ตอนที่ 112

หลินอวี่มองผืนหนังมนุษย์ที่ตกอยู่บนพื้น เนื้อตัวก็เปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!

เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้และทำการตรวจสอบหน้าต่างสถานะของตัวเอง

จากนั้นเขาจึงหันไปมองรอบๆด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

เขาแทบจะไม่อาจทำใจเชื่อได้ลง

ชายขี้เมาที่เพิ่งพูดคุยกับเขาเมื่อครู่ เพียงพริบตาเดียวก็กลายเป็นหนังมนุษยืผืนหนึ่งไปเสียแล้ว

ตอนนี้เอง บาร์เทนเดอร์และแขกในร้านคนอื่นๆต่างก็สังเกตเห็นท่าทางอันแปลกประหลาด

สีหน้าของทุกคนพลันแข็งค้าง จากนั้นหน้าซีดจนไร้สีเลือด

"เหวอ!!"

"หนีเร็ว! เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว!"

"รีบแยกย้ายกันหนี!!"

"......"

เกิดสถานการณ์ไก่บินสุนัขเตลิดขึ้นในร้านเหล้า แขกทุกคนรวมถึงบาร์เทนเดอร์ต่างวิ่งหนีออกจากร้านอย่างไม่คิดชีวิต

พวกเขาไม่กล้าอยู่ต่อแม้สักวินาทีเดียว

เพียงพริบตาเดียว ภายในร้านเหล้าก็เหลือเพียงหลินอวี่

"ติ๊ง! ผู้เล่นหลินอวี่ได้รับคำสาปโลหิต"

หลินอวี่ "???"

ฉันแค่ถามไปไม่กี่คำถามก็ถูกสาปแล้ว?!

หลินอวี่ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงหยิบม้วนเวทที่มีออร่าความศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกมา

-----------------------------------------------

ม้วนเวทแสงชำระล้าง ( A- )

ใช้เพื่อชำระล้างคำสาป สกิลสายควบคุม และค่าสถานะที่สร้างค่าความเสียหายทั้งหมด

เงื่อนไขในการใช้งาน: คลาส 1 เลเวล 10

-----------------------------------------------

หลินอวี่ฉีกม้วนเวททันทีโดยไม่ลังเล

เกิดแสงสว่างปรากฏขึ้นห่อหุ้มร่างของหลินอวี่เอาไว้

วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องอันแสบแก้วหูก็ดังออกมาจากภายในร่างของเขา

จากนั้นริ้วแสงสีเลือดก็พุ่งออกราวกับกำลังหลบหนีจากร่างกายของเขา

คำสาปโลหิตสลายไปแล้ว หลินอวี่ใช้เนตรตรวจจับ จากนั้นเขาก็มองเห็นรอยเลือดลากเป็นทางยาวออกไปด้านนอก

หลินอวี่หรี่ตาลง จากนั้นมุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้ม

"แสร้งทำตัวเป็นผีงั้นเหรอ? คิดว่าจะไม่มีใครจับได้รึไง?"

เขาเหลือบมองไปยังผืนหนังมนุษย์ จากนั้นเขาก็หยิบน้ำยาล่องหนออกมาดื่ม คนทั้งคนก็หายวับไป

นึกไม่เลยว่าแค่ถามคำถามเพียงไม่กี่คำ อีกฝ่ายจะตั้งใจเล่นงานเขาให้ถึงตาย

จะต้องเอาคืนแน่

หลินอวี่เริ่มก้าวเท้าออกเดิน เขาค่อยๆเดินตามรอยเลือดที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นไป

หลังจากหลินอวี่ออกจากร้านเหล้าไปได้ไม่นาน กองกำลังประจำเมืองก็เดินตามกลุ่มคนในชุดสีขาวเข้ามา

กลุ่มมือปราบ

หัวหน้ามือปราบเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีอาชีพนักฆ่า

ร่างของเขากระพริบวูบ วินาทีต่อมาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าผืนหนังมนุษย์

เขาใช้มือที่สวมใส่ถุงมือแล้วลูบไล้ผืนหนังมนุษย์เบาๆ คิ้วของเขาค่อยๆขมวดเข้าหากัน

"บัดซบ! ฝีมือของดอกไม้โลหิตอีกแล้ว"

"หนีไปแล้ว"

ที่ด้านหลังของชายหนุ่ม หญิงสาวหน้าหวานในชุดนักบวชขมวดคิ้วเบาๆด้วยความกังวล

"เจ้าพวกนี้มันเหมือนกับหนูท่อ ซ่อนตัวกันเก่งจริงนะ!"

นักรบที่สวมใส่เกราะหนักยกมือทุบโต๊ะจนแหลกคามือด้วยความไม่พอใจ

ชายหนุ่มนักฆ่าเหลือบมองเขา

"จดค่าเสียหายเอาไว้ด้วย"

"ตามตัวพวกที่อยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้มา"

ชายหนุ่มหันไปพูดกับทหารหน่วยป้องกันเมือง

ดวงตาของพวกทหารฉายแววหวาดกลัว กระนั้นพวกเขาก็ยังพยักหน้า

"ดีมาก"

ไม่นาน บาร์เทนเดอร์ก็ถูกนำตัวมาอยู่ที่เบื้องหน้าของชายหนุ่ม

บาร์เทนมองดูกลุ่มคนในชุดสีขาวด้วยสภาพหน้าซีดปากสั่น จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคงตื่นตระหนกไม่หาย

"ทะ...ท่าน...ผมไม่รู้อะไรเลยครับ"

ชายหนุ่มมองหน้าเขา จากนั้นจึงหันไปมองหน้านักบวชสาว

นักบวชสาวส่ายหน้าเบาๆ

ชายหนุ่มหันกลับมาหาบาร์เทนเดอร์ก่อนจะถามขึ้นว่า

"ไม่เป็นไร แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเขา?"

ชายหนุ่มชี้ไปยังผืนหนังมนุษย์ที่อยู่บนพื้น

บาร์เทนเดอร์ตอบว่า

"ก่อนหน้านี้มีจอมเวทคนหนึ่งเข้ามาในร้าน เขาต้องการรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลหลี่ในเมืองชิงซง.....จากนั้นชายขี้เมาก็เล่าเรื่องที่เขารู้ จากนั้น....จากนั้นเขาก็ตาย"

ชายหนุ่มผงะ ขณะที่นักรบสวมเกราะทางด้านข้างพลันถามขึ้นว่า

"จอมเวทคนนั้นอยู่ไหน?!"

บาร์เทนเดอร์หันไปมองรอบๆก่อนจะตอบด้วยสีหน้าสับสน

"เมื่อกี้เขายังอยู่ที่นี่ ยังอยู่จนกระทั่งพวกเราวิ่งหนีออกไป"

"เกรงว่าคงใช้บลิ๊งค์หลบไปแล้ว ยิ่งเป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งก็ยิ่งมีวิธีการเดินทางมากมาย"

นักเวทหนุ่มที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดเอ่ยตอบ

........................................

"จอมเวทคนนั้นเป็นใครกัน?"

ชายหนุ่มนักฆ่าหันไปถามหัวหน้าทหาร

หัวหน้าหน้าทหารนั้นรีบตอบว่า

"เขาเป็นนักผจญภัยครับ ชื่อว่า จางชิ....."

หลังจากนิ่งฟังคำบอกเล่าของหัวหน้าทหาร นักฆ่าหนุ่มก็เอ่ยขึ้นว่า

"ไปสืบหาข้อมูลของเขา"

"อืม"

นักเวทหนุ่มที่ยืนอยู่ในกลุ่มมือปราบ

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็สืบไม่พออะไรจากที่นี่เช่นกัน

........................................

ขณะเดียวกัน หลินอวี่ได้ติดตามริ้วสีเลือดมาจนถึงทะเลทรายอันแห้งแล้ง

จากนั้นริ้วแสงสีเลือดก็หายเข้าไปในทราย

หลินอวี่ชะงักนิ่ง เขามองดูตำแหน่งพื้นทรายที่ก็ดูปกติธรรมดาก่อนจะขมวดคิ้ว

เขาลองเดินสำรวจพื้นที่รอบๆบริเวณ หากแต่ก็ไม่พบอะไร

เขาไม่อาจใช้สกิลสุ่มโจมตีใส่พื้นทราย เพราะนั่นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น

หลินอวี่ทำได้เพียงหาสถานที่ใกล้ๆเพื่อนั่งลงด้วยร่างยังคงล่องหนอยู่ สายตาคอยกวาดมองรอบๆอยู่เป็นระยะ เขากำลังรอคอยการเปลี่ยนแปลง

........................................

ไม่ช้า ท้องฟ้าสีครามก็เปลี่ยนเป็นสีดำ

แสงจันทร์นวลทอแสงลงบนผืนทราย เป็นภาพที่แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ

ตอนนี้เอง ผืนทรายก็เกิดการสั่นสะเทือน

แซกๆ..............

หลินอวี่หรี่ตาลง เขาพลันหันมองไปยังทิศทางที่เกิดแรงสั่นสะเทือน

ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่ริ้วแสงสีแดงเลือดหายไปก่อนหน้านี้

ทรายหลืองแยกตัวออกจนเผยให้เห็นอุโมงค์ที่มีประตูติดตั้งอยู่

กึกๆ.......

ประตูบานนั้นค่อยๆเปิดออก หมอกสีแดงก็ไหลออกมาจากข้างในก่อนจะค่อยๆแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ

หลินอวี่เลิกคิ้ว หากแต่ยังคงไม่เคลื่อนไหว

ไม่นานหมอกสีแดงก็ลอยปกคลุมพื้นที่หลายร้อยเมตร รวมถึงบริเวณที่หลินอวี่อยู่ด้วย

ตอนนี้เอง พระจันทร์สีขาวนวลที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นดวงจันทร์สีโลหิตอันลี้ลับ

"ติ๊ง! ผู้เล่นหลินอวี่ได้เข้าสู่อาณาจักรโลหิต ทุกวินาทีจะเพิ่มค่าความศรัทธาต่อพระแม่โลหิต"

หลินอวี่ "???"

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

ล้อกันเล่นรึเปล่า?!

พระแม่โลหิต?

นั่นมันเทพที่ชั่วร้ายไม่ใช่รึไง??

ตอนนั้นเอง เสียงจากระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"ติ๊ง! เนื่องเพราะผู้เล่นหลินอวี่ มีค่าความศักดิ์สิทธิ์ 100 แต้ม ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบจากอาณาจักรโลหิต"

ได้ยินดังนั้น หลินอวี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตอนนี้เขาก็นึกถึงภารกิจระดับอีเทอร์นอลส์ก่อนหน้านี้

อย่าได้เห็นว่าตอนนี้เขามีไพ่ตายอยู่มากมายหลายใบ แล้วจะผ่านภารกิจไปได้โดยง่าย เพราะบัดนี้เขานี้ต้องเผชิญกับตัวตนระดับพระแม่โลหิต

นี่ไม่ใช่ตัวตนที่เขาจะต่อกรด้วยได้เลย

โชคดีที่เขาสะสมค่าศักดิ์สิทธิ์เอาไว้มากพอ

ตอนนี้เอง เงาร่างจำนวนหลายร่างก็ค่อยๆเดินออกมาจากประตูใต้ดิน

ทั้งหมดล้วนสวมผ้าคลุมและหมวกคลุมสีเลือด

ร่างกายทุกส่วนของพวกเขาล้วนถูกปกปิดอยู่ภายใต้ผ้าคลุม

หลินอวี่หรี่ตาลงมองดูฉากนี้เงียบๆ

มีสมาชิกที่สวมหมวกคลุมจำนวนนับร้อยค่อยทยอยเดินออกมา

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มทำบางอย่าง บางคนขนวัสดุออกมา ขณะที่บางคนเริ่มจัดสร้างแท่นยกสูง

คล้ายกับเป็นแท่นพิธีกรรมบางอย่าง

ขณะที่คนอื่นๆเริ่มนำเอาเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตที่ถูกอัดแน่นเป็นก้อนกลมออกมา

เนื้อบางชิ้นยังคงขยับขึ้นลง ดูน่าสะอิดสะเอียนไม่น้อย

กลิ่นคาวเลือดอันรุนแรงโชยพัดมาตามลม ทำให้บรรยากาศดูสะอิดสะเอียนพิกล

หลินอวี่ขมวดคิ้ว

กลิ่นคาวเลือดรุนแรงมาก