ตอนที่ 78

หยานจีเหลือบมองเธอก่อนจะพูดว่า

"ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะเรียบร้อย"

"ทุกคนระวังด้วย อย่าแตกกลุ่ม คอยระวังพวกมอนสเตอร์ในป่าเมเปิ้ลแดงด้วย!"

จั่วมู่เกอเอ่ยเตือน

ซึ่งความจริง การต่อสู้อันรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ทำให้พวกมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเตลิดหนีไปจนหมดแล้ว

การต่อสู้ดำเนินไปสักพัก จากนั้นภายในป่าก็กลับคืนสู่ความสงบ

ทุกคนต่างไม่กล้าหายใจแรง พวกเขาหันมองไปทางทิศทางที่ได้ยินเสียงการต่อสู้ด้วยแววตาที่ฉายแววกังวล

หากว่าผู้คุมทั้งสองและหลินอวี่พ่ายแพ้ พวกเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย

หากแต่หยานจีและจั่วมู่เกอนั้นยังคงมีสีหน้าเยือกเย็นดังเดิม

พวกเธอเชื่อมั่นในตัวหลินอวี่

แค่คลาสสามคลาสสี่ไม่กี่คน หลินอวี่จะแพ้ได้ยังไง?

ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากที่ห่างออกไป

ที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือ หลินอวี่ เถียนหยวนหลง และลู่เหยา

เมื่อเห็นว่าเป็นทั้งสามทุคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากนั้น ดวงตาของพวกเขาก็ฉายแววประหลาดใจ

"ชนะ....ชนะแล้ว?"

มีบางคนพึมพำกับตัวเอง

จั่วมู่เกอและหยานจีต่างยิ้มออกมาเมื่อเห็นหลินอวี่

พวกหลินอวี่เดินเข้ามาภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นของทุกคน

เถียนหยวนหลงกวาดมองเหล่านักเรียนที่กำลังจ้องมองมาก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม

"เอาล่ะ ผู้ไล่ล่าถูกกำจัดหมดแล้ว พวกเรากลับกันได้แล้ว"

เยี่ยมไปเลย!

ได้ยินแบบนี้ พวกนักเรียนก็ส่งเสียงตะโกนด้วยความดีใจ

"สุดยอด พวกเราชนะแล้ว!"

"แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!"

"ดีชะมัด พวกเราปลอดภัยสักที!"

"......"

เมื่อเห็นเหล่านักเรียนต่างแสดงความดีใจ ลู่เหยาก็ยิ้มพลางพูดว่า

"ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณหลินอวี่ ไม่อย่างนั้นเรื่องราวคงไม่ราบรื่นขนาดนี้"

ทุกคนต่างหันไปมองหลินอวี่ด้วยความตกตะลึงแกมสงสัย

หลินอวี่เป็นนักเรียนเหมือนๆกับพวกเขาไม่ใช่เหรอ? เขาทำได้ยังไงกัน?

ตอนนี้เองก็เกิดเสียงคำรามอันทรงพลังดังมาจากระยะไกล

หลินอวี่และคนอื่นๆได้สติก่อนจะหันมองไปทิศทางที่เสียงดังมา

ลู่เหยาตาเป็นประกายก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า

"ดูเหมือนว่ากำลังเสริมจะมาแล้ว! ไป พวกเรากลับไปดูกันเถอะ"

ทั้งกลุ่มเริ่มเดินกลับไปยังรถหุ้มเกราะ

ไม่นาน พวกเขาก้ได้พบกับจางหงไช่และผู้คุมคนอื่นๆที่กำลังออกตามหาพวกเขา

ทั่วร่างของจางหงไช่เต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่ สภาพดูโทรมไม่น้อย

แต่ดีที่ไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงอะไร

นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนซึ่งสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มอยู่อีกคน

บนใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ดูสูงสง่าผู้นี้เต็มไปด้วยความกังวล

เมื่อได้เห็นว่าพวกนักเรียนยังปลอดภัยกันดี และเถียนหยวนหลงกับลู่เหยาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขาก็ชะงักไป

"อาสาม!"

มู่เห็นชายวัยกลางคน จั่วมู่เกอก็เอ่ยทักทาย

ชายวัยกลางคน จั่วเล่อเฉิง เป็นอาสามของจั่วมู่เกอ เขาไม่ได้ปลุกพลังและกลายเป็นนักบวชวจนะศักดิ์สิทธิ์ตามสายเลือดของตระกูล แต่เป็นนักเวท

หลังจากเห็นว่าจั่วมู่เกอไม่ได้บุบสลายใดๆ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"มู่เกอ หลานปลอดภัยดีนะ?"

จั่วมู่เกอเป็นรุ่นเยาว์เพียงคนเดียวของตระกูลที่ปลุกพลังและได้รับอาชีพนักบวชวจนะศักดิ์สิทธิ์มา ทั้งยังเป็นผู้ที่ผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว

เธอก็คือรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลจั่ว

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจให้เกิดเรื่องขึ้นกับเธอได้เป็นอันขาด

หลังจากได้รับข่าว จั่วเล่อเฉิงที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วที่สุดก็รีบมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที

"ไม่เป็นอะไรค่ะคุณอา หนูปลอดภัยดี"

จั่วเล่อเฉิงพยักหน้า

ขณะที่จั่วเล่อเฉิงพูดคุยกับจั่วมู่เกอ จางหงไช่ก็อุทานด้วยความงุนงง

"พวก.....พวกเธอ ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธองั้นเหรอ?"

เขามองดูเถียนหยวนหลงและลู่เหยา จากนั้นจึงเบนสายตาไปดูพวกนักเรียนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ใบหน้าที่เรียบเฉยของเถียนหยวนหลงกระตุกเบาๆ

ลู่เหยาเองก้อดกลอกตาไม่ได้

"ท่านคะ มีอะไรรึเปล่าคะ? หรือถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราจะดีกว่านี้?"

"เปล่า.....ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น"

จากนั้นจางหงไช่ถึงรู้สึกตัวว่าเขาเหมือนจะใช้คำพูดผิดไป

เขาชี้ไปยังพวกนักเรียนที่อยู่ด้านหลังเถียนหยวนหลงก่อนจะถามด้วยความสับสน

"พวกนายถูกเมอร์ล็อคมากมายขนาดนั้นไล่ตามไป ฉันคิดว่าพวกนักเรียนจะได้รับบาดเจ็บกันแล้ว แต่ทำไมถึงยังปลอดภัยดีกันทุคน?"

เหล่าผู้คุมที่เหลือเองก็มองดูด้วยความสงสัย

สีหน้าของเถียนหยวนหลงเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาค่อยๆพูดขึ้นว่า

"มีนักเรียนเสียชีวิตหนึ่งคนครับ และเขาก็เป็นคนทรยศ"

เหล่าผู้คุมรวมถึงจั่วเล่อเฉิงต่างก็หน้าเครียดเมื่อได้ยิน

"เกิดอะไรขึ้น?"

เถียนหยวนหลงจึงเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น

"อะไรนะ?! พวกที่ไล่ตามไปตายหมดแล้ว?! นักเรียนหลินอวี่ช่วยพวกนาย?"

จางหงไช่และผู้คุมที่เหลือต่างหันไปมองหลินอวี่ด้วยความตกตะลึง

พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าหลินอวี่จะมีม้วนเวทที่น่ากลัวไว้มากมายเช่นนี้

จั่วเล่อเฉิงมองประเมินหลินอวี่ขึ้นลงก่อนจะยิ้มให้อย่างอบอุ่น

"เธอคือหลินอวี่? พี่ใหญ่ของฉันเคยพูดถึงเธออยู่"

จั่วมู่เกอยื่นมือไปกุมมือหลินอวี่ไว้พลางพูดด้วยรอยยิ้ม

"อาหวี่ นายเองก็ทักทายอาสามด้วยสิ"

จั่วเล่อเฉิงมองดูมือที่เกาะกุมกันไว้ของจั่วมู่เกอและหลินอวี่ขณะมุมปากกระตุกเบาๆ

นี่ไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยเหรอ?

หลินอวี่เอ่ยทักทายจั่วเล่อเฉิงด้วยรอยยิ้ม

"สวัสดีครับอาสาม ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่ที่พูดถึงคือ?"

"ฮ่าๆ ก็ต้องเป็นพ่อของมู่เกอน่ะสิ"

จั่วเล่อเฉิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม

"อ๋อครับ"

หลินอวี่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้

ที่แท้ก็เป็นคุณอาที่เจ้าเล่ห์คนนั้นนี่เอง

"เขาชื่นชมเธอเอาไว้เยอะทีเดียว ดูเหมือนสายตาของเขาจะแม่นยำจริงๆ"

จั่วเล่อเฉิงมองประเมินหลินอวี่อีกครั้งพลางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกพึงพอใจกับหลินอวี่จริงๆ

นักเรียนคนอื่นๆมองดูจั่วเล่อเฉิงและหลินอวี่พูดคุยกันด้วยความอิจฉา

นั่นตระกูลจั่วที่เป็นตระกูลชั้นนำเชียวนะ!

ตระกูลที่ทรงอำนาจเอามากๆ!

ดูเหมือนพวกเขาจะชื่นชมหลินอวี่ไม่น้อยเลย

และเมื่อฟังจากคำพูดและท่าทีของจั่วเล่อเฉิงแล้ว ดูเหมอืนพวกเขาจะยอมรับในความสัมพันธ์ระหว่างหลินอวี่และจั่วมู่เกอแล้ว?

ปู้เจิ่งซิ่นที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มนักเรียนพลันหน้าขาวซีด

ดวงตาของเขาฉายแววสิ้นหวัง เขาเลือกที่จะยอมแพ้โดยสมบูรณ์

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?

แม้จางหงไช่ก็ยังมองหลินอวี่ด้วยความอิจฉา

เมื่อได้รับการสนับสนุนจากตระกูลจั่ว ทั่วทั้งดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้ หลินอวี่ก็สามารถเดินทอดน่องได้อย่างสบายใจ

นั่นเพราะตระกูลจั่วมีบรรพชนที่เป็นเทพเจ้า!

เมื่อบรรพชนของตระกูลรวบรวมค่าศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นเทพได้แล้ว พกวเขาก็จะสามารถแปรเปลี่ยนพลังให้กลายเป็นอาชีพหายากและส่งต่อไปยังลูกหลาน

จั่วเล่อเฉิงพูดคุยกับหลินอวี่อีกหลายคำ เมื่อหันมาเห็นหยานจีที่อยู่ด้านข้าง เขาก็ยิ้มพยักหน้าให้

"หลานสาวหยาน พ่อของหนูเองก็ฝากอามาดูหนูด้วย หนูปลอดภัยดีใช่ไหม?"

หยานจียิ้มตอบ

"สบายดีค่ะคุณอาจั่ว"

จั่วเล่อเฉิงพยักหน้า จกานั้นจึงหันไปหาจางหงไช่

"แต่นี้ไป ฉันจะรับผิดชอบดูแลพวกนักเรียนระหว่างที่เดินทางไปยังเมืองสวรรค์เจิดจรัสเอง"

หลังจากนี้จะปล่อยให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีกไม่ได้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จางหงไช่ก็พยักหน้าซ้ำๆด้วยความยินดี

"ครับ"

เมื่อมีจั่วเล่อเฉิงประจำการอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องแล้ว

ทุกคนออกจากป่าเมเปิ้ลแดงและกลับไปยังรถหุ้มเกราะ

แม้ว่าภายนอกของรถหุ้มเกราะจได้รับความเสียหาย หากแต่เครื่องยนต์และส่วนอื่นๆยังคงสมบูรณ์ดี

หลังจากขึ้นรถเรียบร้อย รถหุ้มเกราะก็เคลื่อนที่อีกครั้ง

เป้าหมายยังคงเป็นเมืองสวรรค์เจิดจรัส

.............................

ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ภายในป่าแห่งหนึ่ง

พุ่มไม้ที่หนาทึบได้บดบังแสงอาทิตย์ส่วนใหญ่เอาไว้ ทำให้ภายในป่าดูมืดมน

ในป่ามีทั้งมอนสเตอร์ที่กำลังออกล่าหรือว่าพักผ่อนอยู่มากมาย

บรรยากาศดูสงบเหมือนปกติ

ตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีแสงสีขาวสว่างขึ้นวูบ

มอนสเตอร์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพลันสะดุ้งตกใจ จากนั้นพวกมันก็รีบวิ่งหนีไปด้วยความแตกตื่น

ประตูมิติบานหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากอากาศ จากนั้นเงาร่างที่มีสภาพทุลักทุเลก็โผล่ออกมาจากประตูมิติ

พวกเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงอย่างอ่อนแรงราวกับดินเหลว

ผู้นำของคนกลุ่มนี้ก็คือ แบร์รี่บัส

ตอนนี้แขนของเขาข้างหนึ่งถูกเผาจนไหม้เกรียม สีหน้าเองก็ไม่สู้ดีสักเท่าใด

สำหรับพวกคลาสสี่จำนวนสิบคนที่เคยเข้าต่อสู้กับเหล่าผู้คุมนั้น มาบัดนี้หลงเหลือเพียงแค่สาม

และทั้งสามต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังจากจั่วเล่อเฉิงมาถึง พวกเขาก็ไม่มีเวลาจะรอให้พวกลิซซี่กลับมา ทำได้แค่หนีออกมาก่อน

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่จั่วเล่อเฉิงที่ชำนาญการใช้เวทไฟก็ยังสังหารคลาสสี่ไปได้เจ็ดคน ส่วนที่เหลืออีกสามคน แม้จะรอดมาได้ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังจากพวกเขาพักเหนื่อยได้สักพัก แบร์รี่บัสก็เปิดรายชื่อเพื่อนขึ้นดู และเมื่อพบว่าลิซซี่ตายไปแล้ว สีหน้าของเขาพลันบิดเบี้ยว

"บัดซบ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?! พวกนั้นไปเจออะไรเข้ากันแน่? ก็แค่คลาสสี่สองคน และพวกคลาสหนึ่งไม่ใช่รึไง? ทำไมถึงได้ถูกกำจัดจนหมด?!"

"สวะ! ล้วนเป็นพวกสวะ!!"

เขาหอบหายใจพลางคำรามอย่างเกรี้ยวกราด

หลังจากคำรามอยู่สักพัก เขาก็รู้สึกเหนื่อย

ดังนั้นจึงได้แต่พักอยู่เงียบๆ

หลังจากเกิดความเงียบขึ้นสักพัก เมอร์ล็อคนักรบตัวหนึ่งก็หันไปถามแบร์รี่บัสด้วยสีหน้าย่ำแย่

"ท่านครับ พวกเราควรทำเช่นไรดีครับ?"

"ทำเช่นไรงั้นรึ?!"

แบร์รี่บัสคำราม

"หลังจากการต่อสู้อันอัปยศในครั้งนี้ พวกเจ้ายังคิดจะกลับไปที่โลกของพกวเราในสภาพที่น่าอดสูเช่นนี้น่ะรึ?!"

"พวกเราย่อมต้องล้างอัปยศ!"

เขาสูดหายใจเพื่อสงบใจลง จากนั้นจึงค่อยๆพูดว่า

"ติดต่อไปยังพวกมนุษย์หนู มนุษย์แมว และปีศาจวายุ บอกว่าจั่วเล่อเฉิงเองก็อยู่ด้วย พวกเราไม่มีจังหวะลงมือ ได้แต่ต้องรอโอกาสอื่น"

เขาก้มลงมองดูท่อนแขนที่ดำสนิท เขาสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะค่อยพูดขึ้นว่า

"ไปตามนักบวชมารักษาตัวกันก่อน!"

"ครับ!"

ทั้งสี่ลุกขึ้นยืนและมุ่งหน้าออกจากป่า