ตอนที่ 63

เช้าวันรุ่งขึ้น

ทันทีที่หลินอวี่ตื่น เขาก็ได้รับสายเรียกเข้าจากหยานจี

เขาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มบาง

"ในที่สุดก็มาแล้ว?"

หลินอวี่กดรับสาย

เสียงที่ฟังดูกังวลของหยานจีพลันดังขึ้น

"อาหวี่.....พ่อของฉันบอกว่าเขาอยากจะพบกับนาย....ฉันควรจะทำยังไงดี?"

หลินอวี่ยิ้มแล้วพูดว่า

"พบก็พบสิ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรนี่?"

"แต่ว่า....."

หยานจียังดูวิตกกังวล

"กลัวว่าพ่อของเธอจะรังแกฉันรึไง?"

หลินอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม

"ฮึ่ม ฉันขี้เกียจจะสนใจนายแล้ว!"

ในหัวของหลินอวี่ผุดภาพที่หยานจีกำลังเขินอายภาพแล้วภาพเล่า มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

"เมื่อไหร่? ที่ไหน?"

"วันนี้ตอนบ่าย พ่อฉันบอกว่าอยากจะเลี้ยงข้าวนาย และลุงจั่วเองก็จะไปด้วย....."

"ส่วนสถานที่นั้น เป็นภัตตาคารหนานหลี่"

หลินอวี่พยักหน้า "เข้าใจแล้ว ฉันจะไป"

"อืม....."

หยานจีนิ่งเงียบไป

"พ่อไม่ยอมให้ฉันไป ดังนั้นระวังตัวด้วย"

"เข้าใจแล้ว ไม่ต้องกังวล พ่อเธอไม่ทำอะไรฉันหรอก"

หลินอวี่พูดปลอบหยานจี

หลังจากวางสายได้ไม่นาน จั่วมู่เกอก็ติดต่อมา

แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องเดียวกับหยานจี

หลินอวี่และจั่วมู่เกอพูดคุยกันสักพักก่อนจะวางสายไป

หลังจากอาบน้ำล้างตัวแล้ว หลินอวี่ก็เปลี่ยนเป็นชุดสะอาดและเรียบร้อยก่อนจะออกจากที่พัก

ภัตตาคารหลานหลี่เป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองประกายแสง

เชฟของที่นี่มีฝีมือยอดเยี่ยม พวกเขาเป็นผู้มีพัลงพิเศษอาชีพเสริมที่ชำนาญในการจัดการกับวัตถุดิบจากมอนสเตอร์

พวกเขายังสามารถรังสรรค์อาหารที่สามารถเพิ่มค่าคุณสมบัติอย่างถาวรเช่นเดียวกับโพชั่นดอกไม้แห่งปัญญาได้ด้วย

แน่นอนว่ามันมีราคาสูงมาก

โพชั่นดอกไม้แห่งปัญญาที่ได้รับมา หลินอวี่ก็ได้ทำการขยายพลังให้มันเช่นกัน

-----------------------------------------------

แสงสว่างแห่งปัญญา ( B )

หลังจากดื่มแล้วจะได้รับค่าสติปัญญา 500 แต้มอย่างถาวร

ระดับไอเท็ม: เลเวล 10

-----------------------------------------------

หลังจากขยายพลังแล้วมันก็มีประสิทธิภาพน่ากลัวมาก

แต้มคุณสมบัติที่เพิ่มมานี้สามารถเทียบได้กับสามถึงสี่เลเวลหากผ่านภารกิจระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ

เมื่อเขามาถึงย่านกลางเมืองของเมืองประกายแสง หลินอวี่ก็มองเห็นภัตตาคารหนานหลี่

ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็มีพนักงานเดินออกมาต้อนรับ

"สวัสดีครับ มากี่ท่านครับ?"

"มีคนนัดหมายไว้แล้วน่ะครับ"

หลินอวี่ยิ้มตอบ

"หยานอวี้และจั่วจิงเย่"

พนักงานนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงรีบโค้งตัวด้วยความสุภาพยิ่งกว่าเดิม

"คุณคือ คุณหลินอวี่ใช่ไหมครับ?"

"อืม"

หลินอวี่พยักหน้า

พนักงานลอบชำเลืองมองใบหน้าที่ดูอ่อนวัยของหลินอวี่ด้วยความตกตะลึง

แม้จะได้รับการแจ้งจากเบื้องบนล่วงหน้าแล้วว่าให้เขามาคอยรับเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าหลินอวี่

แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลินอวี่จะยังหนุ่มขนาดนี้!

ชายหนุ่มคนนี้กลับเป็นแขกที่ผู้นำตระกูลจั่วและผู้นำตระกูลหยานจัดงานเลี้ยงขึ้นต้อนรับเชียว?!

เขาไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ เขารีบค้อมตัวลงแล้วพูดว่า

"คุณหลินเชิญตามผมมาครับ ทั้งสองท่านรออยู่ที่ชั้นบนสุดแล้วครับ"

หลินอวี่เดินตามพนักงานไปยังลิฟต์ส่วนตัวและขึ้นไปยังชั้นบนสุด

ต้องบอกว่าภัตตาคารหนานหลี่นั้นมีการตกแต่งภายในที่หรูหราอย่างมาก หลินอวี่รู้สึกตัวเขาด้อยค่าไปเลยขณะที่มองดูสิ่งของหรูหรารอบตัว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนึกถึงไอเท็มและอุปกรณ์ต่างๆที่เขาเก็บเกี่ยวกลับมาและขายไปชุดหนึ่งแล้ว ตอนนี้เขาเองก็นับได้ว่าเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินเกินพันล้านเช่นกัน

กล่าวได้ว่าตอนนี้เขามีเงินพอให้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราได้แล้ว

แต่เขาก็ได้แต่ถอนหายใจหลังจากนึกได้ว่าเงินพวกนี้คงอยู่กับเขาได้ไม่นานนัก

ที่ชั้นบนสุดของภัตตาคารดูเหมือนจะมีห้องส่วนตัวอยู่เพียงห้องเดียว พนักงานนำหลินอวี่ไปที่หน้าห้องส่วนตัวนั้นก่อนจะหันมาพูดด้วยความเคารพว่า

"คุณหลิน ทั้งสองท่านรออยู่ด้านในแล้วครับ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ดังนั้นคุณหลินต้องเข้าไปด้วยตนเองครับ"

"ลำบากคุณแล้ว"

"ไม่ลำบากเลยครับ ไม่เลย"

พนักงานส่ายหน้าพูดจากใจ

หลินอวี่ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาผลักประตูและเดินเข้าไปในห้อง

ภายในห้องมีพื้นที่กว้างขวางมาก

ที่กึ่งกลางของห้องมีโต๊ะกลมอยู่หนึ่งตัว ผนังของห้องเรียงรายไปด้วยจิตรกรรมฝาผนัง

หลินอวี่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานศิลปะเหล่านี้ ดังนั้นจึงได้แต่ดูผ่านๆ

จากนั้นเขาจึงหันไปมองที่โต๊ะกลมซึ่งบัดนี้มีคนนั่งอยู่สองคน

หนึ่งเป็นชายผมสีแดง ใบหน้าที่แน่วแน่และดวงตาที่เฉียบคม ขณะที่อีกคนเป็นชายผมสีดำที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า

ทั้งสองต่างก็ยังดูหล่อเหลา

เพียงมองเห็นก็สามารถทราบถึงตัวตนของพวกเขาได้ในทันที

ขณะที่หลินอวี่มองพิจารณาพวกเขา ชายทั้งสองก็กำลังพิจารณาหลินอวี่เช่นเดียวกัน

หลินอวี่เดินเข้าไปแล้วยิ้มทักทาย

"ท่านหยาน ท่านจั่ว สวัสดีครับ"

ทั้งสองต่างก็เป็นผู้นำตระกูล ทั้งยังเป็นบุคคลระดับสูงของเมืองประกายแสง

พวกเขาเคยนำกองทัพเมืองประกายแสงต้านทานการโจมตีจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ ทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ของเมืองประกายแสงอีกด้วย

หลินอวี่เองก็รู้เคารพชื่นชมทั้งสองไม่น้อย

กล่าวได้ว่าทหารที่หลั่งเลือดในสงครามเพื่อเผ่าพันธุ์ล้วนคู่ควรแก่การเคารพยกย่อง

เมืองประกายแสงเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง ผู้คนสามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุข

จั่วจิงเย่มองประเมินหลินอวี่ขึ้นๆลงๆ เขาหรี่ตาลง ในดวงตามีร่องรอยของความไม่พอใจ

"ด้วยความสัมพันธ์ของเธอกับมู่เกอแล้ว ยังเรียกฉันว่าท่านอีกเหรอ?"

หลินอวี่ "........"

เขามองจั่วจิงเย่ด้วยความมึนงงอยู่บ้าง

บ้าจริง

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกสาวได้นิสัยมาจากใคร!

ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่านิสัยแม่มดของจั่วมู่เกอได้มาจากไหน

เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกก็พูดอย่างไม่เกรงใจกันแล้ว

หรือว่าเขารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจั่วมู่เกอแล้ว?

คิดจะข่มกันงั้นเหรอ?

หลินอวี่ยิ้มก่อนจะพูดว่า

"คุณอาจั่ว"

ด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น

จั่วมู่เกอมองดูหลินอวี่ที่สุขุมเยือกเย็นด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาจึงยิ้มพูดว่า

"ในบรรดาคนหนุ่มทั้งหมด เธอน่าจะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว"