ตอนที่ 82

"โฮกกกกกก!"

เกิดเสียงมังกรคำรามดังขึ้น จากนั้นตามผิวหนังของมังกรดินก็ปรากฏเพลิงลุกไหม้

เพลิงนี้ไม่ได้ทำอันตรายพวกหลินอวี่ทั้งสาม แต่กลับห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ด้วย

ผิวที่เดิมทีออกไปทางเข้มก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับเปลวเพลิง

ขนาดร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อย

หลังจากเสียงคำรามดังขึ้นอยู่ราวสองสามนาที การเปลี่ยนแปลงก็หยุดลง

"โฮกกกกกก!!!"

มังกรดินคำรามด้วยความตื่นเต้น

"เป็นยังไงบ้าง?"

หลินอวี่มองดูมังกรดินที่กำลังส่ายหางไปมา

หยานจีเปิดข้อมูลของสัตว์ขี่ขึ้นมาดู จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

"ตอนนี้มันพัฒนากลายเป็นสัตว์ขี่ระดับจักรพรรดิแล้ว"

"ไม่เลว"

หลินอวี่พยักหน้า เขาตบลงบนเกราะของมังกรดินเบาๆ

มังกรดินนี้ดูเหมือนจะฉลาดไม่น้อย มันย่อมทราบว่าหัวใจมังกรนี้เป็นหลินอวี่ที่มอบให้ ดังนั้นมันจึงหันมามองหลินอวี่ด้วยท่าทางประจบประแจง

หางของมันกวัดแกว่งไปมาด้วยความรวดเร็ว

"ไปกันเถอะ!"

หยานจียิ้มขณะลูบหัวมังกรดินเบาๆ

มังกรดินคำรามก่อนจะเริ่มออกวิ่ง

หลินอวี่ที่นั่งอยู่บนหลังของมังกร ครุ่นคิด จากนั้นจึงโบกมือวูบ

ประตูโลกแห่งความตายปรากฏขึ้น จากนั้นอัศวินแห่งฝันร้ายที่รอบตัวปกคลุมด้วยหมอกดำก็ปรากฏตัวออกมา

หลังจากหลินอวี่เลื่อนคลาสเป็นคลาส 1 อัศวินแห่งฝันร้ายก็แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

-----------------------------------------------

อัศวินแห่งฝันร้าย ( B- )

ระดับ: คลาส 1 เลเวล 4 (เท่าผู้เล่น)

พลังชีวิต: 40,200

พลังมานา: 12,000

พลังโจมตีกายภาพ: 4,140

พลังโจมตีเวทมนตร์: 1,500

พลังป้องกันกายภาพ: 3,540

พลังป้องกันเวทมนตร์: 3,016

สกิล: การพุ่งชาร์จแห่งฝันร้าย, เสียงคำรามแห่งความกลัว, การโจมตีแห่งความตาย, ดูดวิญญาณ

คำอธิบาย: ยามเสียงกีบเท้าม้าของอัศวินแห่งฝันร้ายดังขึ้น นั่นคือฝันร้ายของศัตรู

-----------------------------------------------

นี่เพียงแค่คลาส 1 เท่านั้น แต่มันก็มีพลังชีวิตเกิน 40,000 หน่วยไปแล้ว นับเป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมาก

การโจมตีทางกายภาพเองก็ทะลุ 4,000 หน่วย ขณะที่ทางด้านการโจมตีด้วยเวทมนตร์เองก็ไม่ได้ต่ำ

แม้ว่าจะเทียบกับหลินอวี่ไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ด้อยกว่าผู้มีพลังพิเศษที่ผ่านภารกิจเลื่อนคลาสระดับจักรพรรดิที่สวมใส่อุปกรณ์ระดับสูงทั้งตัว

เมื่อเห็นว่าจู่ๆก็มีอัศวินแห่งฝันร้ายสองตัวโผล่ออกมา ทั้งจั่วมู่เกอและหยานจีก็ประหลาดใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้เห็นสกิลนี้ของหลินอวี่

"กลิ่นอายแข็งแกร่งมาก"

มังกรดินที่เพิ่งเลื่อนคลาส เมื่อเห็นอัศวินแห่งฝันร้ายปรากฏตัว ร่างกายของมันก็พลันเขม็งเกร็งและตื่นตัวขึ้นมา

หยานจีตบลงบนเกราะของมังกรดินเบาๆเพื่อปลอบให้มันวิ่งต่อ

หลินอวี่ยิ้มพลางพูดขึ้นว่า

"แยกย้ายกันออกไปล่า"

"กรร!"

อัศวินแห่งฝันร้ายทั้งสองคำราม พวกมันแยกย้ายกันออกไปคนละทิศด้วยความเร็วจนคลฃ้ายกลายเป็นเงาดำสายหนึ่ง

ด้วยค่าสติปัญญาของหลินอวี่ในปัจจุบัน อัศวินแห่งฝันร้ายจะสามารถอยู่ห่างจากเขาได้ราวห้าถึงหกกิโลเมตร

เมื่อแยกย้ายกันออกไปด้านละตัว นั่นก็จะครอบคลุมพื้นที่สิบกว่ากิโลเมตร ทำให้พื้นที่ทั้งหมดอยู่ในรัศมีการล่าของเขา!

หลังจากอัศวินแห่งฝันร้ายแยกย้ายกันออกไปไม่นาน หลินอวี่ก็มองเห็นการแจ้งเตือนจากระบบ

"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น หลินอวี่ สำหรับการสังหารลิซาร์ดลาวา คลาส 1 เลเวล 3 ได้รับ 3 คะแนน"

"ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น หลินอวี่ สำหรับการสังหารมนุษย์ศิลาคลาส 1 เลเวล 4 ได้รับ 4 คะแนน"

"......."

คะแนนในการสอบระดับหัวกะทิได้รับยากกว่าการสอบระดับทั่วไปมาก

คลาส 1 เป็นแค่ระดับพื้นฐานเท่านั้น

ในมิติลับแห่งนี้ไม่มีคู่ต่อสู้ที่อยู่ระดับกว่าคลาส 1

ด้วยอัศวินแห่งฝันร้ายสองตัวและมังกรดิน พวกของหลินอวี่ก็ไม่จำเป็นจะต้องลงมือด้วยตนเอง เพียงปล่อยให้สมุนจัดการไปตลอดทาง

มอนสเตอร์ทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคะแนนและกองไอเท็ม

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกหลินอวี่ทั้งสามก็เข้ามาในเขตแดนอันรกร้าง

ตอนนั้นเองก็มีเสียงคำรามดังมาจากระยะไกล

ทั้งสามคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่พลันหยุดชะงัก

"บอส! เร็วเข้า รีบไปเร็ว! อย่าให้ใครแย่งไปได้!"

จั่วมู่เกอหันมองไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้น

หลินอวี่กำลังนอนหนุนตักจั่วมู่เกอ เมื่อจั่วมู่เกอเอี้ยวตัว ใบหน้าของหลินอวี่ก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สะดวกนัก

เขาได้ต้องลุกขึ้นนั่งด้วยความจำใจ

"ไปดูกันเถอะ"

..........................

คะแนนที่ได้จากบอสย่อมมากกว่าได้จากมอนสเตอร์ทั่วไปอยู่แล้ว

หยานจีพยักหน้าและสั่งให้มังกรดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เกิดเสียงคำราม

..........................

ภายในหุบเขาที่มีธารลาวา ที่นั่นมียักษ์ศิลาที่ตัวสูงกว่าสิบเมตรกำลังยืนอยู่

ทั่วร่างของยักษ์ศิลานี้เป็นสีแดงเข้มที่ปลดปล่อยความร้อนออกมา

มันกำมือแน่นพลางเงยหน้าขึ้นคำราม ภายใต้การล้อมโจมตีของผู้มีพลังพิเศษกลุ่มหนึ่ง

ผู้มีพลังพิเศษกลุ่มนี้มีคนอยู่สิบกว่าคน

ที่ล้อมยักษ์ศิลาอยู่มี พวกนักรบ อัศวิน ที่ด้านหลังยังมี นักธนู นักเวท และนักบวชอีกหลายคน

"สกัดไว้! อย่าให้มันพุ่งเข้ามาได้!"

"นักเวท นักธนู นักบวช กระจายกันออกไป!"

"ไม่ว่ามันตามใครไป ให้วิ่งเป็นเส้นตรง คนอื่นๆให้ช่วยใช้สกิลเพิ่มความเร็วให้กับคนที่ถูกไล่ตาม"

ชายหนุ่มหล่อเหลาที่สวมใส่เสื้อคลุมสีฟ้าครามออกคำสั่งอย่างเป็นขั้นตอน

แม้ว่ายักษ์ศิลาตัวนี้จะเป็นบอสคลาส 3 แต่ก็ไม่อาจสังหารอัศวินที่อยู่เบื้องหน้าได้ในพริบตา มันต้องการจะโจมตีนักเวทที่อยู่แถวหลัง แต่เพราะเคลื่อนที่ได้ช้า มันจึงตามมนุษย์ที่ได้รับการบัฟเพิ่มความเร็วไม่ทัน

มันได้แต่ติดอยู่ในวงล้อมของพวกมนุษย์

แม้ว่าจะวุ่นวายไปสักนิด แต่สถานการณ์ก็ถูกควบคุมเอาไว้ได้

ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ ยักษ์ศิลามีพลังป้องกันสูงเกินไป ต่อให้จะถูกสกิลลดพลังป้องกันไปแล้ว แต่ก็สามารถสร้างค่าความเสียหายให้กับมันได้เพียงเลขหลักเดียวเท่านั้น

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างค่าความเสียหายหลักสิบใส่มันได้

ยักษ์ศิลาตัวนี้จัดการได้ยากมาก

มองดูปริมาณพลังชีวิตที่ลดลงไปแล้ว นักธนูหญิงที่ยืนอยู่ด้านข้างนักเวทก็ขมวดคิ้ว

"พี่จ้าว ทำไมพวกเราไม่ยอมแพ้แล้วไปหาตัวอื่น? บอสตัวนี้มีพลังป้องกันสูงเกินไป คงอีกนานกว่าพวกเราจะจัดการมันได้ และพวกนักบวชก็คงมีพลังมานาไม่มากขนาดนั้น"

"ยิ่งกว่านั้น หากเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว คนในทีมก็อาจจะลดลง"

นี่ไม่ใช่เกม

หากไม่ระวังแลเสียค่าพลังชีวิตไปจนหมด นั่นก็จะเป็นการตายจริงๆ

จ้าวเทียนอวี่มองดูยักษ์ศิลาที่กำลังไล่ตามคนในทีมอยู่ เขายกมือขึ้นและยิงศรน้ำแข็งออกไป

-102

เกิดตัวเลขค่าความเสียหายสามหลักลอยขึ้นมา

นี่คือค่าความเสียหายที่มากที่สุดที่พวกเขาจะทำได้แล้ว

ในแววตาของชายหนุ่มปรากฏความลังเลขึ้นมา

บอสตัวนี้ยังเหลือค่าพลังชีวิตอีกมหาศาล

เขาเองก็ทราบว่าการล่าบอสตัวนี้มีความเสี่ยงสูง แต่หากว่าล่าได้สำเร็จ คะแนนของเขาก็จะเหนือกว่าคนอื่นๆมาก!

ความเย้ายวนของมันสุดที่จะตัดใจจากไปได้

ชายหนุ่มอยากจะทดลองอีกสักพัก

"โฮก!"

ตอนนั้นเอง ยักษ์ศิลาที่รับการโจมตีมาโดยตลอดก็พลันเงยหน้าขึ้นคำราม

มันยกมือทุบลงบนพื้นอย่างรุนแรง พื้นดินสั่นสะเทือนและเกิดรอยแตกร้าวลุกลามออกไป เหล่าผู้มีพลังพิเศษสายต่อสู้ระยะประชิดต่างติดสถานะมึนงง

เมื่อเห็นฉากนี้ รูม่านตาของจ้าวเทียนอวี่ก็หดตัววูบ

"ใช้สกิลสลัดหลุด!"

เหล่าอัศวินและนักรบต่างใช้สกิลสำหรับสลัดหลุมการควบคุมออกมา ขณะเดียวกัน ยักษ์ศิลาก็ฉวยโอกาสนี้วิ่งฝ่าวงล้อมออกมา

ฉากนี้ทำให้จ้าวเทียนอวี่หลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

"พี่จ้าว!"

นักธนูสาว กุ้ยอิงเล่ยตะโกนออกมา

"ไม่อาจปล่อยให้มีคนมาตายอยู่ที่นี่!"

หญิงสาวตัดสินใจ

ตอนนั้นเอง ศรน้ำแข็งที่มีความมืดปกคลุมดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ร่างของยักษ์ศิลาจากระยะไกล

-41012

ค่าความเสียหายที่ดูเกินจริงทำให้ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง และยังไม่ทันที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนองใด สายฟ้าสีดำก็พุ่งลงมาจากฟ้าและผ่าเข้าใส่ยักษ์ศิลา

เปรี้ยง!!

-60102

ยักษ์ศิลาพลันชะงักนิ่งก่อนจะล้มฟาดลงกับพื้น

ทุกคนมองดูยักษ์ศิลาที่นอนล้มคว่ำไปกับพื้นด้วยสีหน้าราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง