้าวให้ ให้เขาย้ายพนักงานจากร้านเก่าไปยังร้านสาขาใหม่และให้เธอไปทำงานที่ร้านสาขาเก่าแทน" ฉินหยุนพยักหน้าพลางกล่าวออกมา

หากหูซานซานกับฉินเสี่ยวเทายังคงมีความสัมพันธ์เหมือนก่อนหน้านี้ และไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร เขาจะไม่เห็นด้วยแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วก็มีผู้คนมากมายที่ต้องการเข้าไปทำงานในร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเขา

แต่ตอนนี้หูซานซานเป็นแฟนของฉินเสี่ยวเทาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธอะไร

แต่เมื่อนึกถึงเรื่องของตัวเอง ฉินหยุนก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง

การบอกเลิกอย่างกระทันหันของเขาต้องทำร้ายความรู้สึกของเซียวหลานมาก แต่อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ต้องเลือกระหว่างเขากับพ่อแม่ ไม่ต้องรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรือแม้แต่ทะเลาะกับแม่ของเธออย่างรุนแรง

หลังจากพูดคุยกันบางอย่างเกี่ยวกับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแล้ว ในที่สุดฉินหยุนและฉินเสี่ยวเทาก็แยกย้ายกัน

เนื่องจากเพิ่งดื่มมา ฉินเสี่ยวเทาจึงไม่ได้ขับรถ แต่เขาอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ดังนั้นเขาจึงสามารถเดินกลับไปที่นั่นได้ภายใน 20 นาที

ระหว่างทาง ฉินเสี่ยวเทาก็ส่งข้อความถึงหูซานซาน

[ฉินเสี่ยวเทา : ซานซาน เธอกำลังทำอะไรอยู่? ฉันไปกินข้าวเย็นกับเสี่ยวหยุนมา เพิ่งกลับมาเมื่อกี้ ฉันบอกเสี่ยวหยุนเรื่องลูกพี่ลูกน้องของเธอแล้วนะ และเสี่ยวหยุนก็เห็นด้วย (อิโมจิยิ้มยิงฟัน)]

ภายในไม่กี่วินาที หูซานซานก็ตอบกลับข้อความของเขา

[หูซานซาน : ขอบคุณมากนะเสี่ยวเทา นายกับบอสฉินกินอะไรกัน?]

เมื่อเห็นข้อความตอบกลับของเธอ ฉินเสี่ยวเทาก็รีบพิมพ์ตอบกลับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

...

พริบตาเดียว วันที่ 1 พฤศจิกายนก็มาถึง

ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทจวินชิง เฝิงเทียนจวินกำลังตรวจสอบยอดขายของร้านเสื้อผ้าจวินชิงภายในเดือนตุลาคมที่จางฉินเยว่ได้ส่งมาให้

แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจะอัดฉีดเงินจัดกิจกรรมโปรโมทกันทั้งเดือนตุลาคม และแจกรางวัลกันเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆแล้วพวกเขาก็ทำกำไรได้เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วเหล่าลูกค้าก็ต้องเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ได้ตามยอด จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมการจับรางวัลของทางร้าน

แน่นอนว่าเมื่อหักค่าใช้จ่ายของของรางวัลเหล่านี้ บวกกับเงินที่ใช้ในการจ้างนักรีวิวชื่อดังเหล่านั้นในโต่วอิน ผลกำไรของพวกเขานั้นต่ำมาก

อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของร้านขายเสื้อผ้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อสร้างชื่อเสียงขึ้นมาได้แล้ว ในอนาคตก็สามารถรับผลกำไรกลับคืนมาได้แน่นอน

"ผู้จัดการจาง ตอนนี้ชื่อเสียงของร้านเสื้อผ้าจวินชิงของเราเริ่มเป็นที่ยอมรับของคนส่วนมากแล้ว ตอนนี้เราต้องเริ่มเตรียมการสำหรับการเปิดร้านสาขาที่สอง และผมวางแผนที่จะเปิดร้านสาขาที่สองในตอนต้นเดือนมกราคม" เฝิงเทียนจวินกล่าวออกมา

"รับทราบค่ะ ฉันวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้ว"

จางฉินเยว่พยักหน้า

สำหรับร้านเสื้อผ้าจวินชิงแล้ว เฝิงเทียนจวินให้สิทธิ์ในการบริหารจัดการเกือบทั้งหมดแก่เธอ เธอสามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้เอง และเธอก็มีอิสระในระดับสูงเลย

"คุณเฝิงคะ ตอนนี้ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนคู่แข่งของเราที่ถนนย่านการค้า พวกเขากำลังเตรียมเปิดร้านสาขาที่เจ็ดด้วยพื้นที่ขนาด 230 ตารางเมตรกันแล้วค่ะ"

หลังจากรายงานสิ่งเหล่านี้เสร็จ จางฉินเยว่ก็กล่าวต่อ "นอกจากนี้ยังมีร้านสาขาขนาด 40 ตารางเมตรอีกสองแห่งที่กำลังจะเปิดขึ้น รวมทั้งหมดแล้วเป็นเก้าสาขา"

"ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน?" เฝิงเทียนจวินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เขารู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนเคยได้รับรางวัลรถยนต์คันแรกจากร้านของเขาไป

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก เพราะช่วงนั้นที่ร้านอาหารของเขามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีชื่อเสียงบางคนไปที่นั่นพอดี เขาจึงยุ่งอยู่กับแต่ร้านอาหารของเขา

(จบตอน)