เช้าวันรุ่งขึ้น
ทันทีที่หลินอวี่ตื่น เขาก็ได้รับสายเรียกเข้าจากหยานจี
เขาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มบาง
"ในที่สุดก็มาแล้ว?"
หลินอวี่กดรับสาย
เสียงที่ฟังดูกังวลของหยานจีพลันดังขึ้น
"อาหวี่.....พ่อของฉันบอกว่าเขาอยากจะพบกับนาย....ฉันควรจะทำยังไงดี?"
หลินอวี่ยิ้มแล้วพูดว่า
"พบก็พบสิ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนี่?"
"แต่ว่า....."
หยานจียังดูวิตกกังวล
"กลัวว่าพ่อของเธอจะรังแกฉันรึไง?"
หลินอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม
"ฮึ่ม ฉันขี้เกียจจะสนใจนายแล้ว!"
ในหัวของหลินอวี่ผุดภาพที่หยานจีกำลังเขินอายภาพแล้วภาพเล่า มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
"เมื่อไหร่? ที่ไหน?"
"วันนี้ตอนบ่าย พ่อฉันบอกว่าอยากจะเลี้ยงข้าวนาย และลุงจั่วเองก็จะไปด้วย....."
"ส่วนสถานที่นั้น เป็นภัตตาคารหนานหลี่"
หลินอวี่พยักหน้า "เข้าใจแล้ว ฉันจะไป"
"อืม....."
หยานจีนิ่งเงียบไป
"พ่อไม่ยอมให้ฉันไป ดังนั้นระวังตัวด้วย"
"เข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวล พ่อเธอไม่ทำอะไรฉันหรอก"
หลินอวี่พูดปลอบหยานจี
หลังจากวางสายได้ไม่นาน จั่วมู่เกอก็ติดต่อมา
แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องเดียวกับหยานจี
หลินอวี่และจั่วมู่เกอพูดคุยกันสักพักก่อนจะวางสายไป
หลังจากอาบน้ำล้างตัวแล้ว หลินอวี่ก็เปลี่ยนเป็นชุดสะอาดและเรียบร้อยก่อนจะออกจากที่พัก
ภัตตาคารหลานหลี่เป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองประกายแสง
เชฟของที่นี่มีฝีมือยอดเยี่ยม พวกเขาเป็นผู้มีพัลงพิเศษอาชีพเสริมที่ชำนาญในการจัดการกับวัตถุดิบจากมอนสเตอร์
พวกเขายังสามารถรังสรรค์อาหารที่สามารถเพิ่มค่าคุณสมบัติอย่างถาวรเช่นเดียวกับโพชั่นดอกไม้แห่งปัญญาได้ด้วย
แน่นอนว่ามันมีราคาสูงมาก
โพชั่นดอกไม้แห่งปัญญาที่ได้รับมา หลินอวี่ก็ได้ทำการขยายพลังให้มันเช่นกัน
-----------------------------------------------
แสงสว่างแห่งปัญญา ( B )
หลังจากดื่มแล้วจะได้รับค่าสติปัญญา 500 แต้มอย่างถาวร
ระดับไอเท็ม: เลเวล 10
-----------------------------------------------
หลังจากขยายพลังแล้วมันก็มีประสิทธิภาพน่ากลัวมาก
แต้มคุณสมบัติที่เพิ่มมานี้สามารถเทียบได้กับสามถึงสี่เลเวลหากผ่านภารกิจระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
เมื่อเขามาถึงย่านกลางเมืองของเมืองประกายแสง หลินอวี่ก็มองเห็นภัตตาคารหนานหลี่
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็มีพนักงานเดินออกมาต้อนรับ
"สวัสดีครับ มากี่ท่านครับ?"
"มีคนนัดหมายไว้แล้วน่ะครับ"
หลินอวี่ยิ้มตอบ
"หยานอวี้และจั่วจิงเย่"
พนักงานนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบโค้งตัวด้วยความสุภาพยิ่งกว่าเดิม
"คุณคือ คุณหลินอวี่ใช่ไหมครับ?"
"อืม"
หลินอวี่พยักหน้า
พนักงานลอบชำเลืองมองใบหน้าที่ดูอ่อนวัยของหลินอวี่ด้วยความตกตะลึง
แม้จะได้รับการแจ้งจากเบื้องบนล่วงหน้าแล้วว่าให้เขามาคอยรับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าหลินอวี่
แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลินอวี่จะยังหนุ่มขนาดนี้!
ชายหนุ่มคนนี้กลับเป็นแขกที่ผู้นำตระกูลจั่วและผู้นำตระกูลหยานจัดงานเลี้ยงขึ้นต้อนรับเชียว?!
เขาไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ เขารีบค้อมตัวลงแล้วพูดว่า
"คุณหลินเชิญตามผมมาครับ ทั้งสองท่านรออยู่ที่ชั้นบนสุดแล้วครับ"
หลินอวี่เดินตามพนักงานไปยังลิฟต์ส่วนตัวและขึ้นไปยังชั้นบนสุด
ต้องบอกว่าภัตตาคารหนานหลี่นั้นมีการตกแต่งภายในที่หรูหราอย่างมาก หลินอวี่รู้สึกตัวเขาด้อยค่าไปเลยขณะที่มองดูสิ่งของหรูหรารอบตัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนึกถึงไอเท็มและอุปกรณ์ต่างๆที่เขาเก็บเกี่ยวกลับมาและขายไปชุดหนึ่งแล้ว ตอนนี้เขาเองก็นับได้ว่าเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกินพันล้านเช่นกัน
กล่าวได้ว่าตอนนี้เขามีเงินพอให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้แล้ว
แต่เขาก็ได้แต่ถอนหายใจหลังจากนึกได้ว่าเงินพวกนี้คงอยู่กับเขาได้ไม่นานนัก
ที่ชั้นบนสุดของภัตตาคารดูเหมือนจะมีห้องส่วนตัวอยู่เพียงห้องเดียว พนักงานนำหลินอวี่ไปที่หน้าห้องส่วนตัวนั้นก่อนจะหันมาพูดด้วยความเคารพว่า
"คุณหลิน ทั้งสองท่านรออยู่ด้านในแล้วครับ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ดังนั้นคุณหลินต้องเข้าไปด้วยตนเองครับ"
"ลำบากคุณแล้ว"
"ไม่ลำบากเลยครับ ไม่เลย"
พนักงานส่ายหน้าพูดจากใจ
หลินอวี่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาผลักประตูและเดินเข้าไปในห้อง
ภายในห้องมีพื้นที่กว้างขวางมาก
ที่กึ่งกลางของห้องมีโต๊ะกลมอยู่หนึ่งตัว ผนังของห้องเรียงรายไปด้วยจิตรกรรมฝาผนัง
หลินอวี่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานศิลปะเหล่านี้ ดังนั้นจึงได้แต่ดูผ่านๆ
จากนั้นเขาจึงหันไปมองที่โต๊ะกลมซึ่งบัดนี้มีคนนั่งอยู่สองคน
หนึ่งเป็นชายผมสีแดง ใบหน้าที่แน่วแน่และดวงตาที่เฉียบคม ขณะที่อีกคนเป็นชายผมสีดำที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า
ทั้งสองต่างก็ยังดูหล่อเหลา
เพียงมองเห็นก็สามารถทราบถึงตัวตนของพวกเขาได้ในทันที
ขณะที่หลินอวี่มองพิจารณาพวกเขา ชายทั้งสองก็กำลังพิจารณาหลินอวี่เช่นเดียวกัน
หลินอวี่เดินเข้าไปแล้วยิ้มทักทาย
"ท่านหยาน ท่านจั่ว สวัสดีครับ"
ทั้งสองต่างก็เป็นผู้นำตระกูล ทั้งยังเป็นบุคคลระดับสูงของเมืองประกายแสง
พวกเขาเคยนำกองทัพเมืองประกายแสงต้านทานการโจมตีจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ของเมืองประกายแสงอีกด้วย
หลินอวี่เองก็รู้เคารพชื่นชมทั้งสองไม่น้อย
กล่าวได้ว่าทหารที่หลั่งเลือดในสงครามเพื่อเผ่าพันธุ์ล้วนคู่ควรแก่การเคารพยกย่อง
เมืองประกายแสงเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข
จั่วจิงเย่มองประเมินหลินอวี่ขึ้นๆลงๆ เขาหรี่ตาลง ในดวงตามีร่องรอยของความไม่พอใจ
"ด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับมู่เกอแล้ว ยังเรียกฉันว่าท่านอีกเหรอ?"
หลินอวี่ "........"
เขามองจั่วจิงเย่ด้วยความมึนงงอยู่บ้าง
บ้าจริง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกสาวได้นิสัยมาจากใคร!
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่านิสัยแม่มดของจั่วมู่เกอได้มาจากไหน
เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกก็พูดอย่างไม่เกรงใจกันแล้ว
หรือว่าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจั่วมู่เกอแล้ว?
คิดจะข่มกันงั้นเหรอ?
หลินอวี่ยิ้มก่อนจะพูดว่า
"คุณอาจั่ว"
ด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น
จั่วมู่เกอมองดูหลินอวี่ที่สุขุมเยือกเย็นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาจึงยิ้มพูดว่า
"ในบรรดาคนหนุ่มทั้งหมด เธอน่าจะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว"
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved